ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย-ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
http://www.thaipost.net/sunday/180514/90636
สิ่งแวดล้อม
Sunday, 18 May, 2014 – 00:00
.
ปีนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาแห้งขอด แม้เข้าเดือนพฤษภาคมฝนเริ่มตกลงมาบรรเทาความแห้งแล้ง แต่ก็ไม่มากนัก สถานการณ์น่าเป็นห่วงและคาดการณ์ว่าฝนอาจทิ้งช่วงจนถึงเดือนมิถุนายน
ขณะนี้ปริมาณน้ำที่กักเก็บในเขื่อนจึงมีไม่มาก รวมถึงเขื่อนภูมิพลที่มีหน้าที่สำคัญในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในภาคการเกษตร การอุปโภคบริโภค รวมทั้งพลังน้ำจากเขื่อนใหญ่นี้ยังผลิตไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทยด้วย ทุกวันเขื่อนภูมิพลต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงวางแผนจัดการน้ำระยะยาวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งรักษาระบบนิเวศ
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้กล่าวบรรยายพิเศษใน งานสัมมนาวิชาการและนิทรรศการ “50 ปี เขื่อนภูมิพล ภูมิปัญญาสายน้ำปิง” เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ” บอกว่า โครงการพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ เป็นเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ โดยกว่า 80% เกี่ยวข้องกับน้ำ ตั้งแต่เขื่อนภูมิพลจนกระทั่งฝายชะลอน้ำ นำไปสู่การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงทรงแนะให้บริหารน้ำยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โครงการพระราชดำริห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ เป็นแบบอย่างการพัฒนาพื้นที่แห้งแล้ง ดินแข็งเหมือนหิน ใช้เวลา 7 ปี พลิกฟื้นความเขียวกลับคืนมา เกิดป่าธรรมชาติขึ้นเป็นลำดับชั้น โดยการทำเขื่อนลำลองชะลอน้ำ พระองค์ต้องการสร้างถุงน้ำเกลือบนภูเขาเพื่อรักษาความชื่น เพิ่มน้ำให้ผืนดิน เมล็ดพันธุ์และต้นไม้เติบโตงอกงาม
ดร.สุเมธกล่าวต่อว่า น้ำเป็นปัจจัยสำคัยหล่อเลี้ยงชีวิต ประเทศไทย น้ำมา 3 เดือน อีก 9 เดือนที่น้ำไม่มา จำเป็นต้องสร้างอ่างเก็บน้ำจัดการน้ำ ไม่ใช่ไล่น้ำหรือหนีน้ำ เช่น เขื่อนภูมิพลเหมือนโอ่งน้ำใบใหญ่ มีการศึกษาน้ำ 100 หยดบนแผ่นดิน ทั้งเครื่องมือที่มนุษย์สร้างหรือธรรมชาติสร้างเก็บได้ 8 หยด โดยภาคเหนือเก็บได้ 11 หยด ภาคใต้ 8 หยด ส่วนอีสาน 2-3 หยดเท่านั้น โดยเฉพาะอีสานมีปริมาณน้ำมากสุดในไทย 245,000 ล้าน ลบ.ม. น้ำแล้งทรงแนะให้ขุดคลองเก็บน้ำ น้ำล้นตามลำน้ำหาพื้นที่สาธารณะ หนองบึง ทำแก้มลิงบริหารจัดการ
“แต่ด้วยความโลภของมนุษย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนบุกรุก อย่างบึงบอระเพ็ดพื้นที่ 1.3 แสนไร่ ขณะนี้เหลือ 3 หมื่นไร่ ทั้งหน่วยงานราชการ สถานศึกษา ชาวบ้านรุกพื้นที่ พอน้ำหลากไม่มีที่รับน้ำ ทะลักลงปลายน้ำ หรือราชการประกาศน้ำหมด ให้เกษตรกรงดปลูกข้าว จะได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง แต่พี่น้องเรียกร้องให้ปล่อยน้ำในเขื่อน อยากทำนาปรังครั้งที่ 2 มองผ่านข้าวเป็นเงินทอง ขณะนี้น้ำมีจำกัดต้องบริหารจัดการ ในหลวงรับสั่งนำ
ความพอดีเป็นที่ตั้ง ใช้ปัญญานำทาง ไม่ใช่เงินนำทาง” ดร.สุเมธย้ำปัญหาน้ำที่ผ่านมาให้กับผู้มาร่วมเรียนรู้การจัดการน้ำตามแนวพ่อหลวงในโอกาสเขื่อนภูมิพลครบรอบ 50 ปี รัฐพิธีเปิดเขื่อนภูมิพล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ณ อาคารเกษม จาติกวณิช เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก
สำหรับ 50 ปี เขื่อนภูมิพลนั้น เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนากล่าว เป็นเขื่อนที่สร้างประโยชน์มหาศาล ระบายน้ำเข้าระบบชลประทานหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตร แต่เกษตรกรผู้ใช้น้ำก็ต้องปรับตัว วางแผนการเพาะปลูกพืชในช่วงน้ำน้อย ทุกคนต้องเข้าถึงภาระหน้าที่ตนเองและทำงานประสานกัน นึกถึงอนาคตของลูกหลานในวันข้างหน้า ทุกย่างก้าวพระบาทของการพัฒนาประเทศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือน บริหารจัดการน้ำได้ดีจะเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่ากลายเป็นมหาอำนาจทางด้านการเกษตร
นับจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนภูมิพลเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2507 จนถึงวันนี้ ครบ 50 ปี เขื่อนภูมิพลสามารถระบายน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ 270,951 ล้านลูกบาศก์เมตร หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรตั้งแต่จังหวัดตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ และชัยนาท กว่า 10 ล้านไร่
ส่งเสริมอาชีพประมงให้สามารถจับสัตว์น้ำได้ 13,150 ตัน คิดเป็นมูลค่า 427 ล้านบาท ส่วนประโยชน์ด้านพลังงานไฟฟ้าเขื่อนอเนกประสงค์ต้นแบบแห่งแรกของไทยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 64,580 ล้านหน่วย ชดเชยการนำเข้าน้ำมันเตาได้กว่า 15,466 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 342,418 ล้านบาท ยังไม่รวมประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว จากสถิติมีคนเดินทางไปเที่ยวเขื่อนภูมิพลมากกว่า 27 ล้านคน แนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
แนวทางการพัฒนาของเขื่อนภูมิพลต่อจากนี้ สุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ตลอด 50 ปี เขื่อนภูมิพลได้ทำหน้าที่เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ของประเทศ ก็ยังต้องปรับปรุงพัฒนาและบริหารงานให้ทันสมัย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนน้ำในลุ่มน้ำปิง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนลดน้อยถอยลง เป็นผลกระทบจากป่าต้นน้ำถูกบุกรุกทำลายและภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดทั้งพายุรุงแรง ฝนทิ้งช่วง ประชาชนขาดแคลนน้ำกว้างขวาง เราเห็นความสำคัญของพื้นที่ป่าต้นน้ำ จะเพิ่มการปลูกป่าให้มากขึ้นจากที่เคยปลูกไปแล้ว 80 ล้านไร่ เน้นให้ชุมชนต้นน้ำดูแลป่า สร้างฝายร่วมกับชุมชนแล้วกว่า 12,000 ฝาย
ปีหน้าเตรียมโครงการปลูกป่าเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาจะชวนชุมชนปลูกอีก 6,000 ไร่ เพื่อฟื้นป่าให้สมบูรณ์ไว้เก็บน้ำทั้ง จ.ตาก และ จ.น่าน แล้วยังมีโครงการเปิดเวทีให้ผู้ใช้น้ำได้พบปะกัน โดยมีเขื่อนภูมิพลเชื่อมประสานคนต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้หาทางออกจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
ส่วนการผลิตไฟฟ้าแม้จะเป็นภารกิจรอง แต่ผู้ว่าการ กฟผ. ยืนยันจะปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมีอยู่ตามธรรมชาติ ไม่มีค่าต้นทุนเชื้อเพลิง ค่าไฟมีราคาถูกกว่าการใช้เชื้อเพลิงอื่นผลิตไฟฟ้า ช่วยรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าได้กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยโรงไฟฟ้าอื่นไม่สามารถเดินเครื่องผลิตไฟได้ อย่างไรก็ตาม ฝากรณรงค์ลดการใช้พลังงาน ขอความร่วมมือคนไทยใช้ไฟฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อีกกิจกรรมบริเวณเขื่อนภูมิพลที่สร้างรอยยิ้มและไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก อยู่ที่อาคารจัดการน้ำ กฟผ.เขื่อนภูมิพล เปิดเวทีผู้ใช้น้ำฉลองกึ่งศตวรรษ มีพี่น้องกลุ่มผู้ใช้น้ำทั้งหมดเริ่มตั้งแต่กลุ่มคนต้นน้ำที่ดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลตลอดทั้งปี กลุ่มคนกลางน้ำที่เป็นผู้อยู่ในพื้นที่เขื่อนภูมิพลตั้งอยู่ และกลุ่มคนท้ายน้ำ เป็นกลุ่มเกษตรกรและชุมชนที่อาศัยน้ำจากสายน้ำแม่ปิงดำรงชีวิตและเกษตรกรรม มาล้อมวงพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็นในการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพล เวทีนี้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล และสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าฯ กฟผ. และพิสุทธิ์ โชคคติวัฒน์ ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล (อขภ.) เข้าร่วมฟังเวทีนี้ด้วย
วันชัย ประกัตฐโกมล ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำปิง ชาว อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่ของเราเป็นจุดที่น้ำไหลรวมกันเป็นแห่งแรกเหนือเขื่อนภูมิพล เราอยู่ต้นน้ำคอยดูแลรักษาป่า ได้พลิกฟื้นพื้นที่แห้งแล้ง 625 ไร่ กลับเป็นป่า มีการสร้างฝายชะลอน้ำจำนวนมาก มีคำถามถึงความยั่งยืนจากพี่น้อง “ปลูกป่า ปักป้าย ถ่ายฮูป จะฮอดก่” ก็ได้สานต่อสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อส่งเสริมพันธกิจรักษาป่า จะได้มีน้ำไหลเข้าอ่าง โดยทำโครงการรักไม้ชายห้วยทั้งพี่น้อง อ.ดอยเต่า อ.แม่แจ่ม และ อ.ฮอด เชียงใหม่ ลดการถางให้เตียน ดันให้เรียบ ถมให้ราบ ปล่อยให้ป่าธรรมชาติเกิดขึ้น เพราะป่าเก็บน้ำถาวร
“หลังจากแย่งกันใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพล ทะเลาะกันจนอ่อนแรง ได้ทำกิจกรรมเวทีผู้ใช้น้ำ มีส่วนราชการเข้ามาพูดคุย ตกผลึกทุกกลุ่มเห็นความสำคัญป่าและน้ำ น้ำที่แย่งกันนักหนาคือสายน้ำพระทัย นำไปสู่กลุ่มคนทำงานพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และท้ายน้ำ มีพันธกิจหลัก เหนือน้ำ ปลูกป่า รักษาป่า สร้างฝาย ป้องกันไฟป่า กลางน้ำ ดูเส้นทางน้ำ เกาะแก่งให้ไม่ตื้นเขิน ท้ายน้ำ ระดมทุนสนับสนุนคนต้นน้ำ มีปลูกป่าแลกข้าว นครสวรรค์ส่งไปให้พี่น้องอมก๋อย 15 ตัน เพื่อลดการถางป่าทำนา ส่วนกำแพงเพชรกลุ่มเกษตรกรสนับสนุนเก็บไร่ละ 1 บาท เป็นทุนอนุรักษ์ป่าต้นน้ำที่ดอยเต่า แม่แจ่ม เงินไม่สำคัญเท่าน้ำใจ” ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำปิงให้ภาพสะท้อนชัดเจน และฝากถึงคนท้ายน้ำใช้น้ำจากเขื่อนอย่างรู้คุณค่า อย่าใช้มากจนเกินไป ส่วนลุ่มน้ำอื่นที่เกิดความขัดแย้งแนะให้ยึดกระบวนการมีส่วนร่วมควบคู่การทำเวทีแห่งการเรียนรู้ในพื้นที่
อนันต์ อินต๊ะเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางเปียง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และประธานเครือข่ายรักษ์ต้นน้ำขุนแม่หาด บอกว่า แต่ละหมู่บ้านได้แบ่งความรับผิดชอบในการดูแลป่าขุนต้นน้ำสำคัญของอำเภอ ทั้งขุนแม่หาด แม่ตื่น ที่จะเก็บน้ำไหลไปรวมกับแม่น้ำปิงที่ จ.ตาก สร้างฝายชะลอน้ำกว่า 10 ฝาย เคยใช้กระสอบ แต่กระทบระบบนิเวศลำน้ำ กระสอบฝังในทรายเกิดการตื้นเขิน ไม่ยั่งยืน จึงเลิกใช้ ฤดูแล้งก็ทำแนวกันไฟ ปีที่แล้วการเพาะปลูกข้าวโพดเริ่มเข้ามาในพื้นที่ ก็ต้องออกไปให้ความรู้ชาวบ้าน เพราะการเกษตรเชิงเดี่ยวแบบนี้ป่าจะหมดจริงๆ โชคดีที่ชาวบ้านเห็นความสำคัญของป่าและเข้าใจ ก็จัดสรรงบ อบต.ซื้อเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง ฟักทอง ส่งเสริมให้เขาเพาะปลูก คนต้นน้ำต้องช่วยรักษาป่าไว้ให้ลูกหลาน ทำลายหมดวันหน้าไม่มีกินจะอยู่อย่างไร
อีกเสียงจากคนกลางน้ำ ผู้ใหญ่สง่า มูลถี อ.สามเงา จ.ตาก กล่าวว่า ตากมีพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก ทั้งสวนลำไย กล้วยไข่ และไร่ข้าวโพด ความต้องการใช้น้ำสูง ได้ประโยชน์จากเขื่อนภูมิพล ก็อยากมีบทบาทดูแลธรรมชาติ ทำโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 ป่าชุมชน และสร้างฝายชะลอน้ำใน อ.สามเงา ปัจจุบันมี 10,000 ฝาย ทำร่วมกับเขื่อนภูมิพลพื้นที่มีความชุ่มชื้นขึ้น
“คนกลางน้ำไม่ได้รอ แต่ต้นน้ำหรือน้ำเหนือเขื่อนอย่างเดียว ก็ช่วยแก้ปัญหาความแห้งแล้ง รักษาธรรมชาติ ช่วยเฝ้าระวังป้องกันไฟป่าบริเวณเขื่อน ครบ 50 ปี เขื่อนของพ่อ สัญญาว่าจะสร้างเครือข่ายรักษาดิน น้ำ และป่าต่อไป เชื่อว่าจะเกิดผลสำเร็จ เพราะคนต้นน้ำ กลางน้ำ ท้ายน้ำลุ่มน้ำปิง เลิกทะเลาะกันมา 4-5 ปีแล้ว เข้าใจภารกิจต้องช่วยกันเก็บป่า” ผู้ใหญ่สง่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ประสงค์ อินทร์ขุน รองประธานบริหารลุ่มน้ำปิง อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ ตัวแทนคนท้ายน้ำกล่าวเป็นคนสุดท้ายว่า สมัยที่ยังไม่มีเขื่อนภูมิพล น้ำป่ามาท่วมบ้านเรือนเสียหาย แต่หลังเขื่อนเข้ามาจัดระบบบริหารจัดการน้ำช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยได้ และมีส่วนสำคัญในการแจ้งสถานการณ์น้ำหรือปริมาณน้ำเข้า-ออกของเขื่อนให้ชาวบ้านวางแผนใช้ประโยชน์หรือตั้งรับ ปรับตัวได้ ในฐานะผู้ใช้น้ำก็จะทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาด้วย ที่ผ่านมามีเวทีผู้ใช้น้ำปีละ 2 ครั้ง ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งและแย่งชิงทรัพยากร รวมถึงระดมทุนไปมอบให้คนต้นน้ำอมก๋อย มอบข้าว เหลือ น้ำตาล และเตรียมสนับสนุนเมล็ดพันธุ์กาแฟเพาะปลูกบนดอยด้วย แม้จะไม่ใช่แนวทางยั่งยืนเวลานี้ แต่แสดงความเอื้ออาทรให้กันของผู้ที่อาศัยลุ่มน้ำปิงเลี้ยงชีวิต.