“รมว.ทรัพย์ฯ” เผย สั่งกรมควบคุมมลพิษเร่งแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย หลังน้ำลด

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย อาจมีปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วงคือ ปัญหาน้ำเน่าเสีย ซึ่ง นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้กรมควบคุมมลพิษหาแนวทางแก้ไข ด้วยการระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังโดยด่วน ซึ่งสภาพน้ำท่วมที่กำลังกลายเป็นปัญหาน้ำเน่าเสีย เกิดขึ้นแล้วที่ จ.อุทัยธานี โดยพบว่าน้ำท่วมขังเริ่มมีสีดำคล้ำ และมีกลิ่นเหม็น เช่นเดียวกับ จ.ลพบุรี สภาพน้ำท่วมขังนาน 2 สัปดาห์ ขณะนี้น้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำเช่นกัน

“กรมชลฯ” เผย สถานการณ์น้ำเจ้าพระยายังหนุนสูง ขณะที่น้ำเหนือที่นครสวรรค์ลดลงอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (29 ต.ค.) ว่า มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ณ จุดสำคัญๆ ดังนี้ จังหวัดนครสวรรค์ 2,745 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนเจ้าพระยา 3,717 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนพระรามหก 813 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,526 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แนวโน้มปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง ไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์มาก

ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ภาวะน้ำทะเลหนุนสูงเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังน้ำเหนือที่ยังไหลหลากจากทางตอนบน จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวลำน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง หมั่นตรวจสอบคันกั้นน้ำให้มีความมั่นคงแข็งแรงอยู่ตลอดเวลาด้วย ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมทั้ง ขอให้ติดตามรายงานสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยกรมชลประทาน จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป

ปภ.สรุปยอดน้ำท่วม 29 ต.ค. มี 27 จ. ปชช.เดือนร้อน 3,774,789 คน ดับ 75 ราย

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 10 – 29 ตุลาคม 2553 มีพื้นที่ประสบภัย 38 จังหวัด 297 อำเภอ 2,180 ตำบล 17,711 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,355,500 ครัวเรือน 4,161,363 คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 11 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว และนครนายก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 27 จังหวัด 244 อำเภอ 1,847 ตำบล 15,461 หมู่บ้าน 1,210,968 ครัวเรือน 3,774,789 คน แบ่งเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร อุทัยธานี และพิษณุโลก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี และหนองบัวลำภู

นอกจากนี้ ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ ทั้งนี้ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 4,001,701 ไร่ ผู้เสียชีวิต 75 ราย น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่อำเภอทับปุด อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอท้ายเมือง จังหวัดพังงา ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ปภ.สั่งจังหวัดใต้เร่งซ้อมระบบเตือนภัย กำชับท้องถิ่นให้แจ้งผ่านสื่อทุกช่องทาง

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป พื้นที่ภาคใต้เป็นช่วงฤดูมรสุม ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้มีฝนตกหนัก และเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ดังนั้น กรม ปภ.จึงได้ซักซ้อมแนวทางการแจ้งเตือนภัยให้แก่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยเมื่อจังหวัดรับการแจ้งเตือนภัยจากกรม ปภ.แล้ว ให้รีบแจ้งเตือนภัยไปยังอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทันที ผ่านทุกช่องทางที่จังหวัดกำหนด ทั้งวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน เครือข่ายวิทยุสมัครเล่น สถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวีท้องถิ่น รวมถึงให้แจ้งเตือนผ่านระบบข้อความสั้น(SMS) ไปยังบุคคล ที่กำหนดให้เป็นผู้เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงภัย

นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า หากผู้ปกครองท้องที่ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครเตือนภัย อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หน่วยกู้ชีพกู้ภัย และอาสาสมัครอื่น ให้ทำการซักซ้อมให้ผู้เฝ้าระวังฯ เข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติเมื่อได้รับการแจ้งเตือน ว่าจะดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ใด และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเกิดสถานการณ์ภัยแล้ว ให้แจ้งสถานการณ์ภัยด้วยระบบภาพและเสียง ผ่านโทรศัพท์มือถือ วิทยุสื่อสาร และเครือข่ายอินเตอร์เนต เพื่อ ปภ.จะได้ติดตามสถานการณ์และวางแผนการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที เหมาะสมและสอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์ภัยในพื้นที่

ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง-ตะวันออก ในระยะนี้จะมีอากาศเย็นลงโดยทั่วไป โดยอุณหภูมิลดลงได้ 1-3 องศา

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยวันนี้ (29 ต.ค.53) เป็นดังนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา กับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา กับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่งของจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ตรัง และ สตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ปคบ.ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

วันที่ 28/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ การค้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.กฤศ โบสุวรรณ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รอง ผบก.ปคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. นำสิ่งของไปบริจาค และช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

พล.ต.ต.จาตุรงค์ เปิดเผยว่า การนำสิ่งของไปบริจาคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ที่ให้ตำรวจรู้จักหน้าที่ความเป็นตำรวจที่ต้องดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้เดือด ร้อน และการเป็นตำรวจที่ดี และพิทักษ์ปกป้องประชาชน  จึงได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดำเนินการจัดหาสิ่งของเพื่อจัดออกไป ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมขายตรง ที่ให้การสนับสนุนข้าวสารอาหารแห้งเพื่อนำไปบริจาค และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย เพื่อไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยครั้งนี้ด้วย

พ.ต.อ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า จากการสำรวจทราบว่า ใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กำเดือดร้อนอย่างหนัก และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จากนั้นจึงได้ติดต่อประสานงานไปยัง พ.ต.อ.ธนภณ โพธิสุข ผกก.สภ.บางปะอิน อบต. และอบจ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าไปทำการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่โดยด่วน และจะทำการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อื่นต่อไป

อุตุฯภาคใต้เตือน เรือประมงให้ระวัง ลมอ่าวไทยรุ่นแรง

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

นายวันชัยศักดิ์ อุดมไชย ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่า สภาวะอากาศมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามแล้ว และคาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในเร็วๆ นี้ จะส่งผลกระทบต่อสภาวะอากาศของภาคใต้ และอ่าวไทย ระลอกแรกในวันที่ 27 – 30 ต.ค.นี้ จะทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนเพิ่มมากขึ้นและอาจจะเกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่

ส่วนระลอกที่สอง ในช่วงต้นเดือน พ.ย. ฝนจะตกหนักขึ้น จึงขอให้ประชาชนได้เตรียมตัวรับสภาวะฝนตกหนักน้ำท่วม หรือดินถล่มและ โดยหลังจากวันที่ 27 ต.ค. นี้เป็นต้นไป คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสูงของคลื่น 2-3 เมตร จึงขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือด้วย

พด.เร่งคิดค้นเทคโนโลยีชีวภาพ ขยายผลความสำเร็จจุลินทรีย์ดิน สร้างนวัตกรรมใหม่ช่วยเกษตรกร

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

กรมหมอดินขยายผลความสำเร็จผลิตภัณฑ์ จุลินทรีย์ดิน เร่งคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ เน้นตอบสนองความต้องการของเกษตรกรและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า การคิดค้นและพัฒนาจุลินทรีย์ทางการเกษตรหรือ สารเร่ง พ.ด. ให้มีประสิทธิภาพในการสร้างธาตุอาหารพืชในดิน คือหนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพดินในพื้นที่ทำการเกษตรที่กรมพัฒนา ที่ดินได้ขยายผลไปสู่เกษตรกรมาตั้งแต่ปี 2529 จนกระทั่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สารเร่ง พด.อยู่ด้วยกัน 12 ชนิด สามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการผลิตปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ สารป้องกันแมลงศัตรูพืช ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ซึ่งผลสำเร็จจากการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ผลิตภัณฑ์ของกรมพัฒนาที่ดิน คือช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดรายจ่ายได้ 15-20% เพิ่มรายได้ ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ที่สำคัญคือช่วยในการฟื้นฟูทรัพยากรดินให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จ กรมพัฒนาที่ดินมีเป้าหมายในการวิจัยโดยมุ่งเน้นที่จะ พัฒนากลุ่มจุลินทรีย์ที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งคิดค้นจุลินทรีย์ตัวใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ให้เกษตรกรในทุกกลุ่มมาก ขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงโรคและแมลงศัตรูพืชที่ทวีความรุนแรง และปัญหาปุ๋ยเคมี สารเคมีทางการเกษตรราคาแพงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้ กรมฯ จึงจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์และเทคโนโลยีชีวภาพในการปรับปรุง บำรุงดินให้เข้ากับสถานการณ์

“การพัฒนานวัตกรรม พ.ด. ของกรมพัฒนาที่ดินในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยพลิกฟื้นสร้างมูลค่าใหม่ให้เกิดขึ้นกับที่ดินทำกินของเกษตรกร เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการสร้างรากฐานความมั่นคงให้เกิดขึ้นกับสังคมเกษตรได้อย่าง ยั่งยืน เกษตรกรที่สนใจสามารถรับผลิตภัณฑ์สารเร่ง พ.ด. ฟรีได้ที่จุดบริการเบ็ดเสร็จ สำนักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน กรมพัฒนาที่ดิน หรือที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขตและสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ” อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว

เกษตรรับงบ2.7พันล.ลุยงานวิจัย ต่อยอดพัฒนาพันธุ์พืช-ปศุสัตว์-ประมง-รองรับภาวะโลกร้อน

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานด้านการวิจัย โดยโอกาสนี้กระทรวงเกษตรฯได้ชี้แจงถึงบทบาทและภารกิจสำคัญของกระทรวงที่ได้ ดำเนินการ 4 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมสถาบันเกษตรกร สนับสนุนเกษตรกรให้พึ่งพาตนเองได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อาชีพมั่นคง 2.ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีมาตรฐานต่อผู้บริโภค 3.วิจัย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตทางการเกษตร และ 4.พัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเกษตร เน้นการใช้ทรัพยากรการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2554 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับงบประมาณด้านการศึกษาวิจัย ทั้งสิ้น 2,710 ล้านบาท แบ่งเป็น ด้านการพัฒนาพันธุ์ 1,488 ล้านบาท และการวิจัย 1,222 ล้านบาท

โดยในส่วนของแผนงานและโครงการสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนา ที่กระทรวงเกษตรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่โครงการหลวง การวิจัยและพัฒนาด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง โครงสร้างพื้นฐาน และการวิจัยเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

สำหรับปัญหาและอุปสรรค คือ นักวิจัยลดลง เนื่องจากนักวิจัยรุ่นเก่าเกษียณอายุ และสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่เพื่อทดแทนไม่ทัน นอกจากนี้ยังขาดการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในงาน วิจัย และงบประมาณการวิจัยมีจำกัด โดยแนวทางการแก้ปัญหา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนทดแทนอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในระยะ 12 ปี สร้างแรงจูงใจเพื่อให้นักวิจัยรุ่นใหม่มีการพัฒนางานวิจัยมากขึ้น ตลอดจนสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวง ในด้านการวิจัยและพัฒนา โดยการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น

สภาอุตฯมอบถังพาสติก2หมื่นใบ บรรจุน้ำสะอาดแจกเหยื่ออุทกภัย

วันที่ 29/10/2010

ผ่านทางแนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา.

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กระทรวงได้รับมอบถังบรรจุน้ำดื่ม ขนาด 5 ลิตร จำนวน 20,000 ใบ จาก นายวีระศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) พร้อมส่งมอบให้กับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อนำไปใช้บรรจุน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ธรรมชาติ เนื่องจากปัจจุบันปัญหาภัยธรรมชาตินับวันมีแต่จะรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประชาชนต้องประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค การจัดหาถังบรรจุน้ำใช้เพื่อแจกจ่ายในยามจำเป็น จะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งทางกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาคราชการอย่างเต็มกำลังและเต็ม ประสิทธิภาพ

ด้าน นายปราณีต ร้อยบาง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า ปัญหาภัยแล้งในช่วงก่อนหน้านี้ กรมได้ให้ความช่วยเหลือประชาชน อาทิ การแจกจ่ายน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง การแจกจ่ายน้ำดื่มบรรจุขวด จำนวน 177,809 ลิตร การเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 762 บ่อ เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล

สำหรับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 21,731 ครัวเรือน ซึ่งกรมได้ให้ความช่วยเหลือโดยแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดบรรจุขวด 59,040 ขวด แจกจ่ายน้ำดื่มสะอาดจากรถปรับปรุงคุณภาพน้ำดื่มเคลื่อนที่ 20,700 ลิตร ซ่อมระบบประปาหมู่บ้าน 31 แห่ง