รอบโลก 13/01/59

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561833

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ม.ค. 2559 05:01

 

หวันต้าซื้อสตูดิโอหนังมะกัน

ปักกิ่ง-เมื่อ 12 ม.ค. เครือบริษัท “ต้าเหลียน หวันต้า กรุ๊ป” ของจีน ซึ่งนายหวัง เจี้ยนหลิน มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันดับ 1 ของจีน เป็นเจ้าของ ประกาศว่าจะซื้อสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ “เลจเจินเดอรี เอนเทอร์เทนเมนต์” ของสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 122,500 ล้านบาท) อนึ่ง บ.หวันต้ามีธุรกิจห้างสรรพสินค้าและโรงแรมหรูกว่า 200 แห่งในจีน ในช่วงหลังๆยังซื้อกิจการต่างชาติมากมาย รวมทั้งซื้อหุ้นใหญ่ในเครือ–ข่ายโรงภาพยนตร์ “เอเอ็มซี เอนเทอร์เทนเมนต์” ของสหรัฐฯ มูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก.

เมอร์ด็อกวิวาห์ยอดนางแบบ

ลอนดอน-“เดอะ ไทม์ส” หนังสือพิมพ์ในเครือบริษัท “นิวส์ คอร์พะเรชัน” ของอังกฤษ ซึ่งมีนายรูเพิร์ต เมอร์ด็อก มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายออสเตรเลียวัย 84 ปี เป็นเจ้าของและซีอีโอ เผยเมื่อ 12 ม.ค.ว่า เมอร์ด็อกจะเข้าพิธีวิวาห์กับเจอร์รี ฮอลล์ นักแสดงและอดีตสุดยอดนางแบบวัย 59 ปี หลังคบหาดูใจกันมา 4 เดือน และ เพิ่งหมั้นกันที่นครลอสแอนเจลิส นับเป็นการแต่งงานครั้งที่ 4 ของเมอร์ด็อก เจ้าพ่อธุรกิจ สื่อฯ และครั้งที่ 2 ของฮอลล์ อดีตภรรยาของ มิค แจ๊กเกอร์ นักร้องนำวงโรลลิง สโตนส์ ทั้งคู่มีลูกติดรวมกัน 10 คน.

โอบามาแถลงนโยบายประจำปี

วอชิงตัน-ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ มีกำหนดแถลงผลงานและนโยบายประจำปีครั้งสุดท้ายต่อสภาคองเกรส ในเวลา 21.00 น. วันที่ 12 ม.ค. (09.00 น. วันที่ 13 ม.ค.เวลาไทย) โดยเป้าหมายรวมทั้งขอเสียงสนับสนุนเรื่องข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) การควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดขึ้น และการปิดคุกในอ่าวกวนตานาโม คาดว่าเขาจะหยิบยกความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์กับอิหร่านและการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคิวบาขึ้นมาพูดด้วย.

จีนเฉ่งบิ๊กตำรวจ

ปักกิ่ง-โทรทัศน์ซีซีทีวีรายงานเมื่อ 12 ม.ค.ว่า ศาลเมืองเทียนจินของจีนตัดสินจำคุกนายหลี่ ตงเชง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและ รมช.กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ วัย 61 ปี เป็นเวลา 15 ปี ในข้อหารับสินบนเกือบ 22 ล้านหยวน (115 ล้านบาท) นายหลี่เป็นพันธมิตรของนายโจว หย่งคัง อดีต รมว.ความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตปีที่แล้ว.

ยอมไม่ได้! คนร้ายส่งภาพเซลฟี่ให้ ตร. เหตุรูปในหมายจับไม่หล่อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561913

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ม.ค. 2559 04:35

 

(ภาพ: Lima Police Department)

ผู้ต้องสงสัยชายคนหนึ่งซึ่งถูกออกหมายจับข้อหาผิดนัดต่อศาลในรัฐโอไฮโอ ของสหรัฐอเมริกา ส่งรูปถ่ายเซลฟี่ของตัวเองให้กับตำรวจ เพื่อให้นำไปใช้แทนรูปในหมายจับซึ่งเขาระบุว่า ไม่ได้เรื่อง…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนสำนักงานตำรวจเมืองไลมา รัฐโอไฮโอ ได้แชร์รูปภาพของนาย โดนัลด์ เอ. ‘ชิป’ พิวก์ จำนวน 3 รูปลงบนเว็บไซต์เฟซบุ๊กของพวกเขา โดยรูปหนึ่งเป็นภาพในหน้าตรงๆ จากประวัติอาชญากรรมของตำรวจ, รูปที่ 2 เป็นภาพนายพิวก์กำลังยิ้มแบบแปลกๆ และรูปสุดท้ายเป็นรูปถ่ายเซลฟี่ของนายพิวก์เอง ซึ่งข้อความระบุในภาพด้วยว่า “นี่คือภาพที่ดีกว่าภาพไม่ได้เรื่องนั่น”

ตำรวจไลมาระบุในแคปชั่นของรูปว่า “นี่เป็นรูปที่นายพิวก์ส่งมาให้พวกเราเอง เราขอขอบคุณในความช่วยเหลือของเขา แต่เราจะดีใจมาก หากเขาเข้ามาคุยกับเราเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของเขา”

ทั้งนี้ นายพิวก์ อายุ 45 ปี ถูกออกหมายจับฐานผิดนัดเข้าให้การต่อศาล เขายังเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวในหลายคดีรวมถึง วางเพลิงและทำลายทรัพย์สินของรัฐ.

ศาลสูงปินส์อนุมัติข้อตกลงร่วมมือทัพมะกัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561889

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ม.ค. 2559 03:30

 

ผู้ประท้วงมารวมตัวกันที่หน้าศาลสูงฟิลิปปินส์ในกรุงมะนิลา เพื่อต่อต้านข้อตกลง อีดีซีเอ (ภาพ: AP)

ศาลสูงของฟิลิปปินส์ตัดสินให้ “ข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือด้านกลาโหม” (อีดีซีเอ) ระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ไม่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของฟิลิปปินส์ เมื่อ 12 ม.ค. และถือเป็นข่าวดีสำหรับสหรัฐฯในความพยายามที่จะเข้ามายึดคืนอิทธิพลในเอเชีย ตามนโยบายปักหมุดเอเชียของประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ในขณะที่จีนเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกรณีการอ้างสิทธิ์ครอบครองน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่มีคู่กรณีหลายประเทศ รวมทั้ง ฟิลิปปินส์ เวียดนามและไต้หวัน

ตุลาการของศาลสูงฟิลิปปินส์ 10 คน จากทั้งหมด 15 คน ตัดสินเป็นแนวทางเดียวกันว่าข้อตกลง อีดีซีเอ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและฟิลิปปินส์ร่วมลงนาม เมื่อปี 2557 และมีระยะเวลา 10 ปี ซึ่งจะอนุญาตให้ กองกำลังสหรัฐฯ รวมทั้งเรือรบและเครื่องบินอยู่ประจำการได้ชั่วคราวตามฐานทัพของฟิลิปปินส์ได้นั้น เป็นข้อตกลงของฝ่ายบริหารซึ่งไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากวุฒิสภา ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯในกรุงมะนิลา แถลงตอบรับคำตัดสินระบุว่า อีดีซีเอเป็นข้อ ตกลงที่สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายและจะช่วยเสริมศักยภาพ เพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้รวดเร็วและช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพฟิลิปปินส์

ด้านนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายกำลังพิจารณายื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลสูงครั้งนี้ และว่าการมีประจำการของทหารสหรัฐฯในฟิลิปปินส์จะไม่ช่วยแก้ความวิตกเรื่องจีนเข้ามาสร้างอิทธิพลในทะเลจีนใต้

วันเดียวกัน กรณีเกาหลีเหนืออ้างประสบความสำเร็จทดลองระเบิดไฮโดรเจน (เอชบอมบ์) ใต้ดิน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายรวมทั้งสหรัฐฯตั้งคำถามถึงศักยภาพของเกาหลีเหนือมีมากพอคิดค้นและทำระเบิดเอช-บอมบ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงกว่าระเบิดนิวเคลียร์ทั่วไปได้แล้วหรือไม่ สำนักข่าว เคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือ รายงานว่า การทดลองระเบิดเอช-บอมบ์ ไม่ได้มุ่งยั่วยุหรือคุกคามใครหรือมีจุดประสงค์เฉพาะแต่เพื่อรับประกันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ถูกโจมตีจากกองกำลังปรปักษ์ซึ่งก็มีสหรัฐฯอยู่ในกลุ่มกองกำลังลำดับแรกๆ

ส่วนสหรัฐฯที่กำลังหามาตรการมาคว่ำบาตรเล่นงานเกาหลีเหนือรอบใหม่กรณีทดลองระเบิดเอชบอมบ์ดังกล่าว ออกมายืนยันว่าสหรัฐฯกับเกาหลีใต้ไม่ได้หารือกันเรื่องการหวนคืนหรือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้เกาหลีใต้ เพราะอาจก่อให้เกิดการแข่งขัน ด้านการทหารในภูมิภาคได้.

ซูจีเปิดการเจรจาสันติภาพเมียนมา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561886

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ม.ค. 2559 02:50

 

(ภาพ: AFP)

นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ซึ่งชนะเลือกตั้งเมียนมาถล่มทลายเมื่อ 8 พ.ย.2558 กล่าวสุนทรพจน์เปิดการเจรจาสันติภาพ 5 วัน ที่กรุงเนปิดอว์ เมื่อ 12 ม.ค. โดยมีผู้แทนกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ กองทัพ นักการเมือง รวมทั้งประธานาธิบดีเต็ง เส่ง พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเข้าร่วม แต่กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มไม่เข้าร่วมเพราะเห็นว่าการเจรจายังไม่ครอบคลุมทุกฝ่าย

คาดว่าการเจรจารอบนี้จะยังไม่มีข้อตกลงที่สำคัญ แต่จะปูทางสู่การ เจรจาสันติภาพขั้นต่อไปเมื่อรัฐบาลพรรคเอ็นแอลดีขึ้นกุมอำนาจในเดือน มี.ค. ก่อนหน้านี้ซูจีเผยว่า สันติภาพคือภารกิจสำคัญอันดับแรกของรัฐบาล เอ็นแอลดี หลังรัฐบาลเต็ง เส่ง ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ 8 กลุ่ม จากทั้งหมด 15 กลุ่ม เมื่อเดือน ต.ค.2558 แต่ยังเหลือ 7 กลุ่มไม่เข้าร่วม รวมทั้งกองกำลังรัฐคะฉิ่น

กลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มหวังว่า แรงสนับสนุนนางซูจีในระดับนานาชาติและอำนาจที่พรรคเอ็นแอลดีได้รับหลังชนะเลือกตั้ง จะช่วยให้เธอประสบความสำเร็จในการเป็นสะพานเชื่อมกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กับกองทัพ เพราะกองทัพไม่สนับสนุนข้อตกลงสันติภาพที่ครอบคลุมทุกฝ่ายไม่มีทางเกิดขึ้นได้.

เพนน์ยันไม่เสียใจลอบคุยพ่อค้ายาเม็กซิกัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561884

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ม.ค. 2559 02:05

 

ฌอน เพนน์ นักแสดงชื่อดัง จับมือกับฮัวคิน กุซมัน ราชายาเสพติดชาวเม็กซิกัน (ภาพ: REUTERS/Rolling Stone)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อ 12 ม.ค. ฌอน เพนน์ นักแสดงชายชื่อดังชาวอเมริกัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพี เพื่อยืนยันว่าการติดต่อขอสัมภาษณ์นายฮัวคิน กุซมัน หรือ “เอล ชาโป” เจ้าพ่อขบวนการค้ายาเสพติดชาวเม็กซิกัน ซึ่งหลบหนีออกจากเรือนจำในเม็กซิโกนานกว่า 6 เดือน ก่อนจะถูกจับกุมได้ในรัฐดูแรงโก ของเม็กซิโก เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง และสิ่งที่สนทนากันทั้งหมดได้เผยแพร่ผ่านนิตยสารโรลลิงสโตน สื่อของสหรัฐฯไปแล้ว

ส่วนกาเต เดล กาสติลโญ นักแสดงหญิงชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นตัวกลางประสานระหว่างกุซมันและเพนน์ อาจถูกเจ้าหน้าที่เม็กซิโกเรียกตัวเพื่อสอบปากคำ ในฐานะที่กุซมันไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาหากมีการสร้างภาพยนตร์ชีวประวัติของตนขึ้น

ด้านนายอาเรลี โกเมซ อัยการสูงสุดแห่งเม็กซิโก เผยว่า จะยังไม่มีการเรียกสอบปากคำฌอน เพนน์ เนื่องจากการพบปะกันระหว่างเพนน์และกุซมันเป็นการประสานงานผ่านนายฮวน ปาโบล บาตีโญ ทนายความของกุซมาน ซึ่งถูกตำรวจเม็กซิโกลอบติดตามความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่กุซมันหลบหนีออกจากเรือนจำ โดยนายบาตีโญได้เปลี่ยนเบอร์ โทรศัพท์ซึ่งใช้ในการติดต่อกับเพนน์หลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามเบาะแส แต่ก็หนีไม่พ้น ขณะที่การดำเนินเรื่องส่งตัวกุซมันไปพิจารณาคดีในสหรัฐฯอาจต้องใช้เวลานานเป็นปี.

เผยภาพใหม่ ผู้ร้ายหลบหนีเบอร์ 1 คดีโจมตีปารีส ก่อนหนีเข้าเบลเยียม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561827

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ม.ค. 2559 01:00

 

(ภาพ: REUTERS/BFMTV)

สื่อฝรั่งเศสเผยแพร่รูปภาพใหม่ของ ซาเลาะห์ อับเดลซาลาม ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 ในคดีโจมตีปารีส โดยเป็นภาพเหตุการณ์ช่วง 1 วันหลังเกิดเหตุ ในขณะที่เขากำลังเดินทางกับพรรคพวกอีก 2 คนเข้าเบลเยียม…

สถานีโทรทัศน์ เบเอฟเอ็มทีวี ของประเทศฝรั่งเศส เผยแพร่รูปภาพใหม่ของนาย ซาเลาะห์ อับเดลซาลาม ผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 ที่ทางการฝรั่งเศสกำลังต้องการตัวมากที่สุด ในคดีก่อการร้ายในกรุงปารีสเมื่อ 13 พ.ย. 2015 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 130 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายร้อยคน

ซาเลาะห์ อับเดลซาลาม เดินกับ ฮัมซา อัตตู ที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่ง 1 วันหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีส (ภาพ: REUTERS/BFMTV)

ภาพดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ด้วยกล้องวงจรปิดที่ปั๊มแก๊สในเมือง ทริธ-แซงต์-เลชีร์ ทางเหนือของฝรั่งเศสใกล้กับพรมแดนประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 1 วันหลังเกิดเหตุโจมตีในกรุงปารีส โดยภาพแสดงให้เห็นนายอับเดลซาลาม วัย 26 ปี กำลังเดินอยู่กับพรรคพวกอีก 2 คนคือนาย โมฮัมเหม็ด อัมรี และนาย ฮัมซา อัตตู เดินอย่างสบายใจอยู่ในปั๊มแก๊ส

ทั้งนี้ นายอับเดลซาลามกำลังถูกเจ้าหน้าที่ในยุโรปตามล่าตัว ในฐานะผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุ ร่วมมือกราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายหลายจุดในกรุงปารีส โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนเปิดเผยว่า นายอับเดลซาลามซื้อตัวจุดระเบิดจากร้านขายพลุแห่งหนึ่งก่อนเกิดการโจมตี และพบรอยนิ้วมือของเขาบนรถที่ถูกใช้ในการโจมตีครั้งนี้ด้วย

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนยังสงสัยว่า นายอับเดลซาลามอาจวางแผนโจมตีอีกจุดหนึ่งในเขต 18 ของกรุงปารีส ที่ซึ่งเขานำรถไปจอดไว้หลังส่งมือระเบิดฆ่าตัวตายหลายคนไปโจมตีสนามกีฬา สตาด เดอ ฟรองซ์

ซาเลาะห์ อับเดลซาลาม กับ ฮัมซา อัตตู อยู่ที่ร้านค้าในปั๊มแก๊สทางภาคเหนือของฝรั่งเศส (ภาพ: REUTERS/BFMTV)

ขณะที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่านายอัมรี กับนายอัตตู ได้รับการติดต่อจากนายอับเดลซาลามให้ไปส่งเขาในประทศเบลเยียม หลังจากการโจมตีในกรุงปารีส โดยการเดินทางในครั้งนี้ผ่านจุดตรวจของตำรวจหลายด้าน แต่ไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น เนื่องจากในเวลานั้นนายอับเดลซาลามยังไม่ถูกระบุตัวเป็นผู้ต้องสงสัย

นายอัมรีกับนายอัตตูถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุมหลังจากเดินทางกลับจากเบลเยียม และถูกต้องข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับการก่อการร้ายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมขององค์กรก่อการร้าย แต่ทนายความของพวกเขายืนยันว่า ทั้งคู่ไม่รู้จริงว่านายอับเดลซาลามเกี่ยวข้องกับการโจมตีปารีส

ไอซิสแพร่คลิปซากธนาคารเมืองโมซูลถูกมะกันโจมตีทางอากาศยับ (ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561803

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ม.ค. 2559 23:35

 

(ภาพ: Youtube / Haaretz.com)

กลุ่มไอซิสแพร่คลิปแสดงให้เห็นซากธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองโมซูล ทางเหนือของอิรัก หลังถูกโจมตีทางอากาศ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นการโจมตีกิจกรรมทางการเงินของไอซิส…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือ ไอซิส เผยแพร่คลิปวิดีโอ แสดงให้ซากของธนาคารเมืองโมซูล เมืองใหญ่อับดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศอิรัก ซึ่งถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศของกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางกิจกรรมทางการเงินของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้

คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดยสำนักข่าวที่สนับสนุนกลุ่มไอซิสแห่งหนึ่ง โดยยังไม่มีการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่ชาวเมืองโมซูลอย่างน้อย 2 คนบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ในคลิปคือธนาคร อัล-ซูห์อูร์ ที่ตั้งอยู่ในเขตทางตะวันออกของเมืองโมซูล

ทั้งนี้ การโจมตีกิจกรรมทางการเงินของกลุ่มไอซิส เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ โดยเมื่อวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า พวกเขาได้ทิ้งระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ (ราว 900 กก.) โจมตีธนาคารในเมืองโมซูลซึ่งเก็บเงินเอาไว้หลายล้าน โดยไม่ได้ระบุจำนวนหรือสกุลเงินที่แน่ชัด

ภาพจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเศษกระดาษและเครื่องเรือนที่ถูกไฟไหม้กระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารหลายหลัง ซึ่งดูเหมือนจะถูกทำลายด้วยระเบิด นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นความความเสียหายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่า เขตที่อยู่อาศัยของประชาชนก็ถูกโจมตีด้วย.

ปูตินตำหนิ นาโตต้องการขยายอิทธิพลครอบคลุมยุโรป คือต้นตอความตึงเครียด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561722

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ม.ค. 2559 17:55

 

ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อเมืองเบียร์ ตำหนิความต้องการแผ่ขยายอิทธิพลของนาโตหวังครอบคลุมยุโรปทั้งหมด คือต้นตอความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย กับยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559 นิตยสารบิลด์ของเยอรมันได้สัมภาษณ์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยผู้นำรัสเซียได้วิจารณ์และตำหนิ องค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ว่า คือต้นตอของความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ​ จาก ความพยายามที่จะแผ่ขยายอิทธพลครอบคลุมยุโรปของนาโตภายหลังยุคสงครามเย็นสิ้นสุด

‘นาโต และสหรัฐอเมริกาต้องการมีชัยชนะเหนือรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขาต้องการจะนั่งคุมบัลลังก์ในทวีปยุโรปแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งคุมอยู่แล้ว และเรากำลังพูดถึงปัญหาวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น คุณจะเห็นได้จากความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแผนการติดตั้งจรวดมิสไซล์ป้องกันตนเองอย่างเต็มรูปแบบของอเมริกัน’ ประธานาธิบดีปูตินกล่าว พร้อมกับชี้ว่า รัสเซียให้ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายมาโดยตลอด นับตั้งแต่หลังเหตุวินาศกรรมช็อกโลก 9/11 โดยรัสเซียคือประเทศแรกที่ยืนเคียงข้างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช อีกทั้งหลังเหตุโจมตีกรุงปารีส รัสเซียก็อยู่เคียงข้างประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส เนื่องจากการก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามพวกเราทุกคน

สำหรับปัญหาความขัดแย้งบริเวณภาคตะวันออกของยูเครนนั้น ประธานาธิบดีปูตินเน้นว่า ความต้องการของประชาชน คือประเด็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของพรมแดนหรือรัฐ แต่อนาคตของประชาชนในภาคตะวันออกของยูเครนต้องมาก่อน “ภายหลังการปฏิวัติโดยฝ่ายชาตินิยมยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวรัสเซียจำนวน 2.5 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในแคว้นไครเมียร์ ทั้งนี้ ประเทศคอมมิวนิสต์เดิมในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกจำนวน 10 ประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโตในปี 2542 และปี 2547 ประเทศโครเอเชียและบัลแกเรียเข้าร่วมล่าสุดเมื่อปี 2552

บึมสะเทือนขวัญ ถล่มย่านท่องเที่ยวยอดนิยมในอิสตันบูล ตายแล้วอย่างน้อย 10 ศพ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561693

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ม.ค. 2559 17:00

 

เกิดเหตุระเบิดสยอง ที่ย่านสุลต่านอาห์เหม็ด ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ในนครอิสตันบูล ของตุรกี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ศพ บาดเจ็บ 15 ราย ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานสาเหตุระเบิด เกิดจากมือระเบิดพลีชีพ

เมื่อ 12 ม.ค. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญ ที่ย่านสุลต่านอาห์เหม็ด ซึ่งเป็นย่านพื้นที่เมืองประวัติศาสตร์ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของเช้าวันที่ 12 ม.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บ 15 ราย แต่เบื้องต้น ยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด และไม่ทราบสาเหตุของการระเบิด ขณะที่ บีบีซี รายงานอ้างสื่อท้องถิ่นบางแห่งถึงสาเหตุระเบิดว่า เป็นฝีมือของมือระเบิดพลีชีพ

ด้าน สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น เอ็นทีวี ของตุรกี แจ้งว่า จุดเกิดเหตุระเบิดอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ ที่เป็น ‘แลนมาร์ค’ แห่งหนึ่ง ของนครอิสตันบูล โดยหลังเกิดเหตุ ทางการได้รีบส่งตำรวจ และรถพยาบาลไปยังที่เกิดเหตุระเบิดทันที พร้อมกันนั้น ตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ และห้ามประชาชนไม่ให้เข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ ย่านสุลต่านอาห์เหม็ด ในนครอิสตันบูล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง เพราะมีทั้งพระราชวังทอปกาปิ (TopKapi ) และ สุเหร่าสีฟ้า โดยนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุโจมตีนครอิสตันบูลอย่างประปราย โดยฝีมือของกองกำลังฝ่ายซ้ายจัดในอิสตันบูล ขณะที่ เหตุรุนแรงระหว่างกองทัพตุรกีกับกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด ‘พีเคเค’ ได้เพิ่มสูงขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองฝ่ายได้สิ้นสุดลง เพียงแต่ส่วนใหญ่เหตุรุนแรงจะเกิดทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี โดยเมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน ได้เกิดเหตุระเบิดพลีชีพ 2 ครั้ง ในกรุงอังการา เมืองหลวงตุรกี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน โดยทางการตุรกีเชื่อว่าเป็นฝีมือของ กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม หรือไอซิส

เยอรมนี ส่งผู้อพยพกลับไปออสเตรียเพิ่มขึ้น หลังปีใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561574

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ม.ค. 2559 15:40

 

ทางการเยอรมนีส่งตัวผู้อพยพกลับมายังออสเตรียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นต้นมา จากวันละ 60 คน เป็นวันละ 200 คน แต่ส่วนใหญ่ เป็นเพราะไม่มีเอกสารผู้อพยพ และไม่ต้องการลี้ภัยอยู่ในเยอรมนี

เมื่อ 12 ม.ค. 59 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ทางการเยอรมนีได้มีการส่งตัวผู้อพยพกลับไปยังออสเตรียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน นับตั้งแต่ต้นปีพุทธศักราช 2559 เป็นต้นมา โดยเพิ่มจากวันละ 60 คนในเดือนธันวาคม 2558 มาเป็น 200 คน ตั้งแต่หลังปีใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ผู้อพยพที่ถูกส่งกลับไปให้ออสเตรียจำนวนมากนั้น เป็นเพราะไม่มีเอกสารผู้อพยพ และบางคนก็ไม่ต้องการจะลี้ภัยอยู่ในเยอรมนี แต่ต้องการไปอยู่ในประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย

บีบีซี รายงานว่า นับจากเกิดเหตุผู้อพยพ ส่วนใหญ่มาจากแอฟริกาเหนือและอาหรับ โดนตำหนิว่าเป็นตัวการก่อเหตุทำร้ายผู้หญิงในเมืองโคโลญ ในวันก่อนปีใหม่ ได้กลายเป็นแรงกดดันต่อนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่อ้าแขนรับผู้อพยพจำนวนมากเข้าประเทศด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้อพยพที่ถูกส่งกลับไปยังออสเตรียแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวซีเรีย ซึ่งประสงค์จะขอลี้ภัย แต่เป็นผู้อพยพจากอัฟกานิสถาน โมร็อกโก และแอลจีเรีย