TCL ยกขบวนสินค้านวัตกรรมทั้งแบรนด์มาจัดแสดงที่งาน CES 2016

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

เซินเจิ้น, จีน–12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          – นวัตกรรมเปิดทางให้ TCL ผลักดันกลยุทธ์ในระดับสากล

          TCL หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นแนวหน้าของโลก ขนผลิตภัณฑ์นวัตกรรมมาจัดแสดงอย่างครบครันในงาน International Consumer Electronics Show 2016 (CES 2016) ซึ่งจัดขึ้นที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา ระหว่างวันที่ 6 – 9 มกราคม 2559 โดยโทรทัศน์ Quantum Ultra High Definition (QUHD) TV จาก TCL ซึ่งถือว่าเป็นนิยามใหม่ของสมาร์ททีวีแห่งยุคหน้า ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่งานนี้

          http://photos.prnasia.com/prnvar/20160111/0861600308-a 

          QUHD TV ของ TCL ผงาดเป็นไฮไลท์ของงาน พร้อมสร้างบรรทัดฐานใหม่ในตลาดสมาร์ททีวี

          CES คืองานที่เปิดโอกาสให้นวัตกรรมเทคโนโลยีได้อวดโฉมและได้รับการประเมินโดยตลาดเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปีนี้ TCL ได้จัดแสดงผลงานความสำเร็จล่าสุดในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ได้แก่ โทรทัศน์รุ่นใหม่ในซีรีส์ QUHD TV ซึ่งใช้เทคโนโลยี QUHD 

          http://photos.prnasia.com/prnvar/20160111/0861600308-b  

          X1 QUHD TV เป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวก่อนหน้างาน CES และอยู่ในตระกูล QUHD TV ซึ่งเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ของ TCL โดยผลิตภัณฑ์มาพร้อมกับฟีเจอร์ระดับแนวหน้าที่นอกเหนือจากเทคโนโลยี QUHD แล้ว ยังมีฮาร์ดแวร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม ระบบเสียง H/K audio และระบบ smart TV+OS  โทรทัศน์ที่มีเทคโนโลยีครบเครื่องรุ่นนี้นำเสนอคุณภาพของภาพที่เป็นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตสีช่วงกว้างที่สุด ความสามารถในการเก็บรายละเอียดของแสงได้สูง ความคมชัดที่สูงเป็นพิเศษ การจับคู่สีที่แม่นยำ และการควบคุมการแสดงผลแบล็คไลท์ที่ยอดเยี่ยม เหล่านี้ได้มาจากการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติควอนตัมอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่โดยธรรมชาติในส่วนประกอบที่ผ่านการคัดสรร ผนวกกับการสนับสนุนของเอนจินประมวลผลคุณภาพภาพควอนตัม และเทคโนโลยีผสมผสานอีกมากมาย ได้แก่ เอนจิน IDP (Intelligent display process) และการควบคุมการแสดงผลแบล็คไลท์ที่แม่นยำและได้ครบทุกจุด หน้าจอ HDR และเทคโนโลยีที่ผนวกการประมวลผลสัญญาณ

          ซีรีส์ QUHD TV ต่อยอดมาจากนวัตกรรมพื้นฐานของเทคโนโลยีแบล็คไลท์ และกำหนดมาตรฐานที่สูงขึ้นสำหรับทีวีในยุคหน้า เป็นคำตอบของคำถามที่ว่าเทคโนโลยีทีวียุคหน้านั้นแท้จริงแล้วเป็นเช่นไร ด้วยการอาศัยศักยภาพอย่างเต็มที่ของเทคโนโลยีควอนตัมที่มีความพิเศษ QUHD TV จึงสามารถทิ้งห่าง LED TV ในแง่เอฟเฟคการแสดงผล และยังเอาชนะ OLED TV ในแง่การวัดผลที่สำคัญมากมาย รวมถึงความคมชัดและความบริสุทธิ์ของสี ยิ่งไปกว่านั้น QUHD TV ยังไม่มีเงาตกค้าง มีอายุการใช้งานที่ยืนยาวกว่า และการประหยัดพลังงานที่สูงกว่าเทคโนโลยีโทรทัศน์ประเภทอื่นๆ นำเสนอตัวเลือกที่เหมาะสมและย่อมเยากว่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ททีวี ทั้งนี้ ทาง TCL มีแผนที่จะขยายไลน์ QUHD TV ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน คือ X1 และ C2 ให้มีผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ออกมามากขึ้น เพื่อให้ฐานผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ของบริษัทแข็งแกร่งที่สุดโดยครอบคลุมทั่วทั้งอุตสาหกรรม

          TCL เป็นหนึ่งในผู้ผลิตควอนตัมทีวีรายแรกๆของจีน อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ลงทุนอย่างหนักและประสบความสำเร็จมากที่สุดรายหนึ่งในสายเทคโนโลยีควอนตัม บริษัทเติบโตสู่การเป็นผู้ผลิตทีวีที่ขยายกิจการในแนวตั้ง ธุรกิจครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกช่วงตั้งแต่โมดูล LCD หน้าจอ LCD ไปจนถึงโทรทัศน์แบบครบเซ็ต และด้วยความได้เปรียบด้านการวิจัย-พัฒนาและการผลิตโทรทัศน์ TCL จึงกลายเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์รายเดียวในจีนที่สามารถผลิตควอนตัมทีวี อันแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบของบริษัทในการแข่งขันด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าผู้ผลิตโทรทัศน์รายอื่นได้เป็นอย่างดี

          TCL Communication เปิดตัว PIXI ไลน์แท็บเล็ต Windows 10 รุ่นแรกของแบรนด์

          TCL Communication Technology ได้จัดแสดงอุปกรณ์พกพาอัจฉริยะและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมรุ่นใหม่ๆ ในงาน CES ปีนี้ ซึ่งรวมถึงแท็บเล็ตขนาด 8 นิ้วบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 อย่าง PIXI 3 และ PIXI 4 นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทวอทช์ CareTime สำหรับเด็ก ทั้งนี้ PIXI 3 เป็นแท็บเล็ต Windows 10 เครื่องแรกที่เปิดตัวโดย TCL มาพร้อมกับชิป 4G ของ Qualcomm หน้าจอขนาด 8 นิ้ว พร้อมกล้องหน้าและกล้องหลัง ระบบ GPS และสามารถโทรออกได้ แท็บเล็ตรุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อทีวีและใช้เป็นรีโมททีวีได้ อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้ใช้แต่ละราย ด้วยฝาหลังหลากสี และเคสปกป้องเครื่องแบบพับได้

          นอกจากความได้เปรียบด้านเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะที่รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลายระบบแล้ว TCL Communication ยังนำเสนอไลน์ผลิตภัณฑ์ที่มาในหลายขนาดเพื่อให้สอดรับความชื่นชอบของแต่ละคน สำหรับ PIXI 4 ซึ่งจัดแสดงที่งาน CES ประกอบไปด้วย สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 4 รุ่น ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 3.5 ไปจนถึง 7 นิ้ว ทุกขนาดโดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่โฉบเฉี่ยว รวมทั้งระบบเสียงและกล้องคุณภาพสูง

          Tonly Electronics ในเครือ TCL ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฮมที่งาน CES

          Tonly Electronics Holdings Limited ในเครือ TCL ได้จัดแสดงอุปกรณ์ IOT และเครื่องเสียงในซีรีส์ Tonenic ภายในงาน CES ที่ลาสเวกัส ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบลำโพงบลูทูธ ระบบลำโพงอัจฉริยะ หูฟังแบบเสียบหู หูฟังไร้สายแบบครอบหู และระบบบ้านอัจฉริยะ สำหรับหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ Tonly เปิดตัวในปีนี้นั้นชูจุดเด่นได้แก่ รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามและการออกแบบที่เข้ากับสรีระ โดยที่ครอบหูหนังแท้ให้สัมผัสนุ่มนวลและลำโพงเสียงคมชัดของ Tonly ตลอดจนเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนขั้นสูง การส่งข้อมูลไร้สายผ่านบลูทูธ ปุ่มสัมผัส และการควบคุมเสียง ทำให้หูฟังรุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลท์น่าประทับใจในบรรดาผลิตภัณฑ์ที่ Tonly นำมาจัดแสดง

          นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Tonly ได้เผยโฉมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอย่างพร้อมเพรียง และเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์อัจฉริยะที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ Tonly ยังได้ผนวกรวมและเปิดตัวไลน์ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ สำหรับการเฝ้าระวังความปลอดภัย การจัดการสุขภาพ และการจัดการไฟฟ้าและพลังงานอีกด้วย

          TCL ผู้นำในการผลักดันผู้ผลิตสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนในเวทีโลก

          หลี่ ตงเฉิง ประธานและซีอีโอของ TCL Corporation กล่าวว่า TCL มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมมาตลอดระยะเวลาหลายปี โดยในปี 2557 กลุ่มบริษัทได้ยื่นจดสิทธิบัตร 2,971 รายการ ซึ่งรวมถึงสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากกว่า 2,100 รายการ ส่งผลให้ TCL ติดหนึ่งในห้าบริษัทจีนที่มีการยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรสูงที่สุด ขณะที่ CSOT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ TCL ติดหนึ่งในสี่บริษัทผู้ผลิตจีนที่มีการยื่นขอสิทธิบัตรในต่างประเทศมากที่สุดภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty)

          ในปี 2558 TCL ได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลก ซึ่งธุรกิจอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัทสามารถทำผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษ ปัจจุบัน TCL Communication Technology ทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกว่า 170 ประเทศและภูมิภาค พร้อมเดินหน้าเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันในอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา และยุโรป เช่นเดียวกับในตลาดเกิดใหม่หลายแห่ง TCL ได้สร้างความร่วมมือที่สำคัญผ่านการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการมือถือรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง AT&T, T-Mobile และ Sprint นับตั้งแต่ที่บริษัทได้บุกตลาดอเมริกาเหนือในปี 2553 ด้วยความได้เปรียบจากช่องทางผู้ให้บริการ ศักยภาพการดำเนินงาน และผลิตภัณฑ์ ทำให้ TCL Communication Technology มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสี่ในสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2557 ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2558 TCL มียอดจัดส่งอุปกรณ์เคลื่อนที่สูงสุดเป็นอันดับห้าของโลก และข้อมูลสถิติที่เปิดเผยโดย IDC ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดอเมริกาเผยให้เห็นว่า ยอดรายรวมของ TCL Communication Technology ในอเมริกาเหนือแตะที่ 10.6 ล้านเครื่องในช่วงสามไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนยอดขายรวมในละตินอเมริกาเพิ่มขึ้นแตะ 17.6 ล้านเครื่อง ในขณะที่ยอดขายในยุโรปแตะที่ 13.5 ล้านเครื่อง โดยยอดขายสมาร์ทเทอร์มินัลเพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมทั้งหมดของ TCL ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2558 ทะลุระดับ 7.4 หมื่นล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

          นอกเหนือจากธุรกิจสื่อสารแล้ว การเติบโตของธุรกิจมัลติมีเดียของ TCL และการดำเนินงานของ CSOT ก็เป็นที่น่าประทับใจเช่นกัน โดยยอดขาย LCD TV ของกลุ่มบริษัทรั้งอันดับสามของโลกในช่วงสามไตรมาสแรก ในขณะที่ยอดขาย LCD TV ของ CSOT ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในอันดับห้า

          หลี่ ตงเฉิง กล่าวว่า “เป้าหมายใหม่ของ TCL คือการก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อัจฉริยะและผู้ให้บริการแอปอินเทอร์เน็ตระดับโลก เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ในอนาคต ด้วยข้อได้เปรียบต่างๆของเราเอง เราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจในระดับสากลและตั้งธุรกิจในตลาดท้องถิ่น สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ ตลอดจนสร้างผลลัพธ์แบบ win-win สำหรับบริษัทของเราและสำหรับเศรษฐกิจในพื้นที่ที่เราดำเนินธุรกิจ”

          ติดต่อ:

          Marta Chen

          โทร. +86-755-3331-3868

          อีเมล: chenxuejun@tcl.com 

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160111/0861600308-a  

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160111/0861600308-b 

          คำบรรยายภาพ: บูธของ TCL ที่งาน CES 2016

มหกรรมแสดงสินค้าก่อสร้างและตกแต่ง CBD-IBCTF เตรียมเปิดฉากที่เซี่ยงไฮ้ มีนาคมนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

เซี่ยงไฮ้–12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

มหกรรมแสดงสินค้าก่อสร้างและตกแต่ง “International Building & Construction Trade Fair” หรือ CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) ประจำปี 2559 เตรียมเปิดฉากระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งชาติในนครเซี่ยงไฮ้

http://photos.prnasia.com/prnvar/20160111/0861600287

 

งาน CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) ครอบคลุมพื้นที่ถึง 100,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะมีผู้จัดแสดงงานกว่า 600 ราย รวมถึงผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 40,000 คนในปีนี้

 

CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) เป็นเวทีสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการตกแต่งที่มีความเป็นมืออาชีพ ครบถ้วนสมบูรณ์ และทรงอิทธิพลในระดับโลก งานนี้จัดขึ้นตามหลักปรัชญาการบูรณาการตามความเหมาะสมและการพัฒนาแบบก้าวกระโดดโดยในงานจะมีการจัดแสดงสินค้ามากมาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ประตูและหน้าต่าง อุปกรณ์ตกแต่ง ไปจนถึงของตกแต่งผนังหลากหลายรูปแบบ

 

งานนี้จะเน้นไปที่การตกแต่งบ้านตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงสินค้าประเภทประตูและหน้าต่าง เวทีนี้จะเป็นศูนย์รวมของผู้จัดแสดงงานรายใหม่ๆที่มาจากจีนตอนเหนือและต่างประเทศ ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดในวงกว้างมากขึ้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วย

 

Pavilion 1 จะจัดแสดงประตูและหน้าต่างอลูมิเนียมอัลลอย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ทรงสูงสไตล์ยุโรปจากแบรนด์ดัง อาทิ Kefan, Aiegle และ Ratoup เป็นต้น ส่วน Pavilion 2 จะจัดแสดงประตูไม้จาก Goldea, Cimen และ Mansfield Group สำหรับ Pavilion 3 จะรวบรวมบริษัทผู้ให้บริการออกแบบแบบครบวงจร และพื้นที่อีกครึ่งหนึ่งจะรวบรวมบริษัทผู้ผลิตตู้เสื้อผ้าและห้องแต่งตัวโดยเฉพาะ

 

เกี่ยวกับ CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) และ CBD Fair (กว่างโจว)

 

มหกรรม CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) จัดขึ้นโดย China Foreign Trade Centre และ China Building Decoration Association งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งชาติในนครเซี่ยงไฮ้

 

ส่วนมหกรรม CBD Fair (กว่างโจว) เป็นเวทีระดับมืออาชีพสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการตกแต่งมานานกว่า 17 ปีแล้ว และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้จัดแสดงงานจากเซี่ยงไฮ้และตอนเหนือของประเทศ ทางคณะผู้จัดงานจึงตัดสินใจขยายขอบเขตของงาน โดยตั้งแต่ปีที่แล้วได้เริ่มมีการจัดงานเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อปี ได้แก่ ในเดือนมีนาคมที่นครเซี่ยงไฮ้ และในเดือนกรกฎาคมที่นครกว่างโจว

 

ปัจจุบัน CBD Fair (กว่างโจว) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหกรรมแสดงสินค้าก่อสร้างและตกแต่งอันดับ 1 ของเอเชีย ทั้งยังเป็นที่รู้จักในฐานะเวทีชั้นนำสำหรับมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้วยคุณหลี่ เต้ออิ๋ง ประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวส่วนงาน CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) จะได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากเซี่ยงไฮ้ที่เป็นมหานครระดับนานาชาติ และจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการตกแต่งที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยงานนี้จะเน้นในส่วนของสินค้าประเภทประตูและหน้าต่าง รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่ง และจะค่อยๆขยายความครอบคลุมไปถึงสินค้าทั้งหมดในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการตกแต่ง

 

รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160111/0861600287 

 

คำบรรยายภาพ – มหกรรมแสดงสินค้าก่อสร้างและตกแต่ง “International Building & Construction Trade Fair” หรือ CBD-IBCTF (เซี่ยงไฮ้) ประจำปี 2559 จะเปิดฉากวันที่ 23 มีนาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการแห่งชาติในนครเซี่ยงไฮ้

มาสคอต “CHI-BA+KUN” ร่วมโปรโมทจังหวัดชิบะบนสื่อโฆษณารอบขบวนแอร์พอร์ตเรลลิงก์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

ชิบะ, ญี่ปุ่น–12 ม.ค.–เกียวโด เจบีเอ็น-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์

          – “CHI-BA+KUN” เตรียมโชว์ตัวโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดชิบะในงาน Japan Expo Thailand 2016 –

          จังหวัดชิบะของญี่ปุ่นกำลังจัดกิจกรรมโปรโมทการท่องเที่ยว ผ่านการติดโฆษณาลวดลาย “CHI-BA+KUN” และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของจังหวัด รอบขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงของไทยที่เชื่อมต่อระหว่างท่าอาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและสถานีพญาไท ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2016

 

          (รูปภาพ: http://prw.kyodonews.jp/prwfile/release/M102229/201601086912/_prw_OI1fl_XPqkjS1K.jpg)

          นอกจากนี้ CHI-BA+KUN จะเข้าร่วมงาน Japan Expo Thailand 2016 ที่กรุงเทพฯ เพื่อโปรโมทจังหวัดชิบะและสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ

 

          1. สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (โฆษณาติดรอบขบวนรถไฟ)

          1) เส้นทาง/ขบวนรถไฟ

             แอร์พอร์ตเรลลิงก์ / รถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (SA City Line)

          2) ระยะเวลา

             ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. – 29 ก.พ. 2016

          3) ลวดลายโฆษณา

             โฆษณาติดรอบขบวนรถไฟจะมีลวดลายเป็นตัวมาสคอต CHI-BA+KUN รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆของจังหวัดชิบะที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ได้แก่ การเก็บสตรอว์เบอร์รีรถไฟท้องถิ่น ทุ่งดอกทิวลิป และพระพุทธรูปสลักหินอันโด่งดังของญี่ปุ่น

  

          2. Japan Expo Thailand 2016

             Japan Expo Thailand 2016 คือหนึ่งในมหกรรมญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งจัดขึ้นเพื่อนำเสนอความน่าสนใจต่างๆของญี่ปุ่น อย่างเช่น วัฒนธรรม รวมถึงวัฒนธรรมป๊อป อาหาร การท่องเที่ยว และภูมิภาคต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทย โดยจังหวัดชิบะจะไปออกบูธที่งาน Japan Expo Thailand 2016 พร้อมการปรากฏตัวของมาสคอต CHI-BA+KUN บนเวที Travel Zone เพื่อโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชิบะ

          1) ระยะเวลา

             ตั้งแต่วันที่ 22-24 มกราคม 2016

          2) สถานที่

             เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า

          3) ผู้จัดงานและผู้สนับสนุน

             ผู้จัดงาน: บริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด

             ผู้สนับสนุน: สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอีกมากมาย

          4) เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

           http://japanexpothailand.com/

          3. อื่นๆ

          เว็บไซต์พิเศษ “Discover Chiba” ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 10 มกราคม

          https://www.facebook.com/DiscoverChiba

 

          ที่มา: ฝ่ายข่าวและประชาสัมพันธ์ รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดชิบะ

Fragrance Du Bois เปิดเคาน์เตอร์น้ำหอมที่ห้าง Robinsons ในกัวลาลัมเปอร์ ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย–12 ม.ค.พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

Fragrance Du Bois แบรนด์น้ำหอมสุดหรูที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม มีความยินดีที่ได้เปิดเคาน์เตอร์น้ำหอมแห่งแรกของแบรนด์ในห้าง Robinsons ภายใน The Gardens Mall กรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังจากที่ทางแบรนด์ได้มีการจับมือกับ Robinsons เมื่อไม่นานมานี้ โดยเคาน์เตอร์ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น Ground Floor ของห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมแห่งนี้ ได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2558

http://photos.prnasia.com/prnvar/20151215/8521508575-a

http://photos.prnasia.com/prnvar/20151215/8521508575-b

Fragrance Du Bois ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้คลั่งไคล้น้ำหอมทั่วโลก ด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลายที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งทั้งหมดล้วนผลิตขึ้นจากส่วนผสมสุดมหัศจรรย์อย่างน้ำมันกฤษณา Fragrance Du Bois จึงแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปิดเคาน์เตอร์ที่Robinsons ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสกับน้ำหอมสุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากน้ำมันกฤษณาบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% ที่ผลิตตามหลักความยั่งยืน

เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง Robinsons” นิโคลา พาร์คเกอร์ ผู้อำนวยการแบรนด์ Fragrance Du Bois กล่าวด้วยความตื่นเต้น “Robinsons เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วในเรื่องของความละเอียดลึกซึ้งและรสนิยมอันเป็นเลิศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง Fragrance Du Bois ยึดมั่นด้วยเช่นกัน เราเชื่อมั่นว่าเราประสบความสำเร็จในการเฟ้นหาส่วนผสมอันแสนลงตัวระหว่างความหรูหรา ความพิเศษ และความล้ำลึก ซึ่งไปด้วยกันได้กับค่านิยมหลักประการหนึ่งของเรา นั่นคือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การได้เปิดเคาน์เตอร์ที่ Robinsons ถือเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในการส่งเสริมแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราได้ให้ความรู้แก่ลูกค้าเกี่ยวกับปรัชญาธุรกิจของเรา และชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของเราเมื่อเทียบกับแบรนด์น้ำหอมอื่นๆที่วางจำหน่ายทั่วไปตามท้องตลาด”

ด้วยชื่อเสียงในเรื่องของกลิ่นหอมจากน้ำมันกฤษณาธรรมชาติที่ได้รับการรับรองโดย CITES ทาง Fragrance Du Bois จึงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกและมีผู้ติดตามแบรนด์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพราะ Fragrance Du Bois เลือกใช้แต่น้ำมันกฤษณาคุณภาพสูงบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% ในการสร้างสรรค์น้ำหอม ซึ่งทั้งหมดได้รับการเฟ้นหาอย่างมีจรรยาบรรณจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ โดย Asia Plantation Capital เป็นแหล่งผลิตน้ำมันกฤษณาที่ทาง Fragrance Du Bois ให้ความไว้วางใจนำมาใช้รังสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ ทั้งนี้ Asia Plantation Capital เป็นบริษัทผู้ดูแลพื้นที่เพาะปลูกด้วยหลักความยั่งยืนพร้อมรางวัลการันตีมากมายจากการดำเนินงานใน 4 ทวีป อีกทั้งเป็นผู้นำระดับโลกในการผลิตน้ำมันกฤษณาอย่างมีจรรยาบรรณและเป็นไปตามหลักความยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้พิสูจน์ตนเองในฐานะที่เป็นบริษัทที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และมีความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนทั้งในและรอบๆพื้นที่เพาะปลูกของบริษัท

นอกจากนี้ Fragrance Du Bois ยังมีแผนวางจำหน่ายน้ำหอมระดับไฮเอนด์ตัวใหม่ 6 รายการที่ Robinsons เพื่อก้าวขึ้นเป็นศูนย์รวมน้ำหอมสุดเย้ายวนใจจากบรรดาแบรนด์ดังของโลก ได้แก่ แบรนด์ Illuminum จากสหราชอาณาจักร แบรนด์ Xerjoff จากอิตาลี แบรนด์ House of Sillage และ Sue Wong จากสหรัฐอเมริกา ตลอดจนแบรนด์ดังของฝรั่งเศสอย่าง Parfums de Marly, Isabey และ Jovoy โดยแบรนด์ชั้นนำเหล่านี้ต่างทยอยเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางจำหน่ายเฉพาะที่เอาท์เล็ทของ Fragrance Du Bois เท่านั้น

Fragrance Du Bois ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ณ ลานกิจกรรม Christmas Atrium บริเวณ Robinsons North Court ของห้างRobinsons ระหว่างวันที่ 11-17 ธันวาคม 2558 และลุ้นชิงของขวัญสุดพิเศษสำหรับนักช้อปผู้โชคดี พร้อมชมคอลเลคชั่นน้ำมันกฤษณาบริสุทธิ์และดื่มด่ำช่วงเวลาแสนสุขไปกับน้ำหอมสุดหรูของ Fragrance Du Bois

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

ซูเรนา ไมดิน
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์, มาเลเซีย
อีเมล: zureina@fragrancedubois.com
มือถือ: +60-137-741-009

ซาอาฮิรา มูฮัมหมัด
ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์, มาเลเซีย
อีเมล: zaahira@fragrancedubois.com
มือถือ: +60-122-035-344

เกี่ยวกับ Fragrance Du Bois

Fragrance Du Bois เป็นแหล่งรวมน้ำหอมสุดหรูที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับแหล่งเพาะปลูกที่มีความยั่งยืนในเอเชีย เพื่อนำเสนอน้ำหอมที่ผลิตจากน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ 100% สู่ตลาดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก Fragrance Du Bois เป็นแบรนด์น้ำหอมสุดหรูที่มีจิตสำนึกที่ดี ด้วยการเสาะแสวงหาวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมอย่างยั่งยืนจากทั่วโลก พร้อมร่วมงานกับบรรดาผู้ผลิตน้ำหอมชาวฝรั่งเศสเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย อีกทั้งยังนำเสนอบริการผลิตน้ำหอมตามความต้องการของลูกค้าด้วย Fragrance Du Bois มีร้านจำหน่ายน้ำหอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก ทั้งในดูไบ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อสร้างประสบการณ์การเลือกซื้อน้ำหอมที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า

Fragrance Du Bois เป็นที่รู้จักในชื่อ Parfums Du Bois ในฝรั่งเศส และใช้ชื่อ Fragrance Du Bois ในตลาดที่ไม่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วโลก

เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital

Asia Plantation Capital เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกและฟาร์มเชิงพาณิชย์อันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งอยู่ในเครือของ Asia Plantation Capital Group โดยจุดมุ่งหมายหลักของบริษัทคือ โครงการเพาะปลูกหลากประเภทในหลายวัฒนธรรม เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและความต้องการเชิงพาณิชย์ของประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่ หลักการดำเนินงานของบริษัทคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิดและให้การสนับสนุนอันดีแก่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมรวมทั้งการลงทุน เพื่อดึงชุมชนเหล่านี้ให้ออกจากวงจรการตัดไม้ทำลายป่าและการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบางพื้นที่ในเอเชีย

บริษัทจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 (แม้ว่าได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545) ปัจจุบันเครือบริษัทมีโครงการเพาะปลูกและการเกษตรใน 4 ทวีป ได้แก่ โครงการดำเนินงานในขั้นต่างๆในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา เมียนมาร์ เวียดนาม อเมริกาเหนือ และยุโรป

การส่งเสริมการใช้ไม้ที่ได้รับการรับรองอย่างยั่งยืนนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงต่อสู้กับปัญหาความยากจนในภูมิภาคป่าฝนเมืองร้อน และสำหรับวงการเดินเรือยอชต์ที่มีการใช้ไม้สักจำนวนมาก ทั้งยังแสวงหาความเป็นเลิศและมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไม้ที่ผิดกฎหมายมาใช้กับเรือยอชต์

รูปภาพ 1- http://photos.prnasia.com/prnh/20151215/8521508575-a
รูปภาพ 2- http://photos.prnasia.com/prnh/20151215/8521508575-b

Accelerite บรรลุข้อตกลงซื้อ CloudPlatform จาก Citrix

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย– 12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 Logo

Accelerite announces agreement to acquire Citrix CloudPlatform

 

Discover Accelerite Solutions

foo

CLOUD LIFE-CYCLE MANAGEMENT

foo

UNIFIED ENDPOINT MANAGEMENT

foo

INTERNET OF THINGS (IOT)

Accelerite ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานสำหรับองค์กร ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อCloudPlatform และ CloudPortal Business Manager จากบริษัท Citrix โดยคาดว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2559 ทั้งนี้ การคว้าเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาผนวกรวมกับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์คลาวด์ของบริษัท จะช่วยให้บรรดาองค์กรและผู้ให้บริการสามารถบริหารคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้ใช้เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์บนคลาวด์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

Citrix CloudPlatform ซึ่งต่อยอดมาจาก Apache CloudStack(TM) เป็นซอฟต์แวร์คลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อการสร้างสรรค์ บริหารจัดการ รวมถึงติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ทั้งสำหรับภาครัฐและเอกชน ส่วน CloudPortal Business Manager เป็นแพลตฟอร์มบริหารธุรกิจและให้บริการคลาวด์แบบบูรณาการ ซึ่งรองรับบริการคลาวด์อัตโนมัติสำหรับการจัดหา การออกบิล การวัด และการจัดการผู้ใช้งาน โดยช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการคลาวด์หลากหลายรูปแบบ ขณะเดียวกันก็ใช้ร่วมกับธุรกิจ การดำเนินงาน และระบบไอทีที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่น

 

นารา ราจาโกปาลัน ซีอีโอของ Accelerite กล่าวว่า “ซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ถือเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของ Accelerite ปัจจุบันซอฟต์แวร์คลาวด์ของเราประกอบด้วยโซลูชั่นการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานจากภัยพิบัติ และโซลูชั่นเซลฟ์เซอร์วิสสำหรับองค์กร การได้ครอบครอง CloudPlatform และ CloudPortal Business Manager จะช่วยเติมเต็มไลน์ผลิตภัณฑ์ของเรา และช่วยให้เราสามารถมอบบริการบริหารคลาวด์ทั้งสำหรับภาครัฐและเอกชนได้อย่างครบวงจร แม้ว่าเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์บนคลาวด์จะได้รับการยอมรับและนำมาใช้กันมากขึ้นในปัจจุบัน แต่องค์กรต่างๆยังคงมีศักยภาพไม่เท่ากันในการใช้และบริหารคอนเทนเนอร์บนคลาวด์ อย่างไรก็ดี CloudPlatform ใช้งานง่ายและมีฐานลูกค้าในวงกว้าง ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่องค์กรต่างๆควรนำมาใช้ในการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพื่อผลักดันคลาวด์เข้าสู่ยุคแห่งไฮเปอร์คอนเวอร์เจนซ์”

 

“เราให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุด และเราเชื่อมั่นว่า Accelerite จะดูแลลูกค้าของเราเป็นอย่างดี ลูกค้ากลุ่มนี้ทุ่มทุนไปมากกับการบริหารคลาวด์ด้วยโซลูชั่นเหล่านี้” สตีฟ วิลสัน รองประธานฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานหลักของ Citrix กล่าว “Accelerite ประสบความสำเร็จในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทใหญ่หลายแห่ง เพื่อนำมาขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้งของตนเอง และ Citrix จะทำงานร่วมกับ Accelerite อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อผสาน CloudPlatformเข้ากับผลิตภัณฑ์หลักของเรา ซึ่งจะช่วยให้การส่งแอปและข้อมูลต่างๆเป็นไปอย่างปลอดภัย”

 

นอกเหนือจากการยกระดับการลงทุนในไลน์ผลิตภัณฑ์ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์และฟังก์ชันใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน CloudPlatform แล้วAccelerite จะเดินหน้าทำงานร่วมกับ Apache Foundation อย่างใกล้ชิด และอุทิศ CloudPlatform นี้ให้แก่โครงการ Apache CloudStack

 

เกี่ยวกับ Accelerite

 

Accelerite เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการคลาวด์ (Convirt/rCloud/Rovius) การจัดการความเคลื่อนไหวขององค์กรและผู้ใช้งาน(Radia) รวมถึงแพลตฟอร์มการเงินและการสร้างสรรค์บริการบน API สำหรับแวดวงโทรคมนาคมและ Internet of Things ( Aepona ซึ่งซื้อมาจาก Intel) ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถตอบสนองความต้องการของบริษัทขนาดใหญ่ที่ติดอันดับ Fortune 500 ไปจนถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วโลก ทั้งนี้ Accelerite เป็นธุรกิจของบริษัท Persistent Systems (BSE & NSE: PERSISTENT) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการให้บริการด้านเทคโนโลยี โดยบริษัทมีบุคลากรกว่า 8,000 คนทั่วโลก รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.accelerite.com

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Persistent Systems

เคน มอนโกเมอรี่ 

รองประธานฝ่ายสื่อสารทั่วโลก

โทร. +1-949-939-5164

อีเมล: Ken_montgomery@persistentsys.com

 

ที่มา: Accelerite

ตึกเอ็มไพร์สเตทคว้าตำแหน่ง “สุดยอดหอชมวิว” จาก AttractionTix

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

นิวยอร์ก–12 ม.ค.พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ (Empire State Realty Trust, Inc.) (NYSE: ESRT) ประกาศว่า ตึกเอ็มไพร์สเตทคว้าตำแหน่งสุดยอดหอชมวิว “Best Observation Deck” จากการประกาศรางวัล 2015 AttractionTix Worldwide Attraction Awards  

 

Worldwide Attraction Awards เป็นรางวัลเพียงหนึ่งเดียวที่มอบให้แก่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมโดยเฉพาะ โดยสาธารณชนได้ลงคะแนนโหวตมากกว่า13,500 โหวต เพื่อคัดเลือกสถานที่ต่างๆเข้าสู่รอบสุดท้ายใน 15 สาขา เช่น สาขา “Best Attraction in the World”, “Most Romantic Attraction or Tour” และ“Teens’ Choice” เป็นต้น ทั้งนี้ ตำแหน่งชนะเลิศได้รับการตัดสินจากผลโหวตของสาธารณชนและคณะกรรมการตัดสินสามท่านรวมกัน

 AttractionTix

สำหรับคณะกรรมการตัดสินรางวัลประกอบด้วย ไซมอน แอปเปิลบาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ของ AttractionTix.co.uk, คลินต์ จอห์นสตัน ผู้ก่อตั้งบล็อกท่องเที่ยว Triphackr.com และร็อบ เทมเปิลแมน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Dayoutwiththekids.co.uk

 

หอชมวิวของตึกเอ็มไพร์สเตทเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ใครๆต่างก็หลงรัก และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือนแอนโทนี อี มัลกิน ประธานและซีอีโอของ ESRT กล่าว เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลจากการโหวตของผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบวิวเปิดโล่ง 360 องศาจากใจกลางมหานครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตท

ตึกเอ็มไพร์สเตทมีความสูง 1,454 ฟุต (จากฐานถึงเสาอากาศ) เหนือย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน อาคารแห่งนี้เป็นของบริษัทเอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ และเป็น “อาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก” ด้วยการลงทุนใหม่ๆในเรื่องการประหยัดพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่สาธารณะ และภูมิทัศน์ ตึกเอ็มไพร์สเตทจึงสามารถดึงดูดผู้เช่าชั้นหนึ่งจากหลากหลายวงการทั่วโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยีการกระจายเสียงที่แข็งแกร่งของตึกเอ็มไพร์สเตทสามารถรองรับสถานีโทรทัศน์และวิทยุที่สำคัญในมหานครนิวยอร์ก ตึกเอ็มไพร์สเตทได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาคารยอดนิยมของสหรัฐอเมริกาโดยสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งอเมริกา ส่วนหอชมวิวของตึกเอ็มไพร์สเตทก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้ชื่นชอบมากที่สุดในโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของภูมิภาค สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตท โปรดเยี่ยมชม www.empirestatebuilding.com , www.facebook.com/empirestatebuilding , @EmpireStateBldg ,www.instagram.com/empirestatebldg , www.youtube.com/esbnyc หรือ www.pinterest.com/empirestatebldg/

 

เกี่ยวกับเอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์

เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ (NYSE: ESRT) คือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยเป็นผู้ครอบครอง บริหารจัดการ ดำเนินงาน เข้าซื้อ และรีโพสิชั่นอาคารสำนักงานและห้างค้าปลีกบนเกาะแมนฮัตตันรวมถึงมหานครนิวยอร์ก ซึ่งรวมไปถึงตึกเอ็มไพร์สเตท อาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก และนับจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีสำนักงานและอาคารค้าปลีกให้เช่าเป็นพื้นที่รวมกัน 10.1 ล้านตารางฟุต ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่า 9.4 ล้านตารางฟุตในอาคารสำนักงาน 14 แห่ง แบ่งเป็นบนเกาะแมนฮัตตัน 9 แห่ง ในเขตแฟร์ฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต 3 แห่ง และในเขตเวสต์เชสเตอร์ รัฐนิวยอร์กอีก 2 แห่ง นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าประมาณ 724,000 ตารางฟุต

สื่อมวลชนติดต่อ

Katherine Davis, Edelman

โทร. (212) 738-6098

อีเมล: Katherine.Davis@Edelman.com

ไมโครชิป จับมือ ซิลิคอน อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ (SiS) นำเสนอโมดูลจอภาพตัวแรกของอุตสาหกรรม ผสมผสานเทคโนโลยีมัลติทัชและการสั่งงานด้วยท่าทางแบบสามมิติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

กรุงเทพฯ–12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

SiS เตรียมผสานเซนเซอร์ตรวจจับการสัมผัสแบบ projected-capacitive เข้ากับ GestIC(R) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสั่งงานด้วยท่าทางแบบสามมิติของไมโครชิปที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว

ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงค์ บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์ สัญญาณผสม อนาล็อก และแฟลช-ไอพี ได้ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับซิลิคอน อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ คอร์ป (SiS) เพื่อนำเสนออินเทอร์เฟซโมดูลที่รองรับทั้งระบบสัมผัสแบบ projected-capacitive (PCAP) และการสั่งงานด้วยท่าทางแบบสามมิติ ซึ่งช่วยร่นระยะเวลาในการพัฒนาพร้อมลดต้นทุน โมดูลดังกล่าวจะเข้ามาอำนวยความสะดวกในการออกแบบส่วนแสดงผลระบบมัลติทัชและการสั่งงานด้วยท่าทางแบบสามมิติควบคู่กับเทคโนโลยี GestIC(R) ของไมโครชิปที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว ซึ่งสามารถตรวจจับตำแหน่งมือเหนือพื้นผิวจอภาพได้มากถึง 20 เซนติเมตร (ซม.) โดยการสั่งการด้วยท่าทางนั้นเป็นสิ่งที่ใช้กันทั่วโลก ถูกสุขลักษณะ และเรียนรู้ได้ง่าย นอกจากนี้ ยังช่วยยกระดับความปลอดภัย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้สายตาและมือประสานงานกันอย่างแม่นยำ

http://photos.prnasia.com/prnvar/20160105/8521600043

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี GestIC ของไมโครชิป สามารถรับชมได้ที่http://www.microchip.com/GestIC-010516a

นอกจากนี้ โมดูลของ SiS ที่มาพร้อมเทคโนโลยี GestIC ของไมโครชิป ยังได้รับการสาธิตการใช้งานที่บูธหมายเลข MP25656 ของไมโครชิป ภายในงาน Consumer Electronics Show (CES) ณ ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 6-9 มกราคม 2559

ไมโครชิปได้พัฒนาเทคโนโลยี GestIC ขึ้นเพื่อให้สามารถนำไปผนวกรวมกับคอนโทรลเลอร์ PCAP แบบมัลติทัช โดยเป็นเทคโนโลยีสั่งการด้วยท่าทางแบบสามมิติที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในตลาด นอกจากนี้ เซนเซอร์ของ GestIC ผลิตขึ้นจากวัสดุและกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นอินเดียมทินออกไซด์ (ITO) ตาข่ายโลหะ และหมึกนำไฟฟ้าบนแผ่นแก้วหรือฟอยล์ โมดูลใหม่ที่ SiS นำเสนอเหล่านี้ นับเป็นโมดูลแรกของโลกที่ผสานเทคโนโลยี PCAP แบบสองมิติ และระบบควบคุมการทำงานด้วยท่าทางแบบสามมิติเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งมอบโซลูชั่นส่วนแสดงผลที่มีคุณสมบัติครบครัน SiS ได้สั่งสมประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญมาเป็นเวลาถึง 30 ปีในเรื่องของผลิตภัณฑ์พีซีชิปเซ็ต, eMMC, eMCP และโซลูชั่นระบบสัมผัสแบบ projected-capacitive และด้วยความร่วมมือกับไมโครชิป SiS จะทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ และดำเนินการวางระบบเซนเซอร์ ซึ่งโมดูลที่ได้จะช่วยร่นระยะเวลาในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทสู่ตลาด ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์และผู้บริโภค

เราตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ SiS เพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นเรื่อยๆของหน้าจอควบคุมสามมิติทั้งในตลาดยานยนต์ ระบบอัตโนมัติในบ้าน และ IoT” ดร. โรแลนด์ โอบาวเออร์ ผู้อำนวยการ Human-Machine Interface Division ของไมโครชิปกล่าว “ไมโครชิปมุ่งมั่นเสริมสร้างนวัตกรรมในเทคโนโลยี human interfaceและโมดูลของ SiS จะเปิดทางให้ลูกค้านำสองเทคโนโลยีอินเทอร์เฟสนี้มาใส่ในแอพพลิเคชั่นของตนเองได้ไวขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้เปิดทางสู่มิติใหม่แห่งอินเทอร์เฟสฝั่งผู้ใช้ที่สั่งการด้วยท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้ได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์”

“SiS รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอย่างไมโครชิป” โจนาธาน ชี ประธาน SiS กล่าว “เราตื่นเต้นที่สามารถนำโซลูชั่นแรกๆที่ผสมผสานระหว่างระบบสองมิติและสามมิติออกสู่สายตาชาวโลก จากการร่วมมือกับไมโครชิปครั้งนี้ เราคาดว่าความต้องการและส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เรามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเปิดตัวเทคโนโลยีที่แปลกใหม่ ตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีความสร้างสรรค์ออกสู่ตลาดโลกอย่างไม่หยุดยั้ง และความร่วมมือครั้งนี้คือตัวอย่างที่สำคัญยิ่ง”

โมดูลของ SiS ที่มาพร้อมเทคโนโลยี GestIC ของไมโครชิป ได้รับการสาธิตการใช้งานที่บูธหมายเลข MP25656 ของไมโครชิปภายในงาน Consumer Electronics Show (CES) เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2559

แหล่งข้อมูลและภาพ

สามารถรับชมรูปภาพความละเอียดสูงได้ที่ฟลิกเกอร์ หรือติดต่อกองบรรณาธิการ (สามารถนำไปเผยแพร่ได้ตามสะดวก):

ติดตามไมโครชิปได้ที่

เกี่ยวกับ ซิลิคอน อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ ( SiS)

ซิลิคอน อินทิเกรเต็ด ซิสเต็มส์ คอร์ป. (SiS) เป็นบริษัทออกแบบแผงวงจรรวมชั้นแนวหน้าของโลก บริษัททุ่มเทความพยายามด้านโซลูชั่น SoC ที่ล้ำสมัยเพื่อตอบสนองหลากหลายการใช้งานในยุคดิจิทัล ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในอุปกรณ์สัมผัสและแท็บเล็ต HDTV, Internet TV อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และบริการออกแบบ  SoC ที่ปรับแต่งตามความต้องการ เราหวังว่าจะได้นำเสนอนวัตกรรมที่มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อเป็นการตอบสนองวิสัยทัศน์ชีวิตยุคดิจิทัล SiS ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2530 โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ไต้หวัน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันภายใต้รหัส “2363″ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sis.com/

เกี่ยวกับไมโครชิป เทคโนโลยี

ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงค์ (NASDAQ: MCHP) เป็นผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นไมโครคอนโทรลเลอร์ โซลูชั่นอนาล็อกสัญญาณผสม และแฟลช-ไอพี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุนรวมของทั้งระบบ และร่นระยะเวลาในการนำเสนอแอพพลิเคชั่นหลายพันรายการสำหรับลูกค้าในตลาดทั่วโลก สำนักงานใหญ่ของไมโครชิปตั้งอยู่ที่เมืองแชนด์เลอร์ รัฐแอริโซนา บริษัทนำเสนอการสนับสนุนด้านเทคนิคที่เป็นเลิศ พร้อมกับการขนส่งและคุณภาพที่เชื่อถือได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครชิป http://www.microchip.com/Homepage-010516a

หมายเหตุ: ชื่อและโลโก้ Microchip และ GestIC เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของบริษัท ไมโครชิป เทคโนโลยี อินคอร์ปอเรทเต็ด ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ส่วนเครื่องหมายการค้าอื่นๆทั้งหมดที่ระบุถึงในข่าวฉบับนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทที่เป็นเจ้าของ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

Daphne Yuen จากไมโครชิป

โทร:  +852-2943-5115

อีเมล: daphne.yuen@microchip.com

รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160105/8521600043

Carrier เดินหน้าสู่ “ยุคของการบริโภคอาหารอย่างคุ้มค่า” มุ่งลดอาหารที่ถูกทิ้งทั่วโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

สิงคโปร์–12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นผลมาจากอาหารที่ถูกทิ้งจะลดลงสุทธิ 10 เท่า หากมีการใช้ระบบห่วงโซ่ความเย็น (cold chain) ในประเทศกำลังพัฒนา

เมื่อเดือนที่แล้ว Carrier ผู้นำระดับโลกด้านระบบทำความร้อน ระบบปรับอากาศ และระบบแช่เย็น ได้ประกาศเจตนารมณ์ ณ การประชุม World Cold Chain ที่สิงคโปร์ เพื่อลดอาหารที่ถูกทิ้ง พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเดินหน้าสู่ “ยุคของการบริโภคอาหารอย่างคุ้มค่า” สำหรับการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยมีตัวแทน 131 ท่านจาก 33 ประเทศเข้าร่วม ซึ่งผู้นำระดับโลกจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ได้ร่วมหารือและพัฒนาแนวทางที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนในการขยายและปรับปรุงระบบห่วงโซ่ความเย็น เพื่อลดปัญหาอาหารเน่าเสียและอาหารที่ถูกทิ้ง ทั้งนี้ Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ UTC Climate, Controls & Security ในเครือบริษัท United Technologies Corp.

http://photos.prnasia.com/prnvar/20160105/8521508235-a

http://photos.prnasia.com/prnvar/20160105/8521508235-b

http://photos.prnasia.com/prnvar/20160105/8521508235logo

วิทยากรหลักในการประชุมตลอด 2 วันประกอบด้วย Dr. Joseph Mpagalile เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมอาหารและเกษตร จากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รวมถึง Didier Coulomb ผู้อำนวยการสถาบัน International Institute of Refrigeration และ Clementine O’Connor ที่ปรึกษาด้านระบบอาหารยั่งยืน จากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

สาระสำคัญจากการประชุมประกอบด้วย

  • ที่ประชุมได้ให้การรับรองเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติข้อที่ 12.3 ที่เรียกร้องให้มีการลดขยะเศษอาหารลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค และลดการสูญเสียอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2573
  • FAO กำลังพิจารณาจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือ Cold Chain Coalition เพื่อรับมือกับอาหารที่ถูกทิ้งในประเทศกำลังพัฒนา
  • สถาบัน International Institute of Refrigeration ประเมินว่า 23% ของอาหารที่เน่าเสียและอาหารที่ถูกทิ้งในประเทศกำลังพัฒนาเกิดจากการขาดแคลนห่วงโซ่ความเย็น ตัวอย่างเช่น ประเทศเอธิโอเปียมีพื้นที่สำหรับแช่เย็นอาหารเฉลี่ยเพียง 2 ลิตรต่อคนเท่านั้น ขณะที่สหรัฐอเมริกามีพื้นที่แช่เย็นอาหารเฉลี่ยถึง 344ลิตรต่อคน
  • งานวิจัยอิสระชิ้นใหม่เปิดเผยว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นผลมาจากอาหารที่ถูกทิ้งจะลดลงสุทธิ 10 เท่า หากประเทศกำลังพัฒนามีการใช้ระบบห่วงโซ่ความเย็นในระดับเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว นับเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า ระบบห่วงโซ่ความเย็นไม่เพียงช่วยให้ประชากรโลกได้รับอาหารมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอาหารที่ถูกทิ้งที่มีมากถึง 3.6 กิกะตันต่อปีด้วย ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบอาหารที่ถูกทิ้งเป็นประเทศ ก็จะเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 3 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังยืนยันว่า การพัฒนาอย่างชัดเจนสามารถเกิดขึ้นได้จริง
  • Judith Evans ศาสตราจารย์จาก London South Bank University เปิดเผยว่า ในประเทศพัฒนาแล้ว อาหารที่ถูกทิ้งราว 42% เกิดขึ้นในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าต้องมีการรณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น ทั้งนี้ โครงการรณรงค์ “Love Food Hate Waste” ของอังกฤษ ช่วยลดอาหารที่ถูกทิ้งในระดับครัวเรือนได้ถึง 21% นับตั้งแต่ปี 2553
  • มาตรฐานอาคารสีเขียว “LEED” ของ U.S. Green Building Council ถือเป็นต้นแบบที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำมาเป็นตัวอย่างในการกำหนดมาตรฐานระบบห่วงโซ่ความเย็นสีเขียว  

ทุกๆปีมีอาหารกว่า 1 ใน 3 ที่กลายเป็นอาหารเหลือทิ้ง ทั้งๆที่กว่า 50% ของอาหารที่ถูกทิ้งเหล่านั้นสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้นด้วยระบบห่วงโซ่ความเย็น” David Appel ประธานของ Carrier Transicold & Refrigeration Systems กล่าว “ทุกวันนี้ มีอาหารสดเสียง่ายเพียง 10% จากทั่วโลกที่ได้รับการแช่แข็ง ดังนั้น เรายังมีโอกาสลดอาหารที่ถูกทิ้งและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกมาก ด้วยการใช้หรือปรับปรุงระบบห่วงโซ่ความเย็น ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการแช่เย็นแบบไฮเทค Carrier จึงมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาระบบห่วงโซ่ความเย็น ด้วยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้อย่างการประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสแบ่งปัน เรียนรู้ และสร้างสรรค์ระบบห่วงโซ่ความเย็นอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การลดอาหารที่ถูกทิ้งในที่สุด”

นอกจากนี้ ภายในงานดังกล่าว Carrier ยังได้บริจาคเงิน 10,000 ดอลลาร์ให้แก่ ZeroWasteSG องค์กรเอ็นจีโอที่ไม่แสวงหาผลกำไรในสิงคโปร์ ซึ่งอุทิศตนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับขยะ และโปรโมทโครงการ “Save Food, Cut Waste” ของทางองค์กร

เรารู้ว่ามีสาเหตุมากมายที่ทำให้อาหารเสียเปล่าหรือเหลือทิ้ง และหนึ่งในนั้นคือความล้าสมัยของระบบห่วงโซ่ความเย็น” John Mandyck ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของ UTC และผู้ร่วมเขียนหนังสือ Food Foolish: The Hidden Connection Between Food Waste, Hunger and Climate Change กล่าว “การแช่เย็นเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการถนอมและยืดอายุอาหารที่เน่าเสียง่าย ด้วยเหตุนี้ การประชุมครั้งนี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางในการพัฒนาระบบห่วงโซ่ความเย็นอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การลดอาหารที่ถูกทิ้ง และช่วยให้ประชากรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้รับประทานอาหารสดใหม่ซึ่งมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและการมีสุขภาพดี”

เขากล่าวเสริมว่า “ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ใน “ยุคของการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า” ด้วยการใช้แหล่งพลังงานเดิมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างความเจริญอย่างยั่งยืน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ก้าวมาไกลแล้วและยังไปต่อได้อีก ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาของ “ยุคของการบริโภคอาหารอย่างคุ้มค่า” ด้วยการใช้แหล่งอาหารเดิมในการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อประชากร 1 หมื่นล้านคน โดยต้องเพียงพอสำหรับประชากรโลกในปัจจุบันและประชากรเกิดใหม่ในปี 2593 พร้อมกันนั้นต้องลดการสร้างและปล่อยมลพิษด้วย ระบบห่วงโซ่ความเย็นสีเขียวช่วยขยายโอกาสในการเพิ่มปริมาณอาหารได้อย่างมหาศาล”

อ่านรายงานการประชุมฉบับเต็มได้ที่ NaturalLeader.com และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดอาหารที่ถูกทิ้งได้ทางทวิตเตอร์ @SmartColdChain หรือเข้าชมเว็บไซต์ Carrier.com

เกี่ยวกับ Carrier

Carrier คือผู้นำระดับโลกด้านระบบทำความร้อน ระบบปรับอากาศ และระบบแช่เย็น ซึ่งก่อตั้งโดยนักนวัตกรรมระบบปรับอากาศสมัยใหม่ ผู้เชี่ยวชาญของ Carrierนำเสนอโซลูชั่นที่มีความยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบควบคุมภายในอาคาร ตลอดจนบริการด้านพลังงานสำหรับลูกค้าทั้งในที่พักอาศัย ในเชิงพาณิชย์ การค้าปลีก การขนส่ง และธุรกิจบริการด้านอาหาร Carrier เป็นส่วนหนึ่งของ UTC Climate, Controls & Security ในเครือบริษัท United Technologies Corp. ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมอวกาศและระบบภายในอาคาร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชม www.carrier.com หรือติดตามทวิตเตอร์ @SmartColdChain

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

Carrier  
Jon Shaw 
โทร. +1-315-432-6442 
อีเมล: jon.shaw@carrier.utc.com

รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160105/8521508235-a
รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160105/8521508235-b
โลโก้ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160105/8521508235logo

สถาบันศิลปะจีนเปิดตัวรางวัล Design Intelligence Award ระดับโลก ชิงเงินรางวัลรวม 5 ล้านหยวน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

หางโจว, จีน–12 ม.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          – เวทีประกวดเพื่อเฟ้นหาผลงานออกแบบเชิงนวัตกรรมที่สดใหม่

          เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเปิดตัวรางวัล Design Intelligence Award ครั้งปฐมฤกษ์ พร้อมกับการเปิดตัว “Global Discovery – Looking for Good Designs” ในระดับโลก ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในวิทยาลัยศิลปะแห่งประเทศจีน วิทยาเขตเซียงซาน เมืองหางโจว ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน รางวัลดังกล่าวจัดขึ้นโดยวิทยาลัยศิลปะแห่งประเทศจีน (China Academy of Art) ร่วมกับสมาคมออกแบบอุตสาหกรรมจีน (China Industrial Design Association) ในฐานะที่เป็นเวทีประกวดระดับนานาชาติที่สถาบันและองค์กรด้านการออกแบบ บริษัทร่วมทุนและสถาบันการเงิน ตลอดจนบริษัทสื่อสารมวลชนระดับโลก ได้ร่วมกันพัฒนาขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง การประกวดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเฟ้นหาผลงานการออกแบบอุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและความก้าวหน้าครั้งสำคัญอย่างแท้จริง

          http://photos.prnasia.com/prnvar/20160108/0861600184-a

          สำหรับการมอบรางวัล Design Intelligence Award จะพิจารณาถึง “อัจฉริยภาพแห่งตะวันออก ภูมิปัญญาแห่งชีวิต พลังและอัจฉริยภาพของชาติ รวมถึงการคิดเชิงนวัตกรรม” โดยจะมีการมอบเงินรางวัลมูลค่าหลายล้านหยวน พร้อมนำเสนอจุดเด่นอันประกอบไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคน “งานสร้างสรรค์อัจฉริยะ” ภายในระยะเวลาหลายร้อยวัน อุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านหยวน ตลอดจนแบรนด์และสื่อหลายร้อยสำนักที่ดำเนินกิจการมานานหลายร้อยปี และนอกจากรางวัลรวมมูลค่า 5 ล้านหยวน (ประมาณ 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ) แล้ว ยังจะมีการมอบรางวัลประเภทบุคคลซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านหยวน (ประมาณ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ) อีกด้วย การมอบรางวัล Design Intelligence Award มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการผลิตอัจฉริยะในประเทศจีน รวมทั้งการสร้างสรรค์งานออกแบบที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและควรค่าแก่การเป็นส่วนหนึ่งของยุค Industry 4.0 ทั้งนี้ พิธีประกาศรางวัลจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2559

          สามารถส่งผลงานออกแบบผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2559 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2559 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการลงทะเบียน สามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการของงาน Design Intelligence Award ที่ http://www.di-award.org/

dia

          http://photos.prnasia.com/prnvar/20160108/0861600184-b

          http://photos.prnasia.com/prnvar/20160108/0861600184-c

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160108/0861600184-a

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160108/0861600184-b

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20160108/0861600184-c

Macrogen เลือกใช้หน่วยประมวลผล DRAGEN ของ Edico Genome เพื่อเร่งการวิเคราะห์จีโนมปริมาณมากและให้บริการหาลำดับทางคลินิก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

โซล, เกาหลีใต้ และซานดิเอโก12 ม.ค.พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

Macrogen ผู้นำระดับโลกด้านบริการหาลำดับจีโนม และ Edico Genome ประกาศว่า ทาง Macrogen ได้เลือกใช้หน่วยประมวลผล DRAGEN(TM) Bio-IT Processor เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประมวลผลและวิเคราะห์จีโนมปริมาณมาก ตลอดจนให้บริการหาลำดับทางคลินิก โดย Macrogen เป็นเจ้าของศูนย์บริการหาลำดับยุคใหม่ (NGS) ชั้นแนวหน้าของโลกที่มีระบบอันทันสมัยมากมาย ทั้งระบบหาลำดับ HiSeq(TM) X Ten, HiSeq 2000, HiSeq 2500, HiSeq 4000 และ MiSeq(R)ของ Illumina รวมถึงระบบ Ion PGM(TM) และ Ion Proton(TM) ของ Thermo Fisher ตลอดจนระบบ GS-FLX ของ Roche และเครื่องมือ PacBio นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของ Macrogen ยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลกว่า 11 เพตะไบต์ และคอร์คลัสเตอร์กว่า 3,000 คอร์ ทั้งนี้ DRAGEN ช่วยให้ Macrogen สามารถวิเคราะห์จีโนมแต่ละตัว (ครอบคลุม 30x) จากระบบหาลำดับ HiSeq X Ten ภายในเวลาเพียง 26 นาที ด้วยคุณสมบัติความไวสูงและมีความเฉพาะเจาะจง โดยกระบวนการวิเคราะห์ดังกล่าวครอบคลุมถึงการแปลงไฟล์ BCL จากเครื่องมือหาลำดับ เป็นไฟล์ Variant Call Format (VCF) ด้วย

 Edico Genome Logo / Edico Genome's logo (PRNewsFoto/Edico Genome)

Edico Genome’s logo (PRNewsFoto/Edico Genome)

โลโก้http://photos.prnewswire.com/prnh/20140716/127788

Macrogen ให้บริการวิเคราะห์จีโนมอันหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมถึงบริการหาลำดับจีโนมมนุษย์ปริมาณมากด้วยระบบ HiSeq X Ten หรือที่รู้จักกันในชื่อ X-Genome (Xpressway to Genome) ปัจจุบัน Macrogen Corp (USA) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Macrogen ได้ให้บริการหาลำดับทางคลินิกแก่บรรดาแพทย์และผู้ป่วยผ่านห้องปฏิบัติการทางคลินิกของบริษัทที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน CLIA นอกจากนี้ Macrogen ยังมีแผนเปิดตัวธุรกิจบริการข้อมูลและคอนเทนต์ด้านสุขภาพ โดยใช้ข้อมูลจีโนมปริมาณมากที่ได้รับจากโครงการ Asian Genome Project ตลอดจนเครือข่ายจีโนมทั่วโลก

เราสามารถผลิตข้อมูล NGS กว่า 500 กิกะไบต์ต่อวันโดยใช้ระบบ NGS อันหลากหลาย ทั้งยังสามารถเร่งกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากเหล่านี้ ส่งผลให้ศูนย์บริการ NGS ของเราทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด และทำให้ลูกค้าของเราได้รับความพึงพอใจมากยิ่งขึ้นดร.จอง-ซอน ซอ ประธานและผู้ก่อตั้งMacrogen กล่าว หลังจากประเมินการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบต่างๆแล้ว เราพบว่า DRAGEN ช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และมีความความแม่นยำสูง นับเป็นสุดยอดโซลูชั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างความก้าวหน้าทางการแพทย์ส่วนบุคคลและการวิจัยจีโนม

DRAGEN เป็นหน่วยประมวลผลตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล NGS ซึ่งผนวกรวมอยู่ในการ์ด PCIe และมาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีการกำหนดค่าอยู่ก่อนแล้ว ส่งผลให้ใช้ในการประมวลผลทางชีวสารสนเทศศาสตร์ได้อย่างราบรื่น

ในฐานะที่เป็นศูนย์บริการหาลำดับที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก และเป็นองค์กรธุรกิจรายแรกที่นำเสนอบริการ $1,000 genome ทาง Macrogen จึงเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในวงการจีโนมิกส์ และยังคงเดินหน้านำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดให้แก่ลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้งดร.ปีเตอร์ ฟาน รูเย่น ซีอีโอของ Edico Genomeกล่าว “DRAGEN ได้รับการคิดค้นขึ้นเพื่อประมวลผลข้อมูลปริมาณมากจากระบบหาลำดับด้วยความรวดเร็ว คุ้มค่า และแม่นยำ เราหวังที่จะร่วมงานกับ Macrogen เพื่อดำเนินการติดตั้ง DRAGEN ตามจุดต่างๆ เพื่อประโยชน์ของลูกค้าของ Macrogen ที่มีมากกว่า 17,000 รายทั่วโลก”

เมื่อไม่นานมานี้ DRAGEN ได้ทำลายสถิติการวินิจฉัยเด็กแรกเกิดที่ป่วยหนักด้วยเวลา 26 ชั่วโมง ผ่านการจัดลำดับจีโนมทั้งหมดด้วยค่าความไวและความจำเพาะที่ 99.5% โดยมีการเผยแพร่ผลลัพธ์ดังกล่าวทาง Genome Medicine และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทคโนโลยีจีโนมของ DRAGEN ก็ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้วิเคราะห์จีโนมทั้งหมดจากไฟล์ BCL เป็น Variant Call Format ภายในเวลาเพียง 26 นาที

DRAGEN สามารถกำหนดค่าได้ตามความต้องการด้วย Field Programmable Gate Array (FPGA) ซึ่งช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการแปลงไฟล์ BCL การบีบอัด การทำแมปปิ้ง การจัดเรียง การเรียงลำดับ การทำเครื่องหมายลำดับซ้ำ ตลอดจนการทำ Variant Call สำหรับแฮพโพลไทป์ แพลตฟอร์มDRAGEN ที่มีความยืดหยุ่นนี้ เปิดโอกาสให้ Edico สามารถพัฒนาขั้นตอนวิธีตามการใช้งาน ตลอดจนกำหนดและพัฒนากระบวนการทำงานเดิม โดยลูกค้าสามารถอัพเดทแพลตฟอร์มได้เพียงแค่คลิกดาวน์โหลด

เกี่ยวกับ Macrogen

Macrogen, Inc. (http://www.macrogen.com) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านการวิเคราะห์ยีนคุณภาพสูง จนกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงมาตั้งแต่ปี 2540 บริการอันหลากหลายของบริษัทครอบคลุมทั้งการหาลำดับดีเอ็นเอ การหาลำดับยุคใหม่ การวิเคราะห์ไมโครแอเรย์ การสังเคราะห์โอลิโกนิวคลีโอไทด์ ตลอดจนบริการหนูดัดแปลงพันธุกรรม นอกจากนี้ Macrogen ยังได้มีการขยายขอบข่ายธุรกิจให้ครอบคลุมภาคส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยระดับโมเลกุล และบริการจีโนมิกส์ระดับผู้บริโภค Macrogen ดำเนินธุรกิจทั่วโลกผ่านบริษัทสาขาในสหรัฐอเมริกาที่เมืองร็อควิลล์ นิวยอร์ก และเคมบริดจ์ รวมถึงสาขายุโรปที่เนเธอร์แลนด์ และที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ Macrogen จดทะเบียนในตลาดหุ้น Korea Securities Dealers Automated Quotation (ticker symbol: A038290)

เกี่ยวกับ Edico Genome

Edico Genome เป็นผู้คิดค้น DRAGEN(TM) หน่วยประมวลผลทางชีวสารสนเทศศาสตร์ตัวแรกของโลกที่ได้รับการออกแบบเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลการหาลำดับยุคใหม่ ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนก่อให้เกิดความต้องการเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมากได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แพลตฟอร์มคอมพิวติ้งของ Edico Genome ช่วยร่นระยะเวลาการวิเคราะห์ข้อมูลจีโนมทั้งหมดจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที โดยยังคงมีความแม่นยำสูงแต่ใช้ต้นทุนต่ำลง ซึ่งเปิดโอกาสให้แพทย์และนักวิจัยสามารถค้นพบคำตอบได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.EdicoGenome.comหรือติดตาม @EdicoGenome