สำนักพุทธฯเสนอกรอบมาตรฐานพระธรรมทูตต่างแดน

http://www.thairath.co.th/content/edu/309968

30 พฤศจิกายน 2555, 13:05 น.
Pic_309968

ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยเตรียมกำหนดคุณสมบัติของพระธรรมทูตที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ยังต่างประเทศ สร้างมาตรฐานความรู้ พฤติกรรม…

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จากการหารือกับสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคมในฐานะประธานกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้รับความเห็นชอบในเบื้องต้นที่จะกำหนดมาตรฐานความรู้ คุณสมบัติของพระธรรมทูตที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ยังต่างประเทศให้ชัดเจน

ทั้งนี้ เนื่องจากพบปัญหาพระบางรูปมักมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น มีการย้ายวัดโดยไม่แจ้งสถานทูต รวมทั้งภาษาที่จะใช้ในการสื่อสารกับประชาชนในประเทศนั้นๆ ทำให้เกิดปัญหาต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยประเด็นหลักๆ ของมาตรฐานความรู้ของพระธรรมทูต คือต้องมีความรู้ ความสามารถ และมีทักษะการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษหรือภาษาของประเทศนั้นๆ ได้ดี และมีความรู้เรื่องวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศต่างๆ ด้วย.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
  • 30 พฤศจิกายน 2555, 13:05 น.

กมธ.เสนอลงแส้ เอาผิดละครแรง!

http://www.thairath.co.th/content/edu/309835

30 พฤศจิกายน 2555, 01:23 น.
Pic_309835

กมธ.พัฒนาสังคมฯ เสนอนายกฯ ให้จัดเวทีสัมมนาหรือเสวนาระดมความคิดและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อกำกับดูแลละครโทรทัศน์และสื่อทางโทรทัศน์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการลอกเลียนแบบในทางลบ อันเนื่องจากรณีละคร “แรงเงา”…

ละครโทรทัศน์เรื่อง “แรงเงา” ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสะท้อนความรุนแรงจนเกินเลยและส่งผลกระทบต่อสถาบันครอบครัว ยังคงถูกหยิบยกมาพิจารณากันอีกครั้ง ในการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ที่ห้องประชุม 310 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 29 พ.ย. เวลา 09.30 น. ทั้งนี้ นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงวัฒนธรรมมาชี้แจงเรื่องการควบคุมละครโทรทัศน์และบทภาพยนตร์ เนื่องจากตัวแทน กสทช.มาชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรม จึงได้มอบหมายให้นายอภินันท์ โปษยานนท์ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยนายประสพ เรียงเงิน ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นางลัดดา ตั้งสุภาชัย นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ กระทรวงวัฒนธรรม มาร่วมชี้แจง

นายอโณทัยเปิดเผยหลังการประชุมว่า ตัวแทนกระทรวงวัฒนธรรมได้มาชี้แจงว่า หน่วยงานของกระทรวงกำกับดูแลเรื่องบทภาพยนตร์และภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ส่วนโทรทัศน์เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ กสทช. และ กบว. แต่ละช่อง ที่ผ่านมาเวลามีเนื้อหาและภาพในละครโทรทัศน์รุนแรงหรือเกินเลย สถานี กบว. และผู้จัดก็ออกมาขอโทษรับจะปรับปรุงแก้ไข แต่ก็มีการกระทำในลักษณะดังกล่าวอีก ละครก็มีการนำมาเผยแพร่และผลิตซ้ำอีก อย่างเรื่อง “แรงเงา” ทราบว่าหลังจากที่คณะกรรมาธิการฯ ติติงไป ผู้จัดก็ตัดฉากที่รุนแรงออกไปบ้าง แต่ตอนล่าสุดก็มีความรุนแรง ตัวละครใช้เข็มขัดฟาดทำร้ายลูกเมื่อรู้ว่ามีความเบี่ยงเบนทางเพศ และลูกก็ด่าพ่อสวนกลับว่า ยังดีกว่าพ่อไปสำส่อน เป็นภาพรุนแรงที่กระทำต่อเด็กและเด็กก้าวร้าวต่อบุพการี ส่งผลกระทบต่อสถาบันครอบครัวที่จะมีการเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

“ในสหรัฐอเมริกาห้ามมีฉากทำร้ายเด็กและสัตว์เลี้ยงทางโทรทัศน์ มีการลงโทษผู้จัดถึงขั้นห้ามประกอบอาชีพ แต่เมืองไทยสถานีและผู้จัดห่วงแต่เรื่องเรตติ้งที่จะทำรายได้ จนลืมนึกถึงผลกระทบต่อสังคม เสียค่าปรับไม่เท่าไร แต่ขยายละครออกไปอีกหลายตอนได้เงินจากโฆษณาเพิ่ม ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯหารือกันถึงเรื่องที่จะให้เจ้าของสัมปทานช่องโทรทัศน์อย่าง อสมท สถานีที่เผยแพร่ละครรุนแรง ผู้จัด ผู้กำกับและดาราที่แสดง ควรมาร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะละครที่จัดสร้างมีเวลาที่จะตรวจสอบบท ฉากที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว ตรวจสอบได้ว่าควรจะตัดต่อให้เหมาะสมอย่างไร กลับปล่อยให้มีการเผยแพร่ออกอากาศ จึงเห็นว่าผู้ที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ภาพที่ออกมาไม่ดีส่งผลสะท้อนต่อสังคมในทางลบ เนื่องจากปัจจุบันการจัดเรตติ้งก็ยังอยู่ในเวลาไม่เหมาะสม เด็กยังมาดูย้อนหลังทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กได้โดยไม่มีข้อความระบุเรตติ้งกำกับ” นายอโณทัยกล่าว

นายอโณทัยยังเปิดเผยอีกว่า จากปัญหาละคร “แรงเงา” ที่หยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์นี้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่จะกระตุ้นให้สถานีโทรทัศน์และผู้จัดคำนึงถึงผลกระทบในด้านลบต่อสังคมและสถาบันครอบครัว น่าห่วงว่าความรุนแรงต่อเด็ก เยาวชนและสตรีอยู่ในขั้นวิกฤติ คณะกรรมการฯจึงมีมติให้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้จัดเวทีสัมมนาหรือเสวนาระดมความคิดและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อกำกับดูแลละครโทรทัศน์และสื่อทางโทรทัศน์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการลอกเลียนแบบในทางลบ นอกจากนี้ทราบว่า กสทช.กำลังจะประกาศเรื่องเรตติ้งใหม่ โดยจะเชิญผู้มีส่วนได้เสียมาระดมความคิดเห็นกัน ถึงผลกระทบด้านต่างๆ ก่อนประกาศใช้ จึงหวังว่าจะแก้ปัญหาได้อีกทาง.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ไทยรัฐออนไลน์
  • 30 พฤศจิกายน 2555, 01:23 น.

อุโบสถวัด’หลวงปู่ทอง’ถูกทิ้งร้างกลางกรุง กรมศิลป์เร่งบูรณะ

http://www.thairath.co.th/content/edu/309758

29 พฤศจิกายน 2555, 16:36 น.
Pic_309758

ผอ.สำนักโบราณคดี เผยพบวัดลาดบัวขาวหรือวัดหลวงปู่ทอง ปล่อยทิ้งร้างกลางกรุง กรมศิลปากรเร่งชงงบฯบูรณะ…

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายธาราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สำนักโบราณคดีได้สำรวจพบวัดเก่าแก่ถูกทิ้งร้างตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 1 แห่ง ได้แก่ วัดลาดบัวขาว หรือวัดหลวงปู่ทอง ตั้งอยู่เลขที่ 33 หมู่ 14 ริมถนนวงแหวนรอบนอก เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ โดยพระอุโบสถซึ่งเป็นโบราณสถานมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาพระอุโบสถจะหักโค่น กรมศิลปากรจึงได้ตั้งงบ 9 แสนบาท ไปทำการค้ำยันไม่ให้ตัวโบราณสถานหักโค่นลงมา ในปีงบประมาณ 2556 ได้จัดทำงบประมาณดำเนินการซ่อมบูรณะเบื้องต้นก่อน 5 ล้านบาท แต่คาดว่ายังไม่เพียงพอเพราะพระอุโบสถเสียหายมาก จึงจะตั้งของบประมาณต่อเนื่องปี 2557 อีก 5 ล้านบาท เพื่อบูรณะอย่างถาวรและปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามด้วย

“ผมได้เข้าไปสำรวจพบว่าวัดหลวงปู่ทอง เป็นวัดดังในย่านนั้นและยังมีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่ปล่อยพระอุโบสถทิ้งร้างเพราะทางวัดไม่มีงบประมาณในการบูรณะ ขณะนี้กรมศิลปากรได้เข้าไปช่วยเหลือแล้ว ซึ่งวัดลาดบัวขาวหรือวัดหลวงปู่ทองนี้ถือเป็นวัดและโบราณสถานแห่งที่ 3 ที่สำนักโบราณคดีได้สำรวจโบราณสถานถูกทิ้งร้างกลางกรุง โดยก่อนหน้านี้ได้สำรวจพบไปแล้ว 2 แห่ง คือ อุโบสถเก่าที่วัดสวนสวรรค์ ใกล้สะพานพระราม 8 และอุโบสถวัดภุมรินราชปักษี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ปากคลองบางกอกน้อย เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า” ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กล่าว.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการศึกษา
  • 29 พฤศจิกายน 2555, 16:36 น.

สวธ.ชูยุทธศาสตร์วัฒนธรรมรับอาเซียน

http://www.thairath.co.th/content/edu/309754

29 พฤศจิกายน 2555, 16:06 น.
Pic_309754

อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เผยแผนยุทธศาสตร์ 4 ระยะส่งเสริมวัฒนธรรมต้อนรับประชาคมอาเซียน ก้าวสู่ผู้นำวัฒนธรรมในเวทีโลก…

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมนำเสนอ(ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมวัฒนธรรม พ.ศ.2555-2559 ว่า การประชุมครั้งนี้ได้ระดมความคิดเห็นของตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการวัฒนธรรม ศิลปินแห่งชาติ สภาวัฒนธรรมและเครือข่ายงานวัฒนธรรม เพื่อให้ได้กรอบการดำเนินงานของแผนยุทธศาสตร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจากที่มุ่งการชูยุทธศาสตร์วัฒนธรรมรับอาเซียนหลากหลายทางวัฒนธรรมในประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเกิดประชาคมอาเซียน ดังนั้น สวธ.จะขยายขอบเขตงานวัฒนธรรมร่วมมุ่งส่งเสริมทางด้านนี้กับประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียนกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะร่วมศึกษามรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบกระแสโลกาภิวัตน์ ที่ถือเป็นเรื่องสำคัญมากจะต้องนำมาถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ให้ช่วยกันรักษาต่อเนื่อง เพราะหากไม่สืบสานแล้วภูมิปัญญาดั้งเดิมสูญหาย โดยจะนำข้อคิดเห็นต่างๆ เสนอต่อคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) และคณะรัฐมนตรีเพื่อนำไปขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมภายใต้ยุทธศาสตร์นี้

ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.อัจฉรา จันทร์ฉาย นักวิชาการวัฒนธรรมของศูนย์บริการราชการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมวัฒนธรรม ระยะที่ 1 ต้องสร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ระยะที่ 2 สวธ.ต้องบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งในปี 2556 จะต้องให้เกิดขึ้น ระยะที่ 3 ในปี 2558 นำวัฒนธรรมไทยไปเสริมสร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ และระยะที่ 4 ปี 2559 ต้องเป็นผู้นำวัฒนธรรมในเวทีโลก.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
  • 29 พฤศจิกายน 2555, 16:06 น.

อัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ทั่วประเทศ ปลุกเสกพร้อมกัน 5 ธ.ค.ที่พุทธมณฑล

http://www.thairath.co.th/content/edu/309288

28 พฤศจิกายน 2555, 03:00 น.
Pic_309288

สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ อัญเชิญ “น้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์” ทั่วประเทศ มาปลุกเสกพร้อมกันที่พุทธมณฑล วันที่ 5 ธ.ค. เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว…

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า ตามที่พุทธมณฑลได้รับความไว้วางใจจากชาวพุทธทั่วโลกให้เป็นศูนย์กลางทาง พระพุทธศาสนาโลก ดังนั้น ตนจึงเห็นว่าควรจะมีการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในประเทศมารวมไว้ที่ พุทธมณฑล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพุทธศาสนิกชนที่ต้องการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ ไม่ต้องเดินทางไปไกล โดยจะเริ่มจากการนำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดต่างๆ มารวมไว้ที่ พุทธมณฑล เพื่อให้พุทธศานิกชนที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัววันที่ 3-5 ธ.ค. ที่พุทธมณฑล ได้นำไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้มีคำสั่งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ อัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์จากสถานที่สำคัญในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศมารวมไว้ที่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมีการรวบรวมน้ำพระพุทธมนต์จากทั่วประเทศ

นายวรเดช ช่างบุ ผอ.สำนักงานพุทธมณฑล สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าว่า น้ำพระพุทธมนต์ที่จะอัญเชิญจากจังหวัดต่างๆ นั้นจะผ่านการปลุกเสกมาแล้วจาก คณะสงฆ์แต่ละจังหวัด และจากนั้นจะนำมารวมกันแล้วมีพิธีปลุกเสกพร้อมกันอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. ที่พุทธมณฑล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหากพุทธศาสนิกชนที่สนใจจะรับน้ำพระพุทมนต์ดังกล่าวไปบูชาทางสำนักงาน พุทธมนฑลก็จะเตรียมบรรจุใส่ขวดให้พุทธศาสนิกชนสามารถมาขอรับได้ ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดต่างๆ ได้ทยอยอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ ศักดิ์สิทธิ์เข้ามายังพุทธมณฑลแล้ว เหลือเพียงไม่กี่จังหวัดเท่านั้น

นายวรเดช กล่าวต่อไปว่า สำหรับน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศที่ได้อัญเชิญ มายังพุทธมณฑลแล้ว เช่น วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) วัดบวรนิเวศวิหาร วัดชนะสงคราม วัดอินทรวิหาร วัดสุทัศนเทพวราราม วัดสระเกศ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดไตรมิตร วัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร วัดไชยชุมพลชนะสงคราม วัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี วัดธาตุ จ.ขอนแก่น วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี วัดไพรีพินาศ จ.ชัยภูมิ วัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท วัดลอยเคราะห์ วัดเชียงยืน วัดสวนดอก วัดเจ็ดยอด วัดบุพพาราม วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร วัดเชียงมั่น วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ วัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง วัดพราหมณี (วัดหลวงพ่อปากแดง) จ.นครนายก วัดพระปฐมเจดีย์ วัดไร่ขิง จ.นครปฐม วัดพระธาตุพนม จ.นครพนม

นายวรเดช กล่าวต่อไปว่า วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ วัดเขียนเขต จ.ปทุมธานี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ปราจีนบุรี วัดมุจลินทวาปีวิหาร จ.ปัตตานี วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก วัดมหาธาตุวรวิหาร จ.เพชรบุรี น้ำพระพุทธมนต์จากสระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ วัดพระบรมธาตุนาดูน จ.มหาสารคาม วัดจองคำ จ.แม่ฮ่องสอน วัดคูหาภิมุข จ.ยะลา วัดบึงพระลานชัย จ.ร้อยเอ็ด วัดนกงาง จ.ระนอง วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี วัดพระธาตุลำปาหลวง จ.ลำปาง วัดพระธาตุเชิงชุม วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร วัดเพชรสมุทร จ.สมุทรสงคราม วัดท่าไม้ วัดเจษฏาราม จ.สมุทรสาคร วัดพระพุทธบาท วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี วัดพระนอนจักรสีห์ วัดพิกุลทอง วัดโบสถ์ จ.สิงห์บุรี น้ำศักดิ์สิทธิ์บ่อแก้วบ่อทอง จ.สุโขทัย วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี วัดศาลาลอย จ.สุรินทร์ วัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง วัดมัชฌิมาวาส จ.อุดรธานี วัดพระแท่นสิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการศึกษา
  • 28 พฤศจิกายน 2555, 03:00 น.

ในหลวง-ราชินี พระราชทานกระทง พระประทีบลอยปฐมฤกษ์

http://www.thairath.co.th/content/edu/309195

27 พฤศจิกายน 2555, 16:30 น.
Pic_309195

ในหลวง-ราชินี พระราชทานกระทง และพระประทีบลอยปฐมฤกษ์ ในสระน้ำวัดพระศรี จ.สุโขทัย รองผู้ว่าฯ เผยคุมเข้ม นักท่องเที่ยวนำเหล้าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์และเด็กมั่วสุม…

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 55 ที่อุทยานประวัติศาสต์สุโขทัย มีการจัดงานทำบุญสลากภัต ซึ่งเป็นประเพณีทำบุญใหญ่ของชาวสุโขทัย เนื่องในเทศกาลลอยกระทง ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 86 รูป ฉลองพุทธชยันตี โดยมีนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ตลอดจนมีประชาชนแต่งกายพื้นเมือง สวมเสื้อสีขาวนุ่งผ้าซิ่น นำสำรับภัตตาหารคาวหวาน และเครื่องสังฆทาน จตุปัจจัยไทยธรรม เข้าร่วมทำบุญกันอย่างคึกคัก สำหรับบรรยากาศโดยรอบ มีการออกร้านตลาดโบราณ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมตลอดทั้งวัน

นายปิติ แก้วสลับสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า สำหรับไฮไลต์สำคัญของในปีนี้ ทางจังหวัดสุโขทัยได้รับพระราชทานกระทงพระราชทานและพระประทีปจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งสิ้น 11 กระทง ลงลอยเป็นปฐมฤกษ์ ณ บริเวณสระน้ำวัดพระศรี (ตระพังตระกวน) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีการจุดพลุ ตะไล ไฟพะเนียง บริเวณโดยรอบอุทยานประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงแสง สี เสียง แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลกย้อนยุคเมืองสุโขทัย การออกร้านตลาดปะสานโบราณ หรือตลาดแลกเบี้ย โดยมีการจำลองบรรยากาศซืิ้อขายแบบโบราณ การประกวดนางนพมาศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน

รองผู้ว่าฯ สุโขทัย กล่าวต่อไปว่า ทางจังหวัดได้รณรงค์ให้ประชาชนใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดปริมาณขยะ รวมทั้ง ได้ร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนทั้ง สสส. กระทรวงวัฒนธรรม ตำรวจ ผู้ค้าขาย และประชาชน ในการรณรงค์ไม่ให้มีการจำหน่ายและนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาภายในอุทยาน ประวัติศาสตร์ตลอดบริเวณที่จัดงาน โดยให้มีรถรางประชาสัมพันธ์ทั่วทั้งจังหวัด และกวดขันการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด โดยผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษทั้งผู้จำหน่ายและผู้ซื้อ นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้สารวัตรตำรวจ สารวัตรทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร และอาสาสมัครรักษาหมู่บ้านตรวจตราการใช้โอกาสวันลอยกระทงมั่วสุมกระทำที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนด้วย.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการศึกษา
  • 27 พฤศจิกายน 2555, 16:30 น.

รณรงค์ลอยกระทงไร้แอลกอฮอล์ วธ.เตือนสาว’รักนวลสงวนตัว’

http://www.thairath.co.th/content/edu/308963

26 พฤศจิกายน 2555, 15:05 น.
Pic_308963

วธ.เตือนเด็กผู้หญิงเที่ยวงานลอยกระทงขอให้ไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ ไปกับครอบครัว อย่าทดลองเสพของมึนเมา และขอให้รักนวลสงวนตัว…

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่าเนื่องในเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2555 ในวันที่ 28 พ.ย. นี้ กระทรวงวัฒนธรรม ได้ขอให้ทุกจังหวัดร่วมกันสืบทอดประเพณีวันลอยกระทงให้ถูกต้องตามวิถี วัฒนธรรมไทยด้วยการเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศใช้โอกาสวันลอยกระทง ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีต่อขนบธรรมเนียมประเพณีไทยโดยการการขอขมาต่อพระแม่คงคา และการรณรงค์ลอยกระทง ร่วมกัน 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อเป็นประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ลดปริมาณขยะที่อาจตกค้างในแม่น้ำลำคลอง และทำให้เกิดความรักความสามัคคีภายในครอบครัว ขณะเดียวกัน อยากรณรงค์ให้ใช้วัสดุจากธรรมชาติทำกระทง อาทิ ใบตอง หยวกกล้วย ดอกไม้ เพราะกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำปุ๋ยธรรมชาติได้

ปลัด วธ. กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมยังได้มีการเผยแพร่เนื้อหาสาระของวันลอยกระทง ที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วยการสืบสาน และสืบทอดประเพณีไทย การแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อแม่น้ำลำคลองรวมทั้งการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติของมนุษย์ ขณะเดียวกัน วธ. ยังได้ขอความร่วมมือสถานศึกษาช่วยเผยแพร่สาระสำคัญของวันลอยกระทงแก่ นักเรียนนักศึกษาด้วย

นอกจากนี้ เนื่องจากทราบว่าหลายหน่วยงานได้จัดกิจกรรมวันลอยกระทงขึ้น ทั้งภายในอุทยานประวัติศาสตร์ วัด โบราณสถาน รวมถึงสถานที่ต่างๆ จึงขอรณรงค์ไม่ให้มีการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมา เข้าไปดื่มภายในสานที่ดังกล่าว เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การทะเลาวิวาท การใช้ความรุนแรง และทำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน

“สิ่งที่ผมมีความเป็นห่วงมาก คือการใช้โอกาสวันลอยกระทง ไปกระทำเรื่องที่เสียหายแก่ตนเอง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงขอให้ไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มใหญ่ ไปกับครอบครัว อย่าทดลองเสพของมึนเมา และขอให้รักนวลสงวนตัว อย่าให้เพศชายมาล่วงเกินได้” นายสมชาย กล่าว.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการศึกษา
  • 26 พฤศจิกายน 2555, 15:05 น.

ศน.พาพระสงฆ์-พุทธศาสนิกชนจาริกแดนพุทธภูมิ

http://www.thairath.co.th/content/edu/308922

26 พฤศจิกายน 2555, 14:38 น.
Pic_308922

อธิบดีกรมศาสนาเผย เตรียมพาพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน จำนวน 135 รูป/คน จาริกแดนพุทธภูมิ เพื่อเรียนรู้และศึกษาหลักธรรม 15-22 ธ.ค.นี้…

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2556 ศน.จะนำพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน จำนวน 135 รูป/คน เดินทางไปยังสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ระหว่างวันที่ 15-22 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย สถานที่ประสูติ อุทยานลุมพินี สถานที่ตรัสรู้ พุทธคยา สถานที่แสดงปฐมเทศนา ป่าอิสอปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี สถานที่ดับขันธปรินิพพาน สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ในการเจริญตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทั้งนี้ ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อฉลอง 2,600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจากการวิจัยการไปจาริกบุญพบว่า ส่งผลให้ผู้ที่กลับมามีพฤติกรรมต้องการที่จะเข้าวัดทำบุญมากขึ้น รวมทั้งต้องการศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากขึ้นด้วย.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
  • 26 พฤศจิกายน 2555, 14:38 น.

กรมศิลป์ทำแผนอนุรักษ์ช่างสิบหมู่ หวั่นงานสืบสานมรดกชาติสูญ

http://www.thairath.co.th/content/edu/308722

25 พฤศจิกายน 2555, 12:50 น.
Pic_308722

กรมศิลป์เตรียมทำแผนอนุรักษ์ช่างสิบหมู่ให้คงอยู่ตามแบบมาตรฐานของดั้งเดิม หวั่นงานสืบสานมรดกชาติสูญ คาดใช้งบ 300 ล้าน …

วันที่ 25 พ.ย. นายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า งานช่างสิบหมู่ถือเป็นงานสำคัญของชาติ ที่ช่วยส่งเสริมเอกลักษณ์งานศิลปกรรมของชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานพระเมรุมาศ งานขบวนพยุหยาตราทางชลมารค งานสร้างและบูรณะโบราณสถานซึ่งต้องใช้ฝีมือช่างสิบหมู่ทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าบุคลากรช่างสิบหมู่ลดน้อยลงมากเนื่องจากการปลดเกษียณ และการลดจำนวนคนของการปฏิรูประบบราชการ โดยเฉพาะด้านงานช่างศิลปกรรม ทั้งงานจิตรกรรม ช่างมุก งานลงรักปิดทอง แกะสลักไม้ น่าเป็นห่วงที่จะขาดแคลน ซึ่งงานเหล่านี้มีความสำคัญมากต่อการบูรณะโบราณสถานที่สำคัญของชาติ ดังนั้น กรมศิลปากรจำเป็นต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์และสืบทอดงานฝีมือช่างสิบหมู่ให้คงอยู่ตามแบบมาตรฐานของดั้งเดิม อีกทั้งเห็นว่าควรจะต้องต่อยอดพัฒนางานให้ไปสู่งานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ด้วย

รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยมองถึงความพร้อม และความมั่นคงของงานช่างสิบหมู่ ดังนั้น กรมศิลปากรจึงได้จัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาสืบสานช่างสิบหมู่เอาไว้ โดยได้มอบหมายให้ น.ส.นิรมล เรืองสม ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ประสานกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอเพิ่มงบประมาณในการดูแลอนุรักษ์รวมถึงพัฒนางานช่างสิบหมู่ ซึ่งจากการหารือเห็นว่าทางสำนักงบประมาณก็เห็นความสำคัญ มีแนวทางที่จะสนับสนุนในเรื่องนี้ โดยได้วางแนวทางการดำเนินการไว้ดังนี้ มีการพัฒนาระบบพื้นฐานของช่างสิบหมู่ ทั้งอาคาร สถานที่ การจัดศูนย์ศิลปะไทย เพื่อเป็นอาคารจัดแสดงองค์ความรู้ผลงานของช่างสิบหมู่ทุกแขนง ทั้งงานพระราชพิธีต่างๆ งานจัดแสดงตัวอย่าง งานออกแบบให้หน่วยงานราชการต่างๆ รวมทั้งงานส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานช่างมุก ช่างแกะสลัก งานประติมากรรม งานปั้นอนุสาวรีย์ของชาติ งานออกแบบประยุกต์ศิลป์ต่างๆ ที่เป็นต้นแบบให้เอกชนนำไปต่อยอดเพื่อเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชม ส่งผลให้เกิดการตื่นตัว การสืบสานอนุรักษ์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจต่อไป คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 300 ล้านบาท โดยเมื่อจัดทำแผนแม่บทเสร็จแล้วจะนำเสนอต่อ นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการศึกษา
  • 25 พฤศจิกายน 2555, 12:50 น.

มหาเถรสมาคมรับรอง 401 วิทยุพระพุทธศาสนา

http://www.thairath.co.th/content/edu/308046

22 พฤศจิกายน 2555, 17:28 น.
Pic_308046

ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยมหาเถรสมาคมมีมติรับรองสถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนา 401 สถานี เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ระบุต้องไม่แสวงหาประโยชน์และไม่ยุ่งการเมือง…

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ตามที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ได้แต่งตั้งพระพรหมเมธี กรรมการ มส.เป็นประธานคณะทำงานจดทะเบียนจัดตั้งสถานีวิทยุการจายเสียงพระพุทธศาสนาและสถานีโทรทัศน์ของคณะสงฆ์ในกำกับของ มส.โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานกิตติมศักดิ์และสมเด็จพระวันรัต กรรมการ มส.เป็นประธานที่ปรึกษานั้น

ทั้งนี้ ในการประชุม มส.เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา พระพรหมเมธีได้นำรายชื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาทั้งหมด 401 สถานี นำเสนอต่อที่ประชุม มส.ซึ่งที่ประชุม มส.ได้มีมติรับรองรายชื่อสถานีวิทยุทั้งหมด เพื่อนำไปยื่นจดทะเบียนและขอใบอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต่อไป

นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คณะทำงานชุดดังกล่าวยังตรวจสอบคุณสมบัติของสถานีวิทยุทั้ง 401 สถานี ตามหลักเกณฑ์ของ กสทช.ประเภทวิทยุสาธารณะที่ไม่แสวงหาผลกำไรเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ การที่ มส.มีมติรับรองสถานีวิทยุพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพราะสถานีวิทยุเหล่านี้เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว และเมื่ออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ มส.แล้ว ก็จะสามารถควบคุมและให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการสอนและการเทศน์ให้เป็นไปตามหลักการทางพระพุทธศาสนาได้ โดยสถานีวิทยุดังกล่าวจะไม่แสวงหาผลประโยชน์และไม่ยุ่งการเมือง ทั้งยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ กสทช.และ มส.อย่างเคร่งครัด.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
  • 22 พฤศจิกายน 2555, 17:28 น.