สวยมากที่ใจ! อดีตทหารหญิง โพสต์รูปถูกตัดขาซ้าย หลังร่วมเดินการกุศลโครงการเจ้าชายแฮร์รี่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/543001

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 17:42

 

(เจ้าชายแฮร์รีทรงสนทนากับคริสตี เอนนิส )

คริสตี เอนนิส อดีตทหารผ่านศึกหญิงอเมริกัน กลายเป็น ‘ฮีโร่ตัวจริงเสียงจริง’ ของเจ้าชายแฮร์รี่ อดทนเดินไกลการกุศล จากสกอตแลนด์มาลอนดอน แม้ขาจะเจ็บ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในอัฟกานิสถานเมื่อ 3 ปีก่อน หนำซ้ำหลังโครงการเดินการกุศลเสร็จสิ้น ยังต้องตัดขาข้างซ้ายทิ้ง แต่ก็ยังยิ้มสู้ โพสต์ภาพหลังผ่าตัดลงโซเชียล

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.58 เว็บไซต์เดอะ มิร์เรอร์ รายงาน เจ้าชายแฮร์รี่ พระโอรสองค์ที่สองในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และเจ้าหญิงไดอานา ผู้ล่วงลับ ตรัสยกย่อง คริสตี เอนนิส อดีตนาวิกโยธินหญิงชาวสหรัฐฯ วัย 24 ‘สาวสวยใจเกินร้อย’ ที่ร่วมกัดฟันเดินจากสกอตแลนด์ มายังกรุงลอนดอน อย่างไม่ย่อท้อถึงวันละ 20 ไมล์ (32.18กิโลเมตร ) เป็นเวลาร่วม 2 เดือน เพื่อรณรงค์หาเงิน 250,000 ปอนด์ เข้ากองทุนการกุศลช่วยเหลือทหารของเจ้าชายแฮร์รี่ ทั้งที่เธอได้รับบาดเจ็บที่ขา จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในอัฟกานิสถาน เมื่อปี 2555

ใจแกร่งเกินร้อย …โพสต์ภาพลงในโซเชียล มีเดีย หลังผ่าตัดขาซ้ายทิ้ง

นอกเหนือจากนั้น คริสตี เอนนิส ซึ่งครองใจคนอังกฤษ และได้รับคำชื่นชม จนกลายเป็นฮีโร่หญิงตัวจริงเสียงจริงคนหนึ่ง ของเจ้าชายแฮร์รี่ เพราะหลังจากโครงการเดินการกุศล ภายใต้ชื่อ ‘เดินไปกับผู้บาดเจ็บ’ เสร็จสิ้นลงเมื่อต้นเดือน พ.ย. ปรากฏว่า คริสตี ยังต้องเจอเรื่องท้าทายใหญ่หลวงรอคอยเธออยู่ เมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัดขาข้างซ้ายทิ้ง ตั้งแต่ใต้หัวเข่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

คริสตี เอนนิส อดีตนาวิกโยธิน ที่กลายเป็นขวัญใจชาวอังกฤษไปแล้ว

เจ้าชายแฮร์รี่ทรงฉายพระรูปกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่ขา และเข้าร่วมในโครงการเดินการกุศล หาเงินเข้ากองทุนการกุศลเจ้าชายแฮร์รี่

อย่างไรก็ตาม แม้ต้องสูญเสียขาและเท้าด้านซ้ายไป แต่คริสตีก็ยังมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก โดยเธอได้โพสต์รูปหลังสูญเสียขาข้างซ้ายลงในโซเชียล มีเดีย อันแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่แข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว ขณะเดียวกัน คริสตี ก็ยังได้รับการติดต่อจากเจ้าชายแฮร์รี่ที่ทรงให้กำลังใจและชื่นชมเธอมาโดยตลอด

 

หมดกัน!! อดีตผู้ช่วยทูตทหารมาเลย์รับสารภาพ ทำอนาจารหญิงในนิวซีแลนด์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542971

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 15:26

 

อดีตผู้ช่วยทหารมาเลเซีย หน้าถอดสี ยอมรับสารภาพต่อศาลในกรุงเวลลิงตัน ทำอนาจารหญิงสาวในนิวซีแลนด์ หลังก่อเหตุเมื่อปีก่อน แต่หญิงสาวต่อสู้ขัดขืนจนหนีรอดได้หวุดหวิด

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายมูฮัมเหม็ด ริซัลมาน บิน อิสมาอิล อดีตผู้ช่วยทูตทหารประจำสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกรุงเวลลิงตัน ยอมรับสารภาพผิดแล้ว ระหว่างถูกนำตัวขึ้นศาลในกรุงเวลลิงตัน เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ ในคดีที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาทำอนาจารผู้หญิงคนหนึ่ง หลังเข้าไปในห้องนอนในห้องพักของเธอ ที่กรุงเวลลิงตัน เมื่อ พ.ค.ปีก่อน เพียงแต่หญิงสาวได้ต่อสู้ขัดขืน จนหนีรอดได้ จากนั้นจึงได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายริซัลมาน

ก่อนหน้านี้ นายริซัลมาน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อหาที่ระบุว่า เขามีเจตนาตั้งใจจะข่มขืนหญิงคนดังกล่าว ซึ่งความผิดในข้อหานี้ ทำให้นายริซัลมานจะต้องเผชิญหน้ากับการต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ทั้งนี้ นายริซัลมานได้ถูกตำรวจนิวซีแลนด์จับกุม หลังหญิงสาวไปแจ้งความ เพียงแต่หลังก่อเหตุไม่ถึงสองสัปดาห์ต่อมา นายริซัลมาน ซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยทูตทหารได้รีบเดินทางกลับมาเลเซีย โดยอาศัยช่องทางการได้รับเอกสิทธิคุ้มครองทางกฎหมายในฐานะนักการทูต จนเรื่องนี้สร้างความแค้นเคืองให้ชาวนิวซีแลนด์อย่างมาก กระทั่งในที่สุด ทางการมาเลเซียได้ส่งตัวนายริซัลมาน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้กลับมาถูกดำเนินคดีในนิวซีแลนด์

นายมูฮัมเหม็ด ริซัลมาน บิน อิสมาอิล ขึ้นศาลในกรุงเวลลิงตัน เมื่อ 30พ.ย.

 

เศร้า ตุรกีนำศพนักบินซู-24 ขึ้นเครื่องบิน ทอ.! ส่งมอบให้เอกอัครราชทูตรัสเซีย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542938

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 12:53

 

ทางการตุรกีนำศพเรืออากาศโทโอเลก เปชคอฟ นักบินเครื่องบินรบซู-24 ของรัสเซีย ขึ้นเครื่องบินกองทัพอากาศจากจ.ฮาเตย์ ไปยังกรุงอังการา เพื่อส่งมอบศพให้แก่เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีแล้ว หลังเครื่องบินรบซู-24 โดนตุรกียิงตก 5 วันก่อน

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทางการตุรกีนำศพเรืออากาศโท โอเลก เปชคอฟ นักบินรัสเซียประจำเครื่องบินทิ้งระเบิด ซู-24 (Su-24) ซึ่งถูกเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ของตุรกียิงตกเมื่อ 5 วันก่อน ขึ้นเครื่องบินจากจังหวัดฮาเตย์ ทางภาคใต้ของตุรกี ติดชายแดนประเทศซีเรีย ไปยังกรุงอังการา เมืองหลวง เพื่อส่งมอบให้แก่นายอันเดร คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกีแล้ว เพียงแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ศพของเรืออากาศโทเปชคอฟจะถูกส่งกลับไปยังรัสเซียเมื่อใด

บีบีซี แจ้งว่า กองทัพตุรกีได้มีพิธีรับศพเรืออากาศโทเปชคอฟที่สนามบินจังหวัดฮาเตย์ จากนั้น ทหารกองทหารเกียรติยศของตุรกีได้ทำพิธี แบกโลงศพบรรจุร่างของเรืออากาศโทเปชคอฟ ขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศตุรกีไปยังกรุงอังการา ขณะที่นายกรัฐมนตรีอาห์เหม็ด ดาวูโตกลูของตุรกียังกล่าวด้วยว่า ได้มีการประกอบพิธีศพให้แก่เรืออากาศโทเปชคอฟ ตามประเพณีของชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ด้วย

ทั้งนี้ เรืออากาศโทเปชคอฟ เสียชีวิตหลังจากเขาได้ดีดตัวออกจากเครื่องบินซู-24 และลอยตัวกลางอากาศด้วยร่มชูชีพ แต่เขากลับโดนฝ่ายกบฏยิงซ้ำจนเสียชีวิต เมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนเรืออากาศเอกคอนสแตนติน มูรัคห์ติน นักบินอีกคนบนเครื่องบินซู -24 รอดตายหวุดหวิดลงสู่พื้นได้และได้รับความช่วยเหลือจากชุดปฏิบัติการพิเศษของทหารซีเรียจนปลอดภัย เนื่องจากเครื่องบินตกในพื้นที่ถูกกบฏยึดครองในซีเรีย

เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ซู-24

 

เผย5 วายร้ายโดนตั้งค่าหัวสูงสุดในโลก! รัสเซียทุ่ม 1.8พันล้าน ใครบอมบ์เครื่องบินเมโทรเจ๊ต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542901

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 11:15

 

5อันดับ ผู้ก่อการร้ายและนักโทษตัวเอ้ ที่โดนตั้งเงินรางวัลนำจับสูงสุดในโลก อันดับ 1 ทางการรัสเซียใจป้ำสุด ตั้งเงินรางวัลมหาศาล 1,800 ล้าน ให้แก่ผู้บอกเบาะแสผู้อยู่เบื้องหลังการลอบวางระเบิดเครื่องบินโดยสารสายการบินเมโทรเจ๊ต ของรัสเซียจนตกในอียิปต์

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เผยรายชื่อ ผู้ก่อการร้ายและนักโทษที่ถูกตั้งค่าหัว รางวัลนำจับสูงสุด 5อันดับแรกของโลก โดยอันดับ 1 รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศมอบเงินรางวัลสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท ให้แก่ผู้บอกเบาะแสข้อมูลว่าใครคือผู้รับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุลอบวางระเบิดเครื่องบินโดยสารของสายการบินโคกาลิมาเวีย หรือเมโทรเจ๊ต ของรัสเซีย เที่ยวบิน 9268 ตกเหนือคาบสมุทรไซนาย ในอียิปต์ เมื่อ 31 ต.ค.58 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 224 ศพ ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย

อัยมาน อัล ซาวาฮิรี หัวหน้ากลุ่มอัลเควดา

ส่วนอันดับ 2 รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งเงินรางวัล 25 ล้านดอลลาร์ หรือราว 900 ล้านบาท ในการนำจับนายอัยมาน อัล-ซาวาฮิรี หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา ซึ่งเงินรางวัลดังกล่าว สูงเท่ากับเงินรางวัลในการไล่ล่าตามจับกุม นายโอซามาห์ บิน ลาเดน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัลเคดาห์คนก่อน

อันดับ 3 นายฮาฟิซ โมฮัมเหม็ด ซาอีด หัวหน้าพรรคการเมืองจามาอัต อัด ดาวา ในปากีสถาน ซึ่งโดนตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 360 ล้านบาท โดยทางการสหรัฐฯ และอินเดียกล่าวหานายซาอีดว่าต้องรับผิดชอบต่อเหตุวินาศกรรมโจมตีนครมุมไบ เมื่อปี 2551 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 166 ราย

อาบู บาการ์ อัล บักห์ดาดี หัวหน้ากลุ่มไอซิส

อันดับ 4 ได้แก่ นายอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี หัวหน้ากลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงติดอาวุธ ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิส ซึ่งสหรัฐฯ ตั้งรางวัล 10 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้แจ้งข้อมูลที่หลบซ่อนว่านายอัล-บักห์ดาดี อยู่ที่ใด หลังจากเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา กองกำลังทหารอิรักอ้างว่า ได้โจมตีทางอากาศถล่มรถยนต์ที่นายอัล-บักห์ดาดีนั่งมาด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของหัวหน้ากลุ่มไอซิสและสหรัฐฯ ยังคงไล่ล่าตัวนายอัล-บักห์ดาดีอยู่.

ประกาศจับ‘เอล ชาโป’ ราชายาเสพติดอันดับ 1 ของโลก

และอันดับ 5 นายฮัวคิน กุซแมน หรือเจ้าของฉายา‘เอล ชาโป’ ราชายาเสพติดอันดับ 1 ของโลก ที่ ‘ดำดิน’ หนีลงทางอุโมงค์ที่ขุดจากห้องขังใต้เรือนจำอ้ลติปาโน ซึ่งมีมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ในเม็กซิโก เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลสหรัฐฯเสนอรางวัลนำจับ เอล ชาโป เป็นเงิน 5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลเม็กซิโกตั้งเงินรางวัลนำจับ ราชายาเสพติดตัวเอ้ อีก 3.5 ล้านดอลลาร์.

 

สตรีซาอุฯลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542848

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 30 พ.ย. 2558 07:00

 

อัลจาซี อัล ฮุสไซนี ผู้สมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภาเขต ดิริยาห์ ชานกรุงริยาด (ภาพ: AFP)

สตรีชาวซาอุฯหลายคนเริ่มลงสมัครรับการเลือกตั้ง และเดินหน้าหาเสียงเป็นครั้งแรกแล้ว ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของซาอุดีอาระเบีย ทั้งในด้านสิทธิสตรีและการเป็นประชาธิปไตย…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อ 29 พ.ย. นางซาฮาร์ ฮัสซัน นาสเยฟ นักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีในซาอุดีอาระเบีย เริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในนครเจดดาห์ของซาอุฯ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. ขณะที่ นางอัลจาซี อัล ฮุสไซนี ลงสมัครชิงตำแหน่งสมาชิกสภาเขต ดิริยาห์ โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่สตรีชาวซาอุฯลงสมัครรับเลือกตั้ง หลังรัฐบาลซาอุฯรับรองสิทธิสตรีในการเป็นสมาชิกสภาบริหารต่างๆ ทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2556

อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า นางนัสซิมา อัล-ซาดาห์ ผู้สมัครในเมืองคาทิฟ ถูกทางการตัดจากรายชื่อผู้สมัคร โดยเจ้าตัวชี้แจงเพียงว่า ระงับการออกหาเสียงชั่วคราว จนกว่าจะได้รับคำยืนยันที่แน่ชัดจากทางการ

ส่วนสถิติผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาบริหารนครเจดดาห์ในปีนี้มีจำนวนกว่า 7,000 คน เพื่อชิงตำแหน่งในสภา 284 ตำแหน่ง และประชากรสตรีในซาอุดีอาระเบียที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งในปี 2558 มีจำนวนประมาณ 30,600 คน ประชากรชายที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วซาอุฯ มีจำนวนกว่า 1.35 ล้านคน จากประชากรรวมทั้งหมดกว่า 21 ล้านคน ส่วนเกณฑ์อายุผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งถูกปรับเป็น 18 ปีขึ้นไป จากเดิมที่ผู้ลงคะแนนจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป.

 

อิสราเอลโอ่ถูกบินหมีรุกน่านฟ้าแต่เคลียร์ได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542847

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 30 พ.ย. 2558 06:30

 

(ภาพ: AP)

หลังเกิดกรณีเครื่องบินรบรัสเซียถูกตุรกียิงตก โดยฝ่ายหลังกล่าวหารัสเซียว่ารุกล้ำน่านฟ้า ล่าสุด อิสราเอลก็ออกมาเปิดเผยว่า เคยเกิดกรณีคล้ายกันนี้กับรัสเซียเช่นกัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหาทางออกได้ เพราะเตรียมการรับรองไว้แล้ว…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโมเช ยาอาลอน รมว.กลาโหมของอิสราเอล ระบุว่าเครื่องบินรบของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าเหนือบริเวณใกล้ที่ราบสูงโกลันซึ่งอิสราเอลยึดมาจากซีเรียเมื่อปี 2510 ก่อนผนวกเข้าเป็นดินแดนอิสราเอล แม้ประชาคมโลกไม่ได้ยอมรับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายแก้ไขกันได้โดยไม่มีปัญหาเพราะรัสเซียกับอิสราเอลได้เจรจาเตรียมการรองรับไว้แล้วรวมทั้งตั้งศูนย์ประสานงานด่วนและร่วมมือด้านข้อมูลกัน

ทั้งนี้ ข่าวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจาก กรณี ตุรกียิงตกเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นซูคอย-24 หรือ ซู-24 ของรัสเซียตกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตุรกีอ้างว่ารุกล้ำน่านฟ้าและเตือนแล้วนับ 10 ครั้ง แต่นักบินรัสเซียคนที่รอดชีวิตปฏิเสธและว่าไม่มีการเตือนใดๆ เรื่องนี้ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตุรกีตึงเครียดขึ้น จนหลายฝ่ายต้องออกมาร้องขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความระงับยับยั้งและหาทางยุติข้อขัดแย้งด้วยวิธีสันติ

แต่ทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะยังไม่ญาติดีกันโดยง่าย เมื่อล่าสุดวันที่ 28 พ.ย. ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ลงนามบังคับใช้กฎหมายที่เป็นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ต่อตุรกี ครอบคลุมสินค้านำเข้าจากตุรกี การทำงานของบริษัทตุรกีในรัสเซียและชาวตุรกีที่ทำงานให้บริษัทรัสเซีย กฎหมายฉบับนี้ยังเรียกร้องให้เลิกเที่ยวบินตรงระหว่างทั้งสองประเทศ หลัง 1 วันก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ระงับความร่วมมือระบบฟรีวีซ่ากับตุรกี ขณะที่ประธานาธิบดีเรเซฟ ทายยิบ เออร์โดกัน ของตุรกี ที่เริ่มเสียงอ่อนระบุรู้สึกเศร้าใจในเหตุการตกของเครื่องบินซู-24 เรียกร้องขอเจรจากับนายปูตินซึ่งฝ่ายหลังต้องการให้ตุรกีขอโทษก่อนจึงจะยอมเจรจาหารือด้วย

ข่าวระบุว่า ตุรกีและรัสเซียมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจสำคัญต่อกัน โดยรัสเซียเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่ที่สุดลำดับ 2 ของตุรกี ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว ชาวรัสเซียเดินทางท่องเที่ยวในตุรกีกว่า 3 ล้านคน

วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอาเหม็ต เดวูโตกลู ของตุรกี ระบุว่า ร่างของ น.ท.โอเล็ก เพชคอฟ นักบินชาวรัสเซียที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะโดดร่มลงสู่พื้นหลังเครื่องซู-24 ถูกยิงร่วง จะถูกส่งมอบคืนให้รัสเซีย หลังเจ้าหน้าที่ตุรกีรับส่งมอบร่างของ น.ท.โอเล็กที่จังหวัดฮาทายของตุรกีติดพรมแดนซีเรีย

ส่วนที่เมืองคิดาล ทางเหนือของมาลี มีเหตุคนร้ายยิงจรวดโจมตีค่ายของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) มีผู้เสียชีวิต 3 คนรวมทั้งกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นชาวกานา 2 นาย เหตุโจมตีเกิดขึ้น 1 สัปดาห์หลังกลุ่มคนร้ายบุกโจมตีและจับผู้คนเป็นตัวประกันที่โรงแรมเรดิสัน บลู ในกรุงบามาโกของมาลี เหตุโจมตีกรุงปารีสของฝรั่งเศสและเหตุระเบิดเครื่องบินโดยสารของรัสเซียในอียิปต์ซึ่งกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกองกำลังสาขา ต่างอ้างรับผิดชอบก่อเหตุ.

 

EU-ตุรกี ปิดดีลรับมือผู้อพยพ ตกลงให้เงินช่วยเหลือ 3 พันล้านยูโร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542854

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 05:55

 

โดนัลด์ ทัสก์ ประธานสภายุโรป จับมือกับนาย อาห์เหม็ต ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกี (ภาพ: REUTERS)

สหภาพยุโรปและตุรกีเสร็จสิ้นการเจรจาขั้นสุดท้ายในข้อตกลงรับมือการไหลบ่าของผู้อพยพแล้ว โดยตุรกีตกลงจะช่วยสกัดผู้อพยพ ขณะที่อียูจะให้เงินช่วยเหลือ 3 พันล้านยูโร และสิทธิประโยชน์อื่นๆแก่ตุรกี…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหล่าผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ประชุมหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี อาห์เหม็ต ดาวูโตกลู แห่งตุรกี ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อทำให้ข้อตกลงสำหรับรับมือการไหลบ่าของผู้อพยพเข้าสู่ยุโรป ซึ่งบรรลุในช่วงเดินที่ผ่านมาเสร็จสมบูรณ์ ในขณะที่สมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศกำลังประสบปัญหาในการรับผู้อพยพหลายแสนคนที่เดินทางเข้ามา

ภายใต้ข้อตกลง ตุรกีให้คำมั่นว่าจะช่วยสกัดกั้นการไหลบ่าของผู้อพยพไม่ให้เข้าสู่ยุโรป ในขณะที่อียูก็สัญญาจะให้เงินช่วยเหลือจำนวน 3 พันล้านยูโร แก่ตุรกี โดยจุดประสงค์ของเงินก้อนนี้คือ เพิ่มมาตรฐานชีวิตของผู้อพยพชาวซีเรียในตุรกี ซึ่งในขณะนี้มีมากกว่า 2.2 ล้านคน ให้พวกเขาเลือกที่จะอยู่ในตรุกีแทนที่จะอพยพเข้าสู่ยุโรป ขณะที่ยุโรปจะจ่ายเงินให้ตุรกีเป็นงวดจนครบตราบเท่าที่ตุรกีทำตามเงื่อนไข

นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แสดงความเห็นเกี่ยวกับการให้เงินช่วยเหลือก่อนโตนี้ว่า “ในขณะที่ตุกรีกำลังพยายามรับผู้อพยพ ซึ่งจะไม่เข้าสู่ยุโรป เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ตุรกีจะได้รับความช่วยเหลือจากยุโรป เพื่อจัดหาที่อยู่ให้แก่ผู้อพยพเหล่านี้” นายออลลองด์กล่าวด้วยว่า ข้อตกลงนี้ควรทำให้การตรวจสอบผู้อพยพที่กำลังเดินทางมาถึงง่ายขึ้น และกันพวกที่เป็นภัยคุกคามอย่างนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) ซึ่งก่อเหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

ข้อตกลงดังกล่าวยังจะฟื้นกระบวนการเจรจาเรื่องการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของตุรกีด้วย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าการเข้าร่วมไม่น่าเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ข้อตกลงยังทำให้ชาวตุรกีจำนวนมากได้สิทธิประโยชน์ในการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆในยุโรปที่อยู่ภายใต้ความตกลงเชงเกนได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าด้วย

 

นักศึกษาสาวกรีซขายตัวครั้งละ 80 บาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542850

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 พ.ย. 2558 05:20

 

(ภาพ: © thinkstock)

อาจารย์ด้านสังคมวิทยาในประเทศกรีซ เผยผลการวิจัยอันน่าตกตะลึง เมื่อเขาพบว่าผู้ประกอบอาชีพขายบริการทางเพศในประเทศกรีซบางคน ยอมขายตัวเพื่อแลกเงินเพียง 80 บาทเท่านั้น ตอกย้ำวิกฤติเศรษฐกิจของกรีซ…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการประกอบอาชีพขายบริการทางเพศในประเทศกรีซได้รับการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า มีนักศึกษาสาวขายตัวเพื่อเงินเพียง 2 ยูโร (80 บาท) เป็นอีกมุมมืดของวิกฤติเศรษฐกิจกรีซ และจำนวนผู้ประกอบอาชีพขายบริการทางเพศมีกว่า 17,000 คนในประเทศกรีซ และสิ่งที่ปรากฎจากรายงานคือ ไม่มีประเทศไหนในยุโรปที่รายได้จากอาชีพขายบริการทางเพศต่ำขนาดนี้

นายเกรกอรี่ ลาซอส อาจารย์ด้านสังคมวิทยาที่กรุงเอเธนส์กล่าวว่า “ผู้หญิงบางคนขายตัวเพื่อแลกกับขนมปังหรือเค็กสักก้อนหนึ่ง เพราะว่าพวกเธอหิว” “บางคนก็ขายตัวเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ชำระภาษีหรือเพื่อซื้อหายาเสพติด”

ทั้งนี้ นายลาซอสใช้เวลาถึง 3 ปีในการทำการศึกษาวิจัยนี้ และพบด้วยว่า “ผู้หญิงที่ขายตัวเพื่อเงินจำนวนเพียง 2 ยูโร (80 บาท) มักจะเป็นพวกวัยรุ่น รูปแบบดังกล่าวมีโอกาสที่จะยังคงอยู่ต่อไปอีกสองถึงสามปี”

อนึ่ง การประกอบอาชีพขายบริการทางเพศในประเทศกรีซถูกกฎหมาย จากรายงานการศึกษาวิจัยดังกล่าวระบุว่า มีจำนวนผู้ขายบริการทางเพศอยู่ถึง 18,500 คนตามถนนหนทางในกรุงเอเธนส์ ส่วนใหญ่แล้วจะมีอายุระหว่าง 17-20 ปี เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีคดีครึกโครมในกรีซ เนื่องจากมีแม่คนหนึ่งได้ขายลูกสาวอายุเพียง 12 ปีให้กับนักบวชและคนกินเงินบำนาญ เธอถูกตัดสินจำคุก 30 ปี และถูกปรับเป็นเงินอีก 100,000 ยูโร (4,000,000 บาท)

 

มาตรา 5 นาโต น่าจะยั้งปูตินได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542725

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 30 พ.ย. 2558 05:01

 

16 ตุลาคม 2558 เปิดฟ้าส่องโลกเขียน “ประวัติสงครามรัสเซีย-ตุรกี” เขียนไล่มาตั้งแต่สมัยซารีนาแคเทอรีนที่ 2 ไปจนสงครามรัสเซีย-ตุรกี ค.ศ.1768-1774

21 ตุลาคม 2558 เปิดฟ้าส่องโลกเขียนเรื่อง “ตุรกี อเมริกา คอหอยลูกกระเดือก” เล่าว่าตุรกีเป็นประเทศมุสลิม แต่ทำไมจึงเข้าข้างอเมริกาอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เปิดฟ้าส่องโลกฉบับ 21 ตุลาคม หยอดท้ายเอาไว้ว่า…

“ผู้อ่านท่านที่ชอบตามเกมการเมืองโลก ผมขอแนะนำให้ท่าน ตามการตัดสินใจและการปฏิบัติของตุรกีอย่างไม่กะพริบตาครับ

ตุรกีอาจจะมีปฏิบัติการอะไรที่เข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) ในไวๆนี้อีก

เพื่อยั่วรัสเซียให้กระโจนสู่ห้วงเหวแห่งสงครามติดหล่ม (ก็ได้)”

ผ่านไปเพียง 1 เดือน 3 วัน ก็เป็นไปอย่างที่เขียนไว้จริงๆ ตุรกียั่ว รัสเซียให้กระโจนเข้าสู่สงครามด้วยการยิง Su-24 ของกองทัพอากาศรัสเซียตก

พอถึงเช้าวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์บางท่านก็ทั้งพูดทั้งเขียนว่าตุรกีแย่แล้ว เล่นกับใครไม่เล่น ไปเล่นกับรัสเซีย ผมขอเรียนนะครับ ถ้าท่านอ่านประวัติศาสตร์สงครามรัสเซีย-ตุรกี ที่มีมายาวนานถึง 247 ปี ก็จะทราบว่าทุกครั้งที่ได้รับการหนุนจากมหาอำนาจยุโรป ตุรกีก็จะซัดรัสเซียทุกครั้ง รัสเซียชนะก็จริง แต่ก็ชนะแบบแพ้ เกิดปัญหาเงินเฟ้อ ต้องเก็บภาษีเพิ่ม ต้องเกณฑ์ทหารจำนวนมาก ผู้คนอดอยากยากแค้นแสนเข็ญ ถึงขนาดบางครั้งก่อให้เกิดกบฏขึ้นในรัสเซียได้ เช่น กบฏปูกาเชฟ ระหว่าง ค.ศ.1773-1774

ถ้าเกิดสงครามกับรัสเซียขึ้นมาจริงๆ ตุรกีไม่กลัวดอกครับ เพราะตุรกีเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ตุรกีรู้อย่างแท้แน่ชัด ว่าถ้ารัสเซียเล่นงานตัวเอง ตุรกีก็อาจจะร้องขอให้ใช้มาตรา 5 ของสนธิสัญญานาโต

นาโตเป็นองค์การระหว่างประเทศในระบบพันธมิตรทางทหารที่มีมาตรการความมั่นคงร่วมกัน ลงนามเมื่อ ค.ศ.1949 วัตถุประสงค์หลักก็เพื่อต่อต้านการรุกรานของสหภาพโซเวียตและประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามเย็น มีภาคีสมาชิกเริ่มแรกเพียง 12 ประเทศ คือ สหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิตาลี และโปรตุเกส ต่อมาก็รับเพิ่มเรื่อยๆ

ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ เมื่อมาเป็นประชาธิปไตยแล้วก็ยังกระโจนเข้ามาเป็นสมาชิกนาโตก็มี ถึงตอนนี้ นาโตมีสมาชิกถึง 28 ประเทศ ถ้ารวมหัวกันเล่นงานรัสเซียเพียงไม่กี่วัน รัสเซียแพ้แน่นอนครับ

ฝ่ายของรัสเซียในองค์การความร่วมมือซ่างไห่ก็ยังอ่อนไปครับ มีรัสเซีย จีน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซ และอุซเบกิสถาน ถึงแม้จะมีประชากรรวมกันมากถึง 1,540 ล้านคน แต่ก็ไปมากเอาที่จีนครับ และจีนตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะกระโจนเข้าสู่สงครามใหญ่ ผมจึงดูว่ารัสเซียอาจจะดูเข้มแข็ง ทำท่าทางแอ็กอาร์ตในตอนแรก แต่พอไปนานๆ ก็อาจจะต้องอ่อนข้อลง เพราะเรื่องที่ตุรกีเป็นสมาชิกนาโตนี่แหละ

ผมอ่านในเฟซบุ๊ก มีบางท่านบอกว่านาโตเป็นนักเลงโลก จะทำตัวอยู่เหนือกฎหมายระหว่างประเทศแบบเดียวกับอเมริกา ขอเรียนว่าไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือจัดทำขึ้นโดยสอดคล้องกับมาตรา 51 และ 52 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่ว่าด้วยการจัดตั้งองค์การในระดับภูมิภาคเพื่อการป้องกันตนเองและการประสานงานกับสหประชาชาติในกรณีต่างๆ

สนธิสัญญานาโตมีเพียง 14 มาตรา ถามว่าหัวใจของสนธิสัญญานี้อยู่ที่มาตราไหน ก็ต้องบอกว่าอยู่ที่มาตรา 5 ครับ และมาตรานี้แหละจะเป็นเหมือนผ้ายันต์ที่เมื่อเอาไปแปะหน้าผากของปูติน จะทำให้ปูตินนิ่งและยังไม่กล้ายุ่งอะไรกับตุรกีตอนนี้ หรือถ้ากล้ายุ่งก็ต้องทำใจว่าประเทศจะพังได้ในอนาคต

มาตรา 5 มีข้อความว่า ภาคีของสนธิสัญญาเห็นพ้องต้องกันว่าการโจมตีด้วยกำลังอาวุธต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือหลายประเทศในยุโรป หรืออเมริกาเหนือ จะถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทุกประเทศ

หากมีการโจมตีเกิดขึ้น ประเทศภาคีทุกประเทศสามารถใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง ทั้งโดยลำพังและโดยร่วมกันตามความในมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงการใช้กำลังทหารเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงของเขตแอตแลนติกเหนือ

มาตรา 5 ของนาโต และมาตรา 51 ของยูเอ็น นี่แหละครับ ที่น่าจะหยุดความกล้าบ้าบิ่นของปูตินได้.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

 

ใครคือเติร์กเมน?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542727

โดย ตุ๊ ปากเกร็ด 30 พ.ย. 2558 05:01

 

หลังจากสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก กรณีเครื่องบินรบรัสเซีย ซู—24 ถูกเครื่องบินขับไล่เอฟ—16 ของตุรกีสอย ระหว่างปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มหัวรุนแรง บริเวณพรมแดนซีเรีย—ตุรกี ก็มีชื่อกบฏกลุ่ม “เติร์กเมน” ปรากฏขึ้นมาในข่าว ในฐานะเป็นผู้สังหารนักบินที่โดดร่มหนีออกมา

ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่กลุ่มกบฏต่างๆในซีเรีย จะพยายามชิงพื้นที่สื่อ เพื่อแสดงจุดยืนในการต่อสู้กับใครก็ตามที่สนับสนุนรัฐบาลบาชาร์ อัลอัสซาด ผู้นำเผด็จการซีเรีย

แต่ไปๆมาๆจากการเชื่อมโยงข้อมูล กลับ กลายเป็นว่ากลุ่มกบฏเติร์กเมนนี่เองหรือไม่ ที่เป็นปัจจัยให้กองทัพอากาศตุรกีตัดสินใจยิงเครื่องบินรบรัสเซีย ทั้งที่ (จากข้อมูลตุรกี) บินล้ำเข้าไปในน่านฟ้าเพียง 17 วินาที ซึ่งตามขั้นตอนปกติ หลังจากส่งคำเตือนแล้ว จะต้องมีการนำเครื่องเข้าประกบเพื่อผลักดันให้ออกไป

ทั้งนี้ เติร์กเมนเป็นคำที่ใช้เรียกชนกลุ่มน้อยชาวเติร์กที่อาศัยอยู่ในซีเรีย สืบสาวเรื่องราวย้อนไปได้ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน ในศตวรรษที่ 16 ที่ได้มีการขนชาวเติร์กเข้ามาตั้งแต่รกรากในซีเรียหลังการเข้ายึดครอง เพื่อสร้างความสมดุลไม่ให้ประชากรชาวอาหรับมีจำนวนมากเกินไป

ปัจจุบันจากข้อมูลของทางการตุรกี มีชาวเติร์กเมนอาศัยอยู่ทางภาคเหนือของซีเรีย ประมาณ 200,000 คน ซึ่งรวมถึงในพื้นที่สู้รบอย่างเมืองอะเลปโป และจังหวัดลาตาเกีย โดยตอนเริ่มการเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลซีเรียในปี 2554 กลุ่มเติร์กเมนยังมิได้กระโดดเข้าร่วมในทันที แต่เป็นในช่วงปี 2555 หลังถูกกดดันจากทั้งสองทาง คือฝ่ายรัฐบาลตุรกีที่กระตุ้นให้จับอาวุธขึ้นสู้ และฝ่ายรัฐบาลซีเรียเองที่มองว่าคนกลุ่มนี้เป็นช่องทางให้ตุรกีเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์สงครามกลางเมือง

แน่นอนว่าการจับอาวุธขึ้นต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ย่อมทำให้กลุ่มเติร์กเมนหลีกหนีไม่พ้นที่จะตกเป็นเป้าการโจมตีทางอากาศของรัสเซียที่มุ่งขจัดศัตรูของรัฐบาลอัสซาด และทันทีทางรัฐบาลตุรกีก็ออกมาแสดงความไม่พอใจกันตรงๆว่ารัสเซียโจมตีผิดจุด เช่นเดียวกับสื่อในตุรกีเองที่พากันรายงานข่าวความระทมทุกข์ของชาวเติร์กเมน

ขณะที่สื่อรัสเซียเปิดเผยว่า นายอัลปาร์สลัน เซลิค ลูกชายของนายกเทศมนตรีเมืองเคบัน ในจังหวัดเอลาซิคของตุรกี ยังเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการหน่วยรบเติร์กเมนในซีเรียอีกด้วย ทั้งยังเป็นสมาชิก “เกรย์ วูล์ฟส์” กลุ่มเคลื่อนไหวที่มีชื่อโผล่มาตอนเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์เมื่อหลายเดือนก่อน

ทั้งหมดนี้เองจึงนำไปสู่คำถามที่ว่า สรุปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการ “จงใจ” ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดแต่อย่างใด?

ตุ๊ ปากเกร็ด