ตอนเป็นวัยรุ่น จะกินจะดื่มอะไรที ก็ไม่ต้องพิถีพิถัน จะอดนอนซัก 2 คืน อดข้าวเช้า ข้าวกลางวันบ้างก็ไม่เห็นร่างกายจะผิดปกติ หรือแสดงอาการอะไร
แต่พอเริ่มก้าวเข้าสู่เลข 3 เท่านั้นแหละ ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งดั่งหินผา ก็เริ่มจะรับไม่ไหว ผิวพรรณที่เคยสดใส เปล่งปลั่งก็เริ่มจะเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา
จนเมื่อก้าวเข้าสู่หลัก 4 ความเสื่อมของร่างกายยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัด นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของสารพัดโรคแล้ว สิ่งหนึ่งที่บรรดาสาวๆส่วนใหญ่ทนไม่ได้คือ ความสาวที่บอกลาเราไปแบบติดสปีดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ความแก่และสังขารของมนุษย์ จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราจะทำอย่างไรเพื่อรู้เท่าทันและเตรียมรับมือกับความแก่ตั้งแต่เนิ่นๆ วันนี้เรามีเทคนิคดีๆเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี เพื่อชะลอความสาวให้อยู่กับเราไปนานๆ จาก พญ. อัจจิมา สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการสถาบัน Medisci แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และอายุรวัฒน์ มาฝาก
ร่างกายก็เหมือนกับรถยนต์
พญ. อัจจิมา เปรียบเทียบว่าร่างกายของคนเราเหมือนกับรถยนต์ ตรงที่รถยนต์ต้องอาศัยน้ำมันในการสับดาปเครื่องยนต์เพื่อให้ขับเคลื่อนได้ ซึ่งถ้าคนขับเลือกน้ำมันที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ก็จะทำให้กระบวนการสันดาป เผาผลาญเชื้อเพลิงภายในไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ทำงานไมปกติ เช่นเดียวกับร่างกายของคนเราที่ต้องการอาหาร เพื่อสร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งหากร่างกายได้รับอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือในปริมาณที่ไม่สมดุล ร่างกายก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้
หลายคนอาจแย้งว่าตั้งแต่เกิดมา จนย่างเข้าสู่เลข 3 แล้ว ก็กินอาหารตามใจปากมาตลอด แต่ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไรในร่างกาย ซึ่งคุณหมอบอกว่า อาการผิดปกติหรือโรคจะไม่ปรากฏออกมาทันที แต่อาจมีสัญญาณบ่งชี้ เช่น อาการนอนไมหลับ ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งสัญญาณเหล่านี้หลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นความเคยชิน แต่ความจริงๆแล้วเป็นสิ่งผิดปกติ เพราะ ร่างกายของคนที่ได้รับอาหารเพียงพอ จะมีพลังงานในการทำกิจกรรมทั้งวัน โดยไม่อ่อนเพลีย หรือเหน็ดเหนื่อยระหว่างวัน
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นำไปสู่ความเสื่อมของร่างกาย??
คุณหมอยกตัวอย่างชนเผ่าฮันซ่า ในประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ได้ชื่อว่ามีอายุยืนที่สุดในโลก (คนเราสามารถมีอายุขัยได้ยืนยาวถึง 120 ปี) ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า ประชากรในวัย 60-80 ปีของชนเผ่านี้ไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ขณะที่ในคนปกติมักป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ชนเผ่านี้มีอายุยืน น่าจะมาจากการดำรงชีวิตด้วยวิถีแบบดั้งเดิม คือ การล่าสัตว์ จับปลา และเก็บผลไม้ มาเป็นอาหาร รวมทั้งการดื่มน้ำแร่เป็นประจำอีกด้วย
แต่ต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์เริ่มเข้าไปศึกษาเพื่อไขความลับเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชนเผ่านี้มากขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีและความเจริญเข้าไป ปรากฏว่าคนสูงอายุในเผ่าเริ่มป่วยเป็นโรคมากขึ้น จนนำมาสู่การตั้งสมมติฐานว่าความเจริญของเทคโนโลยีเป็นตัวนำไปสู่ความเสื่อมถอยของร่างกาย และอายุขัยของคนหรือไม่
ไขความลับกิน…ต้านโรค กิน…อย่างสมดุล
ในปัจจุบันผู้บริโภคอาจได้รับข้อมูลหรือสูตรการกินอาหารเป็นพันๆสูตรทั้งง่ายบ้างยากบ้าง เพื่อให้เรามีสุขภาพแข็งแรง มีร่างกายที่สมส่วน แต่สำหรับ พญ. อัจจิมาเธอกลับมีสูตรสำเร็จสำหรับการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี เพียงสั้นๆง่ายๆว่า “กินอย่างสมดุล”
คุณหมอบอกว่า บางคนอยากผอมก็อดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหักโหม ซึ่งการทำเช่นนั้นเป็นการทำร้ายร่างกาย เพราะการมีร่างกายที่สมส่วน คือการกินอย่างสมดุล ไม่มากไปหรือน้อยไป แต่ต้องเพียงพอกับความต้องการของร่างกายที่จะใช้ในการสร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โดยหลักการรับประทานอาหารของคุณหมอคือ กินอาหารให้ครบทุกมื้อ (สำหรับคุณหมอประกอบด้วย 5 มื้อด้วยกัน คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น และของว่างระหว่างมื้อเช้าและมื้อเที่ยง) โดยเฉพาะมื้อเช้าที่หลายคนอาจมองข้าม แต่คุณหมอกลับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่เราหลับเป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง ร่างกายของเราจะขาดสารอาหาร ดังนั้นพอตื่นเช้าขึ้นมา ร่างกายจึงต้องการกลูโคสเข้าไปเลี้ยงสมอง? รวมทั้งสารอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เพื่อผลิตสารไปกระตุ้นให้สมองสร้างสืบประสาทเพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดทั้งวัน
คุณหมอยังบอกอีกว่า นอกจากจะกินอาหารให้ครบทุกมื้อแล้ว ยังต้องครบทุกหมู่ด้วย และ ถ้าจะให้ดีควรกินอาหารที่เป็นวัตถุดิบ คือไม่ผ่านการดัดแปลงหรือแปรรูปมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการปรุงโดยใช้ความร้อนสูงๆ หรือการปรุงแต่งรสชาติให้มีรสจัดเกินไป เพราะจะเป็นการทำลายระบบย่อยและระบบดูดซึมของร่างกาย ซึ่งปัจจุบันเราจะพบว่ามีผู้ป่วยโรค “ไส้รั่ว” มากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ก้อนอาหารที่รับประทานเข้าไปหลุดไปยังส่วนต่างๆ ดยไม่ผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึมโดยลำไส้ ให้เป็นโมเลกุลเล็กๆ หรือภาวะกรดไหลย้อน เกิดผื่นแดงหรือแพ้อาหารที่กินเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย อย่ากินอะไรซ้ำซากเป็นประจำทุกมื้อ เพราะหากกินซ้ำซากจะเกิดภาวะ?ภูมิแพ้อาหาร? มีลักษณะคล้ายอาการดื้อยา และร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
ให้เวลากับการกิน และ รู้เท่าทันสุขภาพของตัวเอง
ด้วยสภาวะสังคมที่เร่งรีบ ทำให้เราเลือกที่จะประหยัดเวลาในการรับประทานให้มากที่สุด เพื่อเคลียร์งานหรือเข้าประชุม ซึ่งคุณหมอเห็นว่า นั่นเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม เพราะเวลาที่เรารับประทานอาหารเข้าไป อาหารจะถูกลำเลียงไปยังอวัยวะต่างๆ จนเข้าสู่กระบวนการย่อยและดูดซึมเพื่อเป็นพลังงาน ซึ่งหาก 2 กระบวนการนี้ทำงานอย่างไม่สมบูรณ์ อาหารที่เรารับประทานเข้าไปไม่ว่าจะดีหรือมีประโยชน์แค่ไหน แต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการย่อยก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเราควรค่อยๆรับประทานอาหาร เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และนั่งพักสักครู่หลังรับประทานอาหาร
นอกจากนี้ คุณหมอยังบอกว่า ไม่มีใครรู้จักตัวเราดีกว่าตัวเราเอง ดังนั้นเราจึงควรหมั่นฟังสิ่งที่ร่างกายบอกกับเรา เช่น วันนี้ตื่นเช้ามารู้สึกร่างกายไม่ปกติ เราต้องไม่ละเลย แต่ต้องกลับไปคิดว่าเพราะอะไร เมื่อวานเรารับประทานอะไรเข้าไปบ้าง หรือเมื่อวานร่างกายเรารับอาหารเข้าไปเท่านี้ แล้ววันนี้ร่างกายของเรามีการขับถ่ายออกมาหรือไม่ และขับถ่ายออกมาในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งหากทำเช่นนี้เป็นประจำเราจะได้ทราบความผิดปกติของร่างกาย
ผิวพรรณที่สดใส คือหน้าต่างของร่างกาย
โบราณว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่ พญ. อัจจิมา กลับมองว่าผิวพรรณก็เป็นหน้าต่างของร่างกายเราเหมือนกัน เพราะแน่นอนว่าลักษณะภายนอกที่จะบ่งชี้ว่าคุณมีสุขภาพดีหรือไม่ ก็เริ่มจากการสังเกตผิวพรรณก่อน ยิ่งคุณมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สดใสเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นตัวการันตีว่าคุณมีสุขภาพดีเท่านั้น
คุณหมอบอกว่า คนที่มีสุขภาพดีนอกจากจะรับประทานอาหารที่ดีเข้าไปแล้วยังต้องมีการ detox หรือกำจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย ซึ่งการ detox ที่เกิดขึ้นเป็นปกติของคนเราอยู่แล้ว คือ การขับถ่ายในรูปของอุจจาระ และการขับเหงื่อจากการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย
โดย 3 ไม้ตายของกินอาหารเพื่อสุขภาพละเพื่อชะลอความแก่ของคุณหมอ คือ? 1. รับสิ่งดีๆเข้าไปในร่างกาย 2.ขับสิ่งไม่ดีออกไปจากร่างกาย 3. ทำให้ร่างกายอยู่ในระดับสมดุล
รู้เคล็บลับดีๆสำหรับการกินอาหารชะลอความแก่แล้ว สาวๆที่ไม่อยากแก่ก่อนวัย แซงโค้งเพื่อนๆในกลุ่มหล่ะก็ ต้องอย่าลืมนำไปปฏิบัติกัน เพราะถ้าไม่หันมาสนใจดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ผิวพรรณและหน้าตาที่เคยสดใสจะบอกลาคุณไปแบบไม่รู้ตัว