ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/555348
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 ธ.ค. 2558 05:01
สภาพก่อนฟื้นฟู
น้ำคือชีวิต…แม้วันนี้น้ำในเขื่อนจะมีน้อยนิดในระดับวิกฤติ ตราบใดที่เปิดก๊อก น้ำประปายังคงไหลซู่ให้อาบใช้ คนในเมืองคงไม่รู้สึกรู้สา ภัยแล้งเป็นอย่างไร แต่สำหรับเกษตรกร คนในถิ่นทุรกันดาร รู้ซึ้งเป็นที่สุด น้ำคือชีวิต มีความหมายยิ่งใหญ่เพียงไหน
ไม่มีน้ำ…ไม่มีชีวิต…ไม่อาจทำมาหาเลี้ยงชีพได้
น้ำคือชีวิต…คำนี้เราได้ยินได้ฟังกันมานาน จากทั้งสองพระองค์ท่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงเรื่องนี้อยู่เนืองๆมาตั้งแต่ก่อนที่คนไทยจะได้รู้จักคำว่าโลกร้อน ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง Climate Change และตลอดระยะเวลาที่เนิ่นนาน โครงการช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ท่าน ทรงมุ่งเน้นไปที่การสร้างแหล่งน้ำเป็นสำคัญ
เพราะมีน้ำมีชีวิต มีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงชีวิตและครอบครัว
พื้นที่ชายแดนไทยด้าน อ.พบพระ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ในช่วงก่อนปี 2524 รอบรั้วบ้านเราแต่ละประเทศต่างมีปัญหาสงครามลัทธิการเมืองแย่งชิงมวลชน ในบ้านเราเองก็เช่นกัน ห้วงเวลานั้นสถานการณ์ความมั่นคงด้านชายแดนน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะไม่อาจทราบได้ว่า กองกำลังฝ่ายไหน จากประเทศใด จะเข้ามาแทรกซึมฝังตัวในแผ่นดินไทยหรือไม่ รัฐบาลจึงมีโครงการพัฒนาหมู่บ้านป้องกันตัวเองตามแนวชายแดน ด้วยการรวบรวมชาวเขาที่ตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายไปตามผืนป่า ให้มารวมตัวกันตั้งหมู่บ้านใหม่ขึ้นมา เพื่อความมั่นคงของประเทศ
ตั้งหมู่บ้านจะให้ผู้คนมาลงหลักปักฐานได้ ย่อมต้องมีแหล่งน้ำ…ในบันทึกของกรมชลประทาน อ.พบพระ และ อ.อุ้มผาง มีโครงการสร้าง แหล่งน้ำในพระราชดำริอยู่ทั้งหมด 45 แห่ง
แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านไป ประกอบกับเส้นทางคมนาคมสุดกันดาร แม้แต่ปัจจุบันที่ว่าถนนดี รถยนต์ดี จากตัวจังหวัดไป อ.อุ้มผาง ระยะทาง 200 กม. ต้องใช้เวลา 6 ชั่วโมง ยุคก่อนแทบไม่ต้องพูดถึงจะสาหัสแค่ไหน แถมชลประทานมีเจ้าหน้าที่ดูแลโครงการในพื้นที่แค่หนึ่งเดียว…แหล่งน้ำจึงขาดการบำรุงรักษา มีอันชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
โชคดี วันนี้กรมชลประทานมีข้าราชการจิตอาสาเข้าไปรื้อฟื้นแหล่งน้ำในพระราชดำริให้ฟื้นกลับคืนมา
“2 ปีที่เราออกสำรวจหาตามบันทึก พบแล้ว 29 แห่ง และฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้แล้ว 19 แห่ง”
ธรณิศ มั่นศรี หน.ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 ชลประทานตาก เผยถึงความสำเร็จของการร่วมทำตามนโยบายใหม่กรมชลประทาน ได้เข้าไปดูแลฟื้นฟูแหล่งน้ำในความรับผิดชอบให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานได้สูงสุด ไม่ใช่ดูแลระบบชลประทานในพื้นที่ราบเท่านั้น ในพื้นที่ป่าต้นน้ำก็สำคัญเช่นกัน เพราะเป็นแหล่งน้ำต้นทุน…ฟื้นฟูอ่างเล็กอ่างน้อยให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงชาวบ้านจะได้มีน้ำประกอบสัมมาอาชีพ น้ำต้นทุนจะได้ไหลสู่เบื้องล่างช้าลง น้ำที่เก็บกักจะได้มีโอกาสค่อยๆซึมลงดิน ช่วยอนุรักษ์ดิน ป่า ให้ช่วยเก็บน้ำไม่ให้ไหลลงทะเลเร็ว และคนพื้นล่างจะได้มีน้ำใช้นานวันมากขึ้น
2 ปี แหล่งน้ำ 45 แห่ง ค้นพบ 29 ฟื้นฟูได้ 19 แห่ง…หลายคนอาจมองเป็นเรื่องชิวๆ ด้วยอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือยุคปัจจุบันน่าจะทำได้มากกว่านี้
แต่สำหรับคนที่รู้จักพื้นที่แถบนี้ดี ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ เพราะอ่างที่ชำรุดทรุดโทรมไปนั้น หลายแห่งอยู่ในสภาพที่เรียกว่า แทบไม่เหลือสภาพเดิม แม้จะใช้เครื่องจีพีเอสตรวจจับหาพิกัดได้ก็ตาม แต่ไปเห็นแล้วยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าพิกัดถูกต้อง เลยต้องไหว้วานคนเก่าคนแก่มายืนยันชี้จุด
ที่สำคัญกว่าจะเข้าไปถึงจุดได้ ไม่เพียงต้องเดินบุกป่าฝ่าดง บางแห่งยังต้องถ่อแพตามหา มิต่างตามหาขุมทรัพย์ในลายแทง…หาจนเจอแล้วใช่ว่าจะฟื้นฟูกันง่ายๆ รถขุด รถแบ็กโฮ ต่อให้มีเป็น 10 คัน ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีถนนให้รถเข้าไป ต้องใช้แรงงานคนสถานเดียว
นั่นเป็นแค่ความยากลำบากเบื้องต้นเท่านั้น…ยังเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอีกต่างหาก
“อ่างเก็บน้ำบางแห่งแทบไม่เหลือสภาพเดิม เพราะถูกดินสไลด์ทับถมหนา 7-8 เมตร เหลือเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ตรงบริเวณสะดืออ่าง จะฟื้นฟูให้เหมือนเดิมได้ เราต้องใส่ชุดประดาน้ำลงไปตรวจสอบท่อส่งน้ำตรงสะดืออ่างว่ามีปัญหาอะไรถึงส่งน้ำไปให้ชาวบ้านไม่ได้ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด บางครั้งเจอตอไม้ ท่อนซุง ไปอุดอยู่บริเวณปากท่อส่งน้ำ การดำลงไปเราต้องระวังแรงน้ำจะดูดให้เราเข้าไปติดอยู่ในท่อเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้”
2 ปี หาได้ 29 ฟื้นฟูได้ 19 แห่ง… ใครจะว่ามากหรือน้อย “ธรณิศ” ไม่ย่อท้อ ยังคงเดินตามเส้นทางคนมุ่งมั่นล่าฝัน เพื่อทำให้ได้ครบ 45 แห่งต่อไป.
ทีมข่าวเกษตร