“สาละวิน” มอดไม้เย้ยกฎหมาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย-ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

http://www.thaipost.net/sunday/040514/89935

สิ่งแวดล้อม
Sunday, 4 May, 2014 – 00:00
.
ในบรรดาป่าในเมืองไทย ป่าสาละวินได้รับการยกให้เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนความสูง 1,027 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย พื้นที่ติดชายแดนระหว่างไทยและเมียนมาร์ มีพื้นที่ที่เป็นอุทยานแห่งชาติสาละวินมากกว่า 450,000 ไร่ ในเขต อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เลียงผา กวางป่า เก้ง หมูป่า หมี หนูหริ่ง เสือปลา วัวแดง กระทิง เสือโคร่ง กระต่ายป่า กระรอก กระแต ชะนี อีเห็น ด้วงปีกแข็ง ผีเสื้อ นกยูง และนกชนิดต่างๆ ทิวทัศน์และลักษณะทางธรรมชาติก็สวยงามได้รับการกล่าวขาน
ผืนป่าเขียวขจีแห่งนี้ มีพันธุ์ไม้สำคัญทั้งสัก แดง ประดู่ ชิงชัน มะค่าโมง รัง ตะเคียนหนู ตะเคียนทอง เต็ง เหียง พลวง แสดงให้เห็นถึงสภาพป่าสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำยวม แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำกองคา แม่น้ำแม่แงะ และแม่น้ำหาร ที่ชาวบ้านได้ใช้อุปโภคบริโภคตลอดมา
โดยอาณาเขตทิศเหนือติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน ต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง ทิศตะวันออกติดป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ทิศตะวันตกติดแม่น้ำสาละวิน ต.แม่คง และ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ทิศใต้ติดกับทางหลวงหมายเลข 1194 (ห้วยโผ-แม่สามแลบ) ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย
เหตุการณ์ลักลอบตัดไม้เถื่อนสาละวินอย่างโจ๋งครึ่ม เกิดที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน พบจุดแปรรูปไม้อยู่ในป่าลึก และยึดไม้สักแปรรูปได้นับพันแผ่นตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวฉาวตามสื่อว่า มีนายทุนว่าจ้างชาวบ้านตัดไม้สักเพื่อแปรรูปเป็นแผ่นและตัดเป็นท่อนเพื่อล่องแพในแม่น้ำสาละวินเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐจะถูกทำลายลงไปแล้ว นี่ยังถือเป็นการทำลายป่าครั้งมโหฬารอีกครั้งหนึ่งของเมืองไทย
สำหรับจุดที่พบไม้สักท่อนอยู่กระจายตามเชิงเขา และกองเรียงรายริมแม่น้ำสาละวิน ไม้ถูกชักลากจากป่าทั้งฝั่งไทยและเมียนมาร์ โดยเฉพาะช่วงระหว่างบ้านแม่สามแลบ บ้านสบเมย ของกลางบางส่วนเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารพรานขนออกไปแล้วบ้าง ส่วนของกลางที่เหลือในป่า เจ้าหน้าที่เร่งขนย้ายเพราะถ้าระดับน้ำแม่น้ำสาละวินเริ่มสูงขึ้นจะทำให้การเคลื่อนย้ายไม้ลำบาก ขณะเดียวกันกลุ่มลักลอบทำไม้เถื่อนจะขนไม้ทางน้ำง่ายมากขึ้นเช่นกันหากน้ำสาละวินสูงขึ้น
ดำรงค์ พิเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย (ทป.) ซึ่งได้เดินทางตรวจสอบสถานการณ์ตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสาละวินก่อนหน้านี้ กล่าวว่า เดินทางไปป่าสาละวินตอนล่างที่หมู่บ้านแม่แคะ หมู่บ้านกอเซโลและหมู่บ้านกอมูเดอ เมื่อเห็นสภาพพื้นที่ถึงกับเข่าอ่อน โค่นๆ เผาๆ กระจายเต็มพื้นที่ มีเศษไม้กองกระจัดกระจายในพื้นที่ 5,000 ไร่ ตรวจสอบพบตั้งแต่รัฐบาลยุบสภา มีความไม่สงบทางการเมือง เกิดการลักลอบตัดไม้อย่างต่อเนื่องถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่จับกุมได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่มีนายทุนถูกดำเนินคดีเลย มั่นใจว่ามีนายทุนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อยเพื่อผลิตไม้แปรรูป และรับซื้อที่ด่านแม่สอด การลงทุนครั้งนี้ที่ป่าสาละวินไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ไม้ใหญ่ถูกโค่นจำนวนมาก ส่วนไม้สดๆ เข้าโรงเลื่อยชื่อดัง จ.เชียงใหม่ ขบวนการขนไม้เข้า-ออกเปิดเผย แสดงว่ามีอิทธิพลสูง
“กลุ่มแรกบ้านแม่แคะ โค่นต้นไม้ใหญ่ เลื่อยเป็นหน้าใหญ่เพื่อส่งขายเชียงใหม่ วิ่งถนนสายหลักผ่านด่าน ส่งตามสหกรณ์ กลุ่มที่สอง ชนกลุ่มน้อย ไม่แน่ใจมีนายทุนไทยหนุนหลังหรือไม่ บังคับเอาลงแม่น้ำสาละวิน เข้าเมียนมาร์ มีโรงเลื่อย 4 โรง แปรรูปไม้ แล้วนำเข้าด่านแม่สอด กลุ่มที่สาม โค่นต้นเล็กต้นน้อยเพื่อยึดพื้นที่ป่า เตรียมปลูกพืชในฤดูฝนนี้ เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน อุปสรรคสำคัญของเราคือไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตรงนั้น หน่วยพิทักษ์ป่าแม่ฮ่องสอน กรมป่าไม้ มีกำลังทั้งหมดกว่า 180 คน ดูแลทั้งจังหวัด ขณะนี้อยู่สาละวิน 40 นาย โค่นกันมัน อุทยานแห่งชาติก็ดูแลแต่พื้นที่อนุรักษ์ของตัวเอง” ดำรงค์ฉายภาพกลุ่มทำไม้เถื่อนสาละวิน
สำหรับปัญหาและอุปสรรคการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ดำรงกล่าวว่า นอกจากกำลังไม่เพียงพอแล้ว ยังมีเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงไม่พอต่อการลาดตระเวน ค่าเบี้ยเลี้ยง งบประมาณมีจำกัด แต่จากการประเมินสถานการณ์ทำลายทรัพยากรสาละวินปัจจุบัน หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ ไม่ดำเนินการอะไร จะไม่มีป่าเหลือ วิธีการตัดไม้แล้วลากลงหลุมรอให้เป็นไม้เก่ารอขาย ไม่น่าเกิดกับชนกลุ่มน้อย ถามว่าเอารถแทรกเตอร์จากที่ไหนมาปรับที่ไหล่เขาเพื่อเอาไม้ลงหลุม
“ฝั่งเมียนมาร์โค่นไม้ผลักลงน้ำสาละวิน ฝั่งไทยโค่นเอาลงหลุม มือใครยาวสาวได้สาวเอา วันนี้ไม่มีอะไรดี ต้องช่วยกันจึงร่วมกับสมาคมอุทยานแห่งชาติดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อปกป้องผืนป่าสาละวินรวบรวมเงินบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศไปสนับสนุนการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ปกป้องป่าสาละวิน ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต เพราะชนกลุ่มน้อยติดอาวุธสงครามร้ายแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยพกลูกซองหรือปืนสั้น” ดำรงค์เผย และระบุก่อนหน้าที่เคยเรียกร้องแผนปฏิบัติการปกป้องป่าสาละวินจากผู้บริหารระดับสูงของกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดี กังวลว่าเจ้าหน้าที่ตายฟรี
นอกจากนี้ ดำรงค์ระบุเสนอแนวทางแก้ปัญหาเร่งด่วนให้อธิบดีกรมป่าไม้จัดสรรกำลังเพิ่มเติมมาลาดตระเวนและเฝ้าระวังป่าสาละวินกว่า 5,000 -6,000 ไร่ที่เจอวิกฤติหนัก อย่างน้อยต้องมี 1,000 คน เมื่อถึงฤดูฝนลดกำลังลงเหลือ 100 คน เพราะวันนี้เจ้าหน้าที่เคลื่อนออกจากพื้นที่ลักลอบไม่ได้ ต้องตรึงกำลังไว้ตลอดเวลา มิฉะนั้น ไม้ของกลางถูกลำเลียงออกหมด ทั้งยังแนะนำให้ ทส. หมุนงบประมาณมาใช้ก่อน พร้อมออกคำสั่งให้สองกรมใช้งบประมาณกลางเข้าไปดำเนินการป้องกันร่วมกัน เพราะป่าไม้เป็นสมบัติส่วนรวม คำนึงถึงทรัพยากรของประเทศชาติเป็นหลัก ที่ผ่านมาเคยเสนอให้รวมสองกรมนี้แต่ไม่สำเร็จ ส่วนกองทุนเพื่อปกป้องผืนป่าก็เป็นอีกช่องทางสนับสนุน
นอกจากนี้ ดำรงค์ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ จ.แม่ฮ่องสอนว่า มีพื้นที่กว่า 8 ล้านไร่ และมีราษฎรน้อยสุดอันดับ 5 ของประเทศ พื้นที่ป่าไม้มากถึง 7 ล้านไร่ คิดเป็น 83% มีป่าสงวนแห่งชาติ 9 แห่ง 1 ในนั้นคือ ป่าสาละวิน ประกาศจัดตั้งปี 2515 พื้นที่ 1.1 ล้านไร่ กรมป่าไม้ดูแล เมื่อแยกกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ป่าสาละวินตอนบนกว่า 3 แสนไร่ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หากสำรวจตามแม่น้ำสาละวินยาว 120 กิโลเมตร จากเมียนมาร์เข้ามาฝั่งไทยเลาะเขตรักษาพันธุ์ฯ 60 กิโลเมตร ตอนกลาง 40 กิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติสาละวินกว่า 4 แสนไร่ และตอนล่าง 20 กิโลเมตร เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติกว่า 3 แสนไร่ ที่ปล่อยให้โค่นไม้กันมืดฟ้ามัวดินช่วง 3-4 เดือนมานี้ พื้นที่ดังกล่าวมีศูนย์อพยพ และปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้พักพิงส่วนหนึ่งบุกรุกทำลายป่าทั้งเพื่อยังชีพ และรับจ้างตัดไม้ให้นายทุน ฝากให้การคัดสรรบุคลากรทำงานในพื้นที่ เน้นทำงานป้องกันป่าไม้ ไม่ใช่ทำเงินจากไม้
ด้าน สุรเชษฎ์ เชษฐมาส นายกสมาคมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า มีความห่วงใยปัญหาการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าและการทำลายทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เมื่อพบปัญหาที่ใด สมาคมจะเข้าไปช่วยเสนอแนวคิดทางวิชาการในการแก้ปัญหา รวมถึงลงพื้นที่ด้วยเช่นกัน กรณีตัดไม้เถื่อนสาละวินได้พุดคุยกับดำรงค์ พิเดช ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ หารือถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อปกป้องผืนป่าสาละวิน เงินที่ได้จากการบริจาคเข้ากองทุนจะนำไปสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ปกป้องป่าสาละวิน ปัจจุบันแม้จะมีหน่วยงานรัฐผิดชอบภารกิจนี้โดยตรง แต่พบว่างบประมาณมีจำกัด เงินกองทุนนี้จะนำไปจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นและยารักษาโรคให้กับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนและปฏิบัติงานจับกุมผู้ลักลอบตัดป่า รวมถึงการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ โดยจะเร่งจัดตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนจากภาคส่วนต่างๆ จำนวน 9 คน ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นจะมี ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ คณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และดำรง พิเดช หัวหน้าพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย เป็นคณะกรรมการด้วย ก่อนนัดประชุมเพื่อวางแผนจัดการและระดมทุน
การแก้ปัญหาไม้เถื่อนป่าสาละวิน สุรเชษฎ์แสดงทัศนะว่า ทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ต้องร่วมกันทำงานอย่างจริงจัง รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในหลายส่วน เช่น กระทรวงพาณิชย์ ห้ามนำเข้าไม้แปรรูปหรือสินค้าประดิษฐ์จากแม่สอด ด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอให้ทบทวนและกำหนดนโยบายเรื่องศูนย์พักพิงให้ชัดเจนร่วมกับทรัพยากรป่าไม้เจ้าของพื้นที่ เพราะต้องยอมรับผู้อพยพพึ่งพาไม้ใช้สอยจากป่าในชีวิตประจำวัน รวมถึงตัดไม้มาทำฟืนหุงหาอาหารและสร้างบ้านเรือน จำเป็นต้องจัดระบบไม่ให้รุกป่าของไทย นอกจากนี้ จำเป็นต้องประสานงานกับทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ให้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องพื้นที่อย่างเข้มแข็งและเพื่อให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
“การประสานงานระดับอธิบดีอย่างเดียวไม่มีประสิทธิภาพ ต้องระดับกระทรวงสั่งการ จี้ให้เกิดการทำงานร่วมกัน ระหว่างกระทรวงทรัพย์กับกองทัพ กระทรวงทรัพย์กับกระทรวงพาณิชย์ ระดับบนประสานกัน อาจใช้ช่องทางผ่านการประชุม ครม.”
อุปสรรคสำคัญในการจับไม้สักเถื่อนในป่าสาละวิน นายกสมาคมอุทยานแห่งชาติเห็นว่า เป็นเรื่องกำลังของเจ้าหน้าที่ 40 นายกับพื้นที่ป่าสามแสนไร่ ทั้งสองกรมจำเป็นต้องเฉลี่ยกำลังคนจากพื้นที่อื่นเข้ามาปฏิบัติการในช่วงวิกฤติป่าสาละวินก่อน ขณะนี้กลุ่มลักลอบตัดป่าได้ใจ เห็นว่าการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ผล จะแห่เข้าป่ามากขึ้น ป่าจะหมดเร็วขึ้น บวกกับช่วงนี้เกิดสุญญากาศทางการเมืองทั้งรัฐบาลและ ทส.ไม่มีนโยบายดูแลทรัพยากรชาติ
ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าสาละวินนั้น สุรเชษฎ์กล่าวว่า ป่าสาละวินเป็นผืนป่าสักทองที่ดี มีคุณค่าที่ยังหลงเหลืออยู่ และพบได้ไม่กี่แห่งในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นแนวเขตชายแดนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาร์ ในอนาคตเราอาจจะมีจัดตั้งแนวเขตการอนุรักษ์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ เคยมีการพูดคุยแต่เมียนมาร์ยังไม่พร้อม เนื่องจากปัญหาชายแดนมีความละเอียดอ่อน
“ผืนป่าสาละวินเป็นต้นน้ำสาละวิน รัฐบาลหรือคนไทยอาจไม่เห็นความสำคัญเท่าที่ควร น้ำไหลลงแม่น้ำสายหลักของเมียนมาร์ แต่ในอนาคตเราอาจต้องอาศัยน้ำจากสาละวิน ต่อท่อใช้กับพื้นที่เกษตรภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ทรัพยากรน้ำลดลง ผลจากการทำลายป่า ใน 10-20 ปีข้างหน้าไทยอาจขาดน้ำ ฉะนั้น จะต้องป้องกันไม่ให้ใครรุกล้ำทำลายป่าต้นน้ำ” สุรเชษฎ์เผยคุณค่าป่าให้น้ำ
สุรเชษฎ์บอกอีกว่า ป่าสาละวินยังหมายถึงบ้านของสัตวป่าอีกหลายชนิด ทั้งกระทิง สัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ประชากรกำลังลดน้อยถอยลงในประเทศไทย และยังพบวัวแดง สัตว์ป่าสงวน หายาก พบที่ห้วยขาแข้ง ทุ่งใหญ่ ปางสีดา ถิ่นอาศัยมีไม่มาก หากมีการตัดป่าแล้วสัตว์ป่าจะอยู่ได้อย่างไร ปัญหาตัดไม้ในสาละวินไม่ได้มีเฉพาะไม้สัก แต่ยังมีไม้ใหญ่อื่นๆ อีกด้วย ถ้าไม่มีต้นไม้ ไม่มีน้ำ ไม่มีป่า ไม่มีสัตว์ป่า สำหรับผู้ต้องการบริจาคเงินสมทบกองทุนทำได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ชื่อกองทุน กองทุนเพื่อปกป้องผืนป่าสาละวิน เลขที่บัญชี 4982-3-40963-3 (ออมทรัพย์) โดยกองทุนได้รับงบจากพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย เป็นเงินประเดิม 50,000 บาท หลังจากปัญหาป่าสาละวินดีขึ้น เงินจากกองทุนนี้จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอื่นๆ ของไทยต่อไป.

ใส่ความเห็น