โพสต์ทูเดย์ Lifestyle : รมณ์บ่จอย นอยด์และเหวี่ยง.
- 25 พฤษภาคม 2554 เวลา 19:35 น.
เรื่อง : นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ American Board of Anti-aging medicine
ไข่ที่ขึ้นราคา ค่าเทอมลูกที่จ่อมา ราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุด รถติดสุดๆ แล้วยังมีสิทธิถูกคนเมายาบ้าไล่ยิง ทำให้อารมณ์คนทั่วไปเกิดอาการ “นอยด์” และ “เหวี่ยง” ได้ง่ายๆ
ตกที่ไหนคนใกล้ก็รับไป
ในช่วงที่อารมณ์กำลังผันผวนตามอากาศ เกิดอาเพศเปลี่ยนถ่ายอำนาจกันพลันให้เกิดพายุฤดูร้อนเพราะความกดอากาศย้อนแปรปรวนชวนให้คิดว่าแกนโลกเอียง ขั้วใหม่จะกลายเป็นขั้วเก่าทำเอาร้อนกันจนต้องเล่นกีฬาสีกันอีกหรือเปล่า
อุ้ย…ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคร้าบ เพราะเรื่องความเครียดไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้วจนเกิดเป็นความอึดอัดตันใจ ทำให้บางท่านเชื่อผิดว่าถ้าไม่ได้นอยด์เสียบ้างจะกลายเป็นเก็บกดไป เลยปล่อยของเสียจนสุดใจ
นอยด์เพราะ “ฉัน”
การใช้อารมณ์จนชินจะทำให้เป็นคน “ขึ้นง่าย” ครับคือถูกกระตุ้นจนของขึ้นปรี๊ดอยู่เสมอซึ่งทำให้ชีวิตสั้นลง แต่ก็เข้าใจครับว่าหลายครั้งมันเป็นการยากเหลือเกิน เลยอยากขอนำเทคนิคแก้อาการนอยด์ง่ายๆ มาฝากไว้ เพราะการใช้อารมณ์ออกมาแบบผิดวิธีจะยิ่งไปกระตุ้นให้หงุดหงิดจิตตกมากขึ้น ลองสังเกตว่าคนที่โมโหจนบ้าคลั่งนั้นมันจะไม่หยุดง่ายนอกจากจะหมดแรงไปเองเพราะ “ธาตุเครียด” มันถูกกระตุ้นออกมาเสียจนเบรกไม่อยู่
ถ้าอยากรู้ทันก่อนเหวี่ยงจัดขอให้ดูที่คู่มือระงับอารมณ์ 3 ข้อต่อไปนี้ครับ
– ลด “ฉัน” สำคัญสุด ความร้อนในใจทั้งปวงล้วนเกิดจาก “ฉัน” ทั้งนั้น การถือตัวตนมั่นจะทำให้โรคมาหาด้วย ขอให้คิดออกนอกตัว อย่ากลัวที่จะมีกิจกรรมทำให้ไม่ต้องอยู่คนเดียว ถ้าไม่เกี่ยวกับอัตตาได้จะสุขเบาขึ้นเยอะครับ
– อย่าหยุดความเด็ก โกรธเมื่อไรให้นึกถึงวัยเด็กแสนสุขเข้าไว้เพราะเด็กน้อยนั้นโกรธง่ายหายเร็ว กินอิ่มนอนหลับ และให้มองคนที่น่าโกรธว่า “เหมือนเด็ก” เสีย เพราะเขาอยากได้ก็จะเอา หิวก็จะกิน อยากได้มากหน่อยก็หยิบเอาหรือคอร์รัปชันเอา ใครๆ ก็เหมือนเด็กครับแล้วใจเราจะเย็นลงได้บ้าง
– เช็กต่อมสุข ให้ดูว่าวันนี้ต่อมสุขทำงานดีหรือยังโดยยิ้มดูหน้ากระจก ถ้าปากยิ้มแต่ตายังบึ้งดูไม่ “ตายิ้ม” ยิบหยีแสดงว่ายังไม่สุขแท้เพราะไม่ได้ยิ้มจากข้างใน ไม่เป็นไรครับ ใช้เทคนิคฝึกยิ้มกระตุ้นต่อมสุขให้ยิ้มไปและดวงตาก็ยิ้มสุกใสไปด้วยแล้วมันจะกระตุ้นต่อมสุขข้างในเองครับ
ทั้งสามเทคนิคนี้ เป็นสิ่งที่ผมใช้อยู่ทุกวัน แล้วก็เลยนำมาแยกเป็นข้อเผื่อท่านผู้อ่านที่รักได้ใช้ประโยชน์บ้าง เพราะหน้าที่การงานของผมนั้นจำเป็นต้องเกี่ยวกับความเครียด อย่างแรกเลยคือ “สอน” ที่จุฬาฯ เรื่องการจัดการความเครียด ส่วนอย่างที่สองนั้นคือการทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชน ตั้งแต่ เขียนข่าว เล่าสคริปต์และจัดรายการเองจึงทำให้รู้ว่า “อารมณ์” และ “สีหน้า” เป็นเรื่องสำคัญมาก
ตัวอย่างง่ายคือถ้าเราเผลอขมวดคิ้วเสียแล้วผู้ชมทางบ้านก็จะอดไม่ได้ที่ขมวดคิ้วไปด้วยยิ่งทำให้เรื่องที่เราพูดดูเครียดโดยไม่รู้ตัว น่ากลัวมากมายครับ เพราะมันจะติดเป็นนิสัยแล้วดึงโรคภัยเข้ามาในชีวิตไม่หยุดหย่อน
เหมือนถูกป้อนยาพิษทุกครั้งที่นอยด์
*******************************
นพ.กฤษดา ศิรามพุช นายแพทย์แห่งศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ให้เกียรติเป็นคอลัมนิสต์รับเชิญ สลับสับเปลี่ยนร่วมเขียนงานดีๆ กับคอลัมนิสต์ชีวิตรื่นรมย์ท่านอื่นๆ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยกับคุณหมอได้โดยตรงที่ drkrisda@gmail.com