http://www.dailynews.co.th/article/728/220429
วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556 เวลา 12:45 น.
ผลตรวจข้าวถุงของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคและมูลนิธิชีววิถี ออกมาแจกแจงสารเคมีที่ใช้รมควันข้าว แต่ละยี่ห้อเพื่อให้คนกินได้รับทราบนั้น ปรากฏว่ามีสารเคมีที่ชื่อว่า เมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) ในข้าวบางยี่ห้อนั้นสูงกว่าข้าวที่ส่งออกไปจีน อินเดียแต่ไม่เกินค่ามาตรฐานของคณะกรรมการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex) หรือ โคเด็กซ์ แต่มีบางยี่ห้อที่สูงกว่าค่าโคเด็กซ์ที่เป็น 1 ใน 100 ตัวอย่าง ซึ่งมีคำสั่งให้หยุดการจำหน่ายไปก่อน
ข้อมูลจากเว็บไซต์มูลนิธีชีววิถี โดยเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ให้รายละเอียดของสารรมควันที่ใช้ในประเทศไทย มี 4 ชนิด คือแมกนีเซียมฟอสไฟด์ (magnesium phosphide) อะลูมิเนียมฟอสไฟด์ (aluminium phosphide) เมทิลโบรไมด์ (methyl bromide) และเมทิลโบรไมด์+คลอโรพิคริน (methyl bromide + chloropicrin) ซึ่งมีปริมาณการนำเข้ารวมเฉลี่ยตั้งแต่ พ.ศ. 2550-2555 อยู่ที่ 960.91 ตันต่อปี โดยสารที่มีปริมาณการนำเข้าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ อะลูมิเนียมฟอสไฟด์ เฉลี่ยนำเข้าปีละ 562.81 ตัน รองลงมา คือ เมทิลโบรไมด์+คลอโรพิคริน และเมทิลโบรไมด์ มีปริมาณการนำเข้าเฉลี่ย 357.69 และ 103.85 ตัน/ปี และที่มีการนำเข้าน้อยที่สุด คือ แมกนีเซียมฟอสไฟด์ 16.17 ตัน/ปี
วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่าสารเมทิลโบรไมด์ ก่อให้เกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ โดยประเทศไทยได้ลงนามตามพันธกรณี หลังจากได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกพิธีสารมอนทรีออลเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2532 ทำให้ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามพันธกรณี คือควบคุมปริมาณการนำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ไม่ให้เกินระดับค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้ปี พ.ศ. 2538-2541 และยกเลิกการนำเข้าให้ได้ภายในสิ้นปี 2558 จากการทำงานเพื่อลดการใช้สารเมทิลโบรไมด์ กรมวิชาการเกษตร ตั้งเป้าว่าจะลดการใช้สารเมทิลโบรไมด์ให้ได้ภายในปี 2556 เพราะนับตั้งแต่ปี 2547 ไม่ปรากฏตัวเลขนำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ แต่ปรากฏว่าในปี 2555 มีการนำเข้าเมทิลโบรไมด์อย่างพรวดพราด
คิดว่าสาเหตุที่ต้องนำเข้า เพราะตัวเมทิลโบรไมด์คือสารรมควันพิษที่ใช้สะดวก ระยะเวลาการรมใช้เวลาไม่นานเมื่อรมเสร็จแล้วก็สามารถระเหยไปในอากาศ ดังนั้นวัตถุประสงค์ตรงนี้เชื่อมโยงกับสต๊อกข้าวของรัฐที่อยู่ในโกดังกลาง และการเก็บข้าวไว้นานแมลงศัตรูก็จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น ดังนั้นปริมาณการใช้จึงเพิ่มมากขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
“ได้มีโอกาสพูดคุยผู้ที่ประกอบการค้าหลายรายบอกว่า ได้เลิกใช้เมทิลโบรไมด์ในการรมข้าวมานานระดับหนึ่ง แต่หันไปใช้สารฟอสฟินแทน แต่อยู่ ๆ ตัวเลขนำเข้าสารนี้เพิ่มขึ้นมา ทั้งที่เมทิลโบรไมด์แพงกว่าฟอสฟิน ข้อดีแค่ออกฤทธิ์เร็วสามารถจัดการได้ ประเมินว่าสาเหตุไม่มีอะไรมากคนที่เล็งเรื่องสต๊อกข้าวจำนวนมากก็พุ่งเป้าไปสู่ตรงนั้น ในการตรวจเจอน่าจะมาจากขั้นตอนก่อนหน้านั้น ก่อนมาแปรเป็นข้าวสาร ผู้ประกอบการข้าวถุงยืนยันขั้นตอนการบรรจุถุงไม่ได้ใช้เมทิลโบรไมด์”
ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวต่อว่า การที่จีนหรืออินเดียกำหนดค่าเมทิลโบรไมด์ไว้ต่ำเพื่อเป็นการกีดกันทางการค้า เพราะการกำหนดค่าเหล่านี้เป็นการกำหนดภายใต้ข้อตกลง WTO เมื่อกำหนดแล้วจะต้องแจ้งให้สมาชิกและคู่ค้ารวมทั้งฝ่ายเลขาฯ ที่ดูแลเรื่องนี้ของดับบลิวทีโอต้องรับทราบด้วย ดังนั้นการที่ประเทศเหล่านี้กำหนดค่าเหล่านี้ได้ไม่สามารถทำได้ตามอำเภอใจ จำเป็นต้องมีรายละเอียดหรือเหตุทางวิทยาศาสตร์ในการรองรับ ประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตข้าว เราควรกำหนดค่านี้ขึ้นมาเป็นการเฉพาะซึ่งเมื่อกำหนดแล้วจะมีค่าใกล้เคียงกับอินเดียหรือของค่าโคเด็กซ์ที่เป็นอยู่นั้นเป็นอีกประเด็นหลังจากพิจารณารายละเอียดแล้ว ปัญหาคือเราไม่ได้กำหนดค่านี้แต่ไปกำหนดค่ากลางคือค่าโคเด็กช์ ขณะนี้เราเรียกร้องว่ากำหนดค่าที่เหมาะสมของเราเพิ่มขึ้นเพื่อยกระดับข้าวไทย
วิฑูรย์มองว่า ตอนนี้ประเทศไทยอนุญาตให้นำเข้าสารเมทิลโบรไมด์ อย่างมากในที่สุด จะกระทบเชิงเรื่องของภาพลักษณ์ และจะถูกกีดกันทางการค้าได้จากคู่ค้า เมื่อไปดูเหตุผลของการลดการใช้เมทิลโบรไมด์ของกรมวิชาการเกษตรจะเห็นเลยว่าเหตุผลสำคัญของการลดการใช้เมทิลโบรไมด์นั้นจะป้องกันไม่ให้ในระยะยาวนั้นสินค้าของไทยถูกกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม แม้พิธีสารมอนทรีออลจะไม่บังคับให้ทุกประเทศต้องดำเนินการหรือไม่ดำเนินการ แต่จะเกิดผลกระทบที่เกิดในแง่ข้อรังเกียจในทางการค้า ดังนั้นรัฐต้องอธิบายต่อประชาคมโลกรวมทั้งองค์กรนานาชาติที่ให้เงินสนับสนุน รณรงค์ลดการใช้เมทิลโบรไมด์ ให้ได้
ภายหลังผลการตรวจสารเคมีในคุณภาพข่าวออกมามีข้อเรียกร้องให้ข้าวสารบรรจุถุงต้องติดฉลาก อย.ด้วย ในมุมมองของวิฑูรย์ ระบุ เรื่องนี้อาจมีผลกระทบกับการแปรรูปข้าว รายย่อย วิสาหกิจชุมชน ธุรกิจของท้องถิ่นที่บรรจุข้าวถุงเป็นข้าวออร์แกนิค ข้าวกล้อง ข้าวสารพื้นบ้านทั้งหลายมาขายในระดับกลางบางทีขายถึงระดับที่เป็นศูนย์การค้า เพราะปัญหาของสารรมควันพิษไม่ได้เกิดจากผู้ผลิตรายย่อยเลย แต่รัฐกำลังเอามาตรการนี้เหวี่ยงแหคลุมไปทั่ว
ทั้งนี้สารเมทิลโบรไมด์มีคุณสมบัติที่สามารถระเหยสู่บรรยากาศได้รวดเร็วและแพร่สู่ชั้นบรรยากาศ แต่ในที่สุดจะกลับสู่พื้นโลกโดยมากับน้ำฝนและน้ำค้าง…โครงการจำนำข้าวไม่เพียงทำให้ประเทศต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลแต่ยังช่วยเพิ่มดีกรีความร้อนให้โลกสูงขึ้นอีก.