ครูเกอร์พาร์ค เคปทาวน์ สวยโลกลืมที่แอฟริกาใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

03 มกราคม 2559 เวลา 12:24 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/408048

ครูเกอร์พาร์ค เคปทาวน์ สวยโลกลืมที่แอฟริกาใต้

โดย…พาแลง ภาพ พรทิพย์ อภิสิทธิ์เสรีกุล

เพราะงานของเชฟคือการสร้างสรรค์เมนูอาหารให้น่าทานและอร่อย เชฟม้อ-พรทิพย์ อภิสิทธิ์เสรีกุล จึงต้องออกเดินทางเพื่อเติมแรงบันดาลใจและตระเวนชิมอาหารในประเทศต่างๆ หลังจากตัดสินใจกลับมาปักหลักที่เมืองไทย เธอก็ตัดสินใจออกเดินทางก่อนจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารของตัวเอง จุดหมายที่เธอเลือกคือ แอฟริกาใต้ เพื่อมุ่งหมายไป Game Drive ท่องซาฟารีที่ครูเกอร์ พาร์ค Kruger National Park และซึมซับธรรมชาติที่เคปทาวน์ (Cape Town)

เชฟม้อ เล่าถึงทริปที่เธอบอกว่าทุกอย่างสวยแบบโลกลืมว่า เธอเลือกออกเดินทางในช่วงปลายเดือน ต.ค. เพราะเป็นช่วงที่แอฟริกาใต้กำลังจะเปลี่ยนจากหน้าหนาวสู่หน้าร้อน อากาศจึงเย็นสบาย เธอกับน้องสาวบินจากกรุงเทพฯ สู่เมืองโจฮันเนสเบิร์กใช้เวลากว่า 11 ชั่วโมง และบินจากเมืองหลวงไปเริ่มต้นแคมป์ที่เมืองสคูคูซา (Skukuza) “ครูเกอร์ พาร์ค อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกาใต้ ที่นี่เป็นอุทยานที่มีชื่อเสียงมาก มีขนาดใหญ่ถึง 20,700 ตร.กม. ว่ากันว่าถ้าอยากสัมผัสกับชีวิตของสัตว์ป่าให้ครบพื้นที่จะต้องขับรถซาฟารีอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน แต่เรามีเวลาที่นี่ 3 คืน จึงเตรียมตัวเดินทางด้วยการอ่านทริปแอดไวเซอร์ เพื่อสำรวจก่อนว่าส่วนไหนของครูเกอร์ พาร์ค ที่มีสัตว์อุดมสมบูรณ์ ต้องเลือกจุดที่จะไปลงดีๆ และเลือกที่พักที่กลมกลืนกับธรรมชาติ

 

“พอเราจองโรงแรมปุ๊บ ให้เราประสานงานกับโรงแรมเรื่องรถได้เลย เพราะโรงแรมจะเป็นตัวประสานงานที่ดีที่สุดสำหรับแอฟริกาใต้ อย่าไปซื้อทัวร์สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะพาเราไปไหนบ้าง เราดูแล้วรายละเอียดไม่พอ มันอาจจะเสี่ยง เพื่อความสบายใจเราเลือกจัดการด้วยตัวเอง ผ่านโรงแรม และเราเลือกสถานที่ที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะทริปดูสัตว์ให้โรงแรมประสานงานให้ดีที่สุด เช้าวันรุ่งขึ้นแคมป์จะเอารถโฟร์วีลไดรฟ์เปิดประทุนมารับเราตั้งแต่ตีห้า แล้วจากนั้นขับรถออกไปดูสัตว์จนถึงช่วงเย็นเลย

“ว่ากันว่าถ้ามาซาฟารีที่แอฟริกา การจะได้เจอบิ๊กทั้ง 5 (BIG 5) คือ ช้าง แรด ควายป่า สิงโต และเสือดาว ให้ครบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และยิ่งหากได้เจอการล่าของสัตว์เหล่านี้ยิ่งโชคดีหนัก แต่เนื่องจากเราไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ประสบการณ์ที่ได้จากครูเกอร์ พาร์ค การได้เจอไฮยีน่า ช้างป่า ยีราฟ แม้จะพลาดเสือดาว แต่เราก็ได้เจอสัตว์อื่นๆ เป็นฝูง ซึ่งสวยงามและดีมากพอแล้วสำหรับเรา สัตว์ป่ามันช่างสวยงาม แค่ได้เห็นสัตว์มาอยู่ตรงหน้าก็เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุดแล้ว เพราะมันช่างต่างจากที่เคยเห็นในช่องสารคดี เพราะเราจะรู้สึกตื่นเต้นกว่าที่คิด เกินคาดหวัง และที่สำคัญภูมิประเทศที่เห็นมันช่างแตกต่างจากทุกที่ที่เราเคยไป เป็นที่ราบสุดลูกหูลูกตา มีต้นไม้เล็กโผล่ให้เห็นเป็นระยะ ในจุดที่มีแม่น้ำไหลผ่านก็จะมีสีเขียวเป็นหย่อมๆ เป็นภูมิประเทศที่แห้งแล้งแต่สวยงามมาก” เชฟม้อ เล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เหมือนภาพนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง

 

หลังจากใช้เวลาอยู่ที่ครูเกอร์ พาร์ค ครบ 3 คืนแล้ว เชฟม้อก็บินต่อมาที่เคปทาวน์ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เธอบอกว่าเคปทาวน์คือเมืองที่ตั้งใจอยากจะไปเยือนมานานแล้ว เธอใช้เวลาในเคปทาวน์ 1 เดือนครึ่ง ในเมืองที่ไม่เล็กไม่ใหญ่กว่าภูเก็ตบ้านเรา มีสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการครบครัน ทั้งกิจกรรมแอดเวนเจอร์ทางทะเล มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามมาก และเป็นสวรรค์ของนักดื่มไวน์

“ที่เคปทาวน์ เรามีโอกาสได้ไปเดินป่าที่เทเบิล เมาน์เทน ซึ่งเขาเรียกชื่อจากลักษณะที่คล้ายโต๊ะ เป็น 1 ใน 7 ที่เที่ยวธรรมชาติระดับโลก แต่จากประสบการณ์การเดินทางส่วนตัวบอกได้เลยว่าที่นี่ธรรมชาติสวยที่สุด ซึ่งใช้เวลาแค่ 20 นาทีจากตัวเมืองอันยุ่งเหยิง ก็สามารถเดินป่าสัมผัสธรรมชาติได้แล้ว การเดินป่านี่วิวสวยอย่างเหลือเชื่อ เราเดินลัดเลาะขึ้นไป วิวด้านบนรู้สึกเหมือนวิวของเมืองโอบล้อมเรา ทะเลและภูเขากำลังกอดเรา เส้นทางเดินป่าไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว เราเลือกได้ว่าอยากเดินเส้นทางไหน ซึ่งแต่ละเส้นทางก็สวยๆ ทั้งนั้น เรามีเพื่อนที่อาศัยอยู่ในเคปทาวน์ ก็เลยทำให้เห็นซอกมุมของเมืองได้ลึกกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป”

 

เชฟนักเดินทางเอ่ยปากว่า เคปทาวน์ยังเป็นเมืองที่น่าค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ พื้นที่ของเคปทาวน์จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนของชุมชนแออัดจะถูกแยกออกไปจากตัวเมือง เป็นเวิ้งชุมชนที่ใหญ่โตมาก ขณะที่ศูนย์กลางของธุรกิจคล้ายสีลม สาทรบ้านเรา คนที่นั่นเรียกว่าทาวน์ และพื้นที่ถัดมาเป็นแหล่งที่พักอาศัยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่ของคนผิวขาวเชื้อสายดัตช์ที่มีอำนาจการจับจ่าย ที่ดินใกล้ทะเลจะมีราคาสูง เป็นอาณาเขตที่เรียกว่า Sea Point มีทางเดินเลียบชายหาดยาว 8 กม. ในวันหยุดก็สามารถเดินเล่นชายหาดได้ และมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ทางน้ำให้เล่นจนหนำใจ

“เมืองนี้มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะแต่ส่วนใหญ่เป็นยุโรป แต่แทบไม่มีเอเชียเลย คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเขาจะไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ด้วย เพราะมีพื้นที่สำหรับปลูกองุ่น นักท่องเที่ยวจะชอบมาเที่ยวไวน์ เทสติ้ง และเดินป่า นักท่องเที่ยวมือใหม่ที่อยากไปเที่ยวอยากแนะนำเลย เพราะมีกิจกรรมทั้งเดินป่า เล่นเซิร์ฟ มีอุปกรณ์ดีๆ ขาย และมีโซนช็อปปิ้ง ค่าครองชีพไม่แพงเมื่อเทียบกับไปยุโรป ค่าครองชีพก็ประมาณกรุงเทพฯ อาหารด่วนอย่างแซนด์วิชราคา 60 บาท และรสชาติก็ดี วางงบไว้วันละ 5,000 บาท ก็เที่ยวได้สบายๆ

“ถ้ามีเวลา 8 วัน 7 คืน สามารถไปดูสัตว์และเที่ยวในเคปทาวน์ได้ ซึ่งการแบ่งเวลาเที่ยวแล้วแต่ความสนใจของแต่ละคน อาจจะใช้เวลาในครูเกอร์ พาร์ค 3 คืน และอีก 4 คืนที่เคปทาวน์ เพราะในเคปทาวน์ ช็อปปิ้งชมเมือง 1 วัน เดินป่า 1 วัน ก็จะมีหลายเส้นทาง ซึ่งแต่ละเส้นทางก็สวยๆ ทั้งนั้น สวยแบบโลกลืม กิจกรรมแอดเวนเจอร์ 1 วันเหมาะมาก แล้วที่สำคัญเราไม่ต้องมีอุปกรณ์เยอะ เพราะว่าเส้นทางเขาทำให้ง่ายต่อการเดิน เราไม่ต้องใช้อุปกรณ์รองเท้าแพงๆ เอาไว้เกาะ ขอแค่มีรองเท้ากีฬาดีๆ สักคู่ เสื้อแจ็กเกต อาหารจบ แล้วก็ปลอดภัยไม่อันตราย”

ขณะที่ฟังเชฟม้อเล่าเรื่องอย่างออกรส เราก็ชักอยากจะไปเยือนเคปทาวน์ให้ได้สักครั้ง

 

 

 

 

 

ตามรอยประวัติศาสตร์ เรียนรู้ชาติ ‘บังกลา’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 มกราคม 2559 เวลา 12:16 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407940

ตามรอยประวัติศาสตร์ เรียนรู้ชาติ 'บังกลา'

ดินแดนในภูมิภาคเบงกอลแห่งนี้ ได้พบหลักฐานจากเครื่องมือยุคหิน แสดงว่ามีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มานานกว่า 2 หมื่นปี ดินแดนแห่งนี้เคยมีความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ก่อนที่พ่อค้าชาวอาหรับได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ จนเป็นที่นับถือส่วนใหญ่ของชาวบังกลาเทศในปัจจุบัน  โดยในแต่ละยุค แต่ละสมัยก็จะมีความเจริญก่อตัวขึ้น และก็ถูกทดแทนด้วยอำนาจใหม่อย่างเป็นสัจธรรม คงเหลือไว้เพียงซากโบราณให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป

เมืองโบกราตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบังกลาเทศ มี “มหาสถาน” (Mahastan) อาณาจักรโบราณที่ถูกขุดค้นพบ และมีการศึกษาจนเชื่อว่านี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรปุนตรา (Puntra Kingdom) ซึ่งเคยรุ่งเรืองในสมัยเบงกอลโบราณ มีกำแพงป้อมปราการของมหาสถาน แสดงขอบเขตของพื้นที่อันกว้างขวาง สะท้อนถึงความมีอำนาจบารมีและความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ในสมัยนั้น

ปุนตรานาครา (Puntranagara) คือเมืองหลวงของอาณาจักร ซึ่งล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่ยาวสุดลูกหูลูกตา พื้นที่กว้างใหญ่ของป้อมมหาสถาน เคยถูกปล่อยให้รกร้างอยู่นานหลายปี ก่อนจะถูกค้นพบอย่างเป็นทางการ ซึ่งช่วงนั้นได้มีชาวบ้านเข้ามาตั้งบ้านเรือนและใช้พื้นที่เพื่อทำการเกษตรอยู่ก่อนแล้ว ทุกวันนี้ก็เลยมีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ อยู่ในเขตรั้วของป้อมปราการมหาสถาน ทำให้ดูแปลกตาไปจากโบราณสถานในประเทศอื่นๆ ภายในรั้วมีการค้นพบ วัด สถูป มัสยิด และหลุมศพอีกหลายจุด ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงถึงการเคยมีอยู่ของ 3 ศาสนา และการผลัดเปลี่ยนของราชวงศ์

สัมผัสประสบการณ์โฮมสเตย์พื้นบ้าน

 

ปัจจุบันนี้การขุดค้นในมหาสถานยังไม่สิ้นสุด จะเห็นได้จากการขุดค้นที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และยังเป็นการส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

นครสุเหร่าแห่งบาเกอฮัท (The mosque city of Bagerhat) อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่ที่เมืองบาเกอฮัท (Bagerhat) ในอดีตบาเกอฮัทเคยเป็นเมืองที่ถูกลืม ไม่มีอะไรโดดเด่น ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและเศรษฐกิจ ผู้คนจึงใช้เป็นทางผ่านไปมาเท่านั้น จนกระทั่ง UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้นครสุเหร่าแห่งบาเกอฮัทเป็นมรดกโลก ในฐานะที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมโบราณ จึงทำให้บาเกอฮัทเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด

อนุสรณ์สถานหรือหลุมศพของท่าน  Khan-e-Jahan เป็นนักบุญทางศาสนาอิสลามที่มีชื่อเสียง ในแต่ละวันจะมีคนมาสักการะสุสานอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากท่านผู้นี้คือผู้สร้างให้เมืองบาเกอฮัท กลายเป็นนครสุเหร่าที่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้

เด็กๆ ในหมู่บ้านปาฮาร์ปัวร์

 

นอกจากนี้ ภายในพื้นที่ของนครสุเหร่าโบราณมีการค้นพบอนุสรณ์สถานของศาสนาอิสลามกว่า 50 แห่ง และที่โดดเด่นที่สุด คือ สุเหร่า ชัท กัมบัด (Shat Gambud Mosque) หรือสุเหร่า 60 เสา 77 โดม ซึ่งนอกจากความเก่าแก่และแปลกตาแล้ว สถาปัตยกรรมยังสะท้อนถึงความคิดที่แปลกแตกต่างของมุสลิมในยุคนั้นด้วย การสร้างศาสนสถานให้ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ต้องมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าเป็นทุน เพราะต้องใช้ทั้งทุนทรัพย์ ​แรงกาย แรงใจ และต้องใช้ความอดทนเป็นเวลานาน

ปาฮาลปูร หรือปาฮาร์ปัวร์ (Paharpur) เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเนากวน ดิสตริก (Nagoan Distric) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบังกลาเทศ ห่างจากกรุงธากาประมาณ 300 กิโลเมตร แต่สภาพถนนไม่ค่อยดี รถยนต์ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ จึงต้องเสียเวลาในการเดินทางมาก อาจจะทำให้มีเฉพาะผู้ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์จริงๆ เท่านั้นที่เดินทางมา แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกมากกว่าการเห็นซากโบราณสถาน คือ การรับรู้ได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาของคนในสมัยนั้น

โสมาปุระ มหาวิหาร (Somapura Mahavira) คือ มหาวิหาร สร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิปาละ เรืองอำนาจเหนือเบงกอล ในช่วงศตวรรษที่ 8 ถึงศตวรรษที่ 12 เป็นหลักฐานสำคัญแห่งความรุ่งเรืองของพุทธศาสนานิกายมหายาน ในสมัยของพระเจ้าธรรมปาละ (Dharmapala Vikramshila) ถือเป็นยุคที่มีความมั่นคง และสงบสุขที่สุดช่วงหนึ่งของเบงกอล จึงมีการสร้างวัดวาอารามและสร้างงานศิลปะต่างๆ

แสงแรกของดวงตะวันส่องกระทบโสมาปุระ มหาวิหาร

 

นอกจากนั้น โสมาปุระ มหาวิหารแห่งนี้ เคยเป็นศูนย์กลางแห่งปัญญาของพระภิกษุ คือเป็นโรงเรียนสงฆ์ที่เคยให้การศึกษากับพระสงฆ์มานับไม่ถ้วน ส่วนยอดบนสุดจะมีห้องเรียนอยู่ 4 ด้าน สลับหมุนเวียนเรียนกันไป 4 ปี 4 ห้องจนจบหลักสูตร  นักโบราณคดีเชื่อว่านี่คือหนึ่งในความสำเร็จทางสถาปัตยกรรมของโลก เพราะภายใต้รูปทรงที่ดูเรียบง่ายและสอดประสานกันนั้น เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้งานตามหลักศาสนาอย่างสมบูรณ์แบบ

ช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการชมปาฮาร์ปัวร์ คือยามที่แสงแรกของดวงตะวันส่องกระทบมหาวิหาร แต่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องตื่นมารอแต่เช้ามืด ซึ่งจะต้องพักค้างคืนที่นี่ แต่ปัญหาคือ ที่นี่ก็ยังไม่มีโรงแรมไว้บริการนักท่องเที่ยว นั่นจึงทำให้เกิดการบริการโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นบ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับมหาวิหาร  การให้บริการโฮมสเตย์เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานมานี้ อันเป็นผลมาจากความพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น แต่ปัจจุบันก็มีเพียงบ้าน 6 หลังเท่านั้น ที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากที่พักแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้รับโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์ การใช้ชีวิตแบบบังกลาเทศพื้นบ้านของแท้ๆ เลย

โดยส่วนใหญ่บ้านของชาวบังกลาเทศจะไม่สร้างสูงเท่าไหร่นัก เพราะด้วยเทคนิคการก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อน และวัสดุไม่ได้แข็งแรงมากพอที่จะสร้างหลายๆ ชั้น  แต่ที่สำคัญเจ้าบ้านเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ และให้เกียรติผู้มาพักเป็นอย่างดี และเปิดโอกาสให้แขกผู้มาเยือนได้เรียนรู้วิถีความเป็นอยู่ของเขาในทุกๆ ด้าน

บรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านปาฮาร์ปัวร์มีเสน่ห์ไม่แพ้ความงามของโสมาปุระ มหาวิหาร เพราะการแสดงออกถึงความเป็นมิตรที่สังเกตเห็นได้ผ่านแววตาใสซื่อ แม้บางครั้งจะไม่เปิดเผยรอยยิ้มออกมาตรงๆ ก็ตาม แต่ก็รู้สึกได้ว่าพวกเขาพร้อมจะหยิบยื่นมิตรภาพให้เราอย่างไม่มีเงื่อนไข

ที่นี่ไม่มีห้างร้านทันสมัย ไม่มีสวนสนุก หรือแหล่งบันเทิง และชีวิตในแต่ละวันก็ไม่ได้มีอะไรให้เพลิดเพลินนัก ดังนั้น เมื่อมีงานรื่นเริงประจำปีของหมู่บ้าน จึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสนุกสนาน บรรยากาศชวนให้นึกถึงงานวัดบ้านเราได้เหมือนกัน

แม้ว่าบังกลาเทศจะไม่ได้เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ แต่ก็มีความหลากหลายพอสมควร  สีสันความวุ่นวายในกรุงธากาเป็นเพียงมุมหนึ่งของประเทศนี้ เฉกเช่นเดียวกับวิถีชีวิตชนบทที่เรียบง่ายของปาฮาร์ปัวร์ ก็เป็นอีกมุมหนึ่งเท่านั้น ซึ่งประเทศนี้ยังมีแง่มุมอื่นๆ ให้ได้ทำความรู้จักกันอีกมาก และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางรายการโลก 360 องศา ทางช่อง 5 วันเสาร์3 ทุ่มครึ่งโดยประมาณ

 

Travel Update

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 มกราคม 2559 เวลา 12:11 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407938

Travel Update

โดย…กาญจนา

เวลล์ สุขุมวิท 20 ฉลองเปิดใหม่

โรงแรมเวลล์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท 20 ประกาศเปิดให้บริการวันแรกไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมราคาพิเศษห้องสุพีเรียร์ 2,750 บาท ห้องดีลักซ์ 3,250 บาท และห้องเอ็กเซ็กคิวทิฟสวีท 7,250 บาท โรงแรมเวลล์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท 20 ออกแบบสไตล์คลาสสิกทวิสต์ นำความเก่าผสมใหม่ เน้นโทนสีขาว ดำ เทา และทอง ห่างจากสถานีบีทีเอสอโศก 7 นาทีด้วยการเดินเท้า สำรองห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 2559 เข้าพักได้ถึงวันที่ 31 ต.ค. 2559 สำรองห้องพักได้ที่อีเมล rsvn@wellhotelbangkok.com

 

โซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา จองล่วงหน้าลด 20%

สัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนกับสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท พร้อมส่วนลด 20% จาก Best Unrestricted Rate ราคาเริ่มต้นที่ 6,705 บาท สำหรับการจองห้องพักและชำระเงินล่วงหน้าตั้งแต่ 30 วันเป็นต้นไป ตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 2559 สำรองห้องพักโทร. 075-627-800 เว็บไซต์ www.sofitel.com/6184

 

วันดีดีที่บางแสนเฮอริเทจ

เติมความสุขในวันพักผ่อนกับแพ็กเกจวันดีดี ณ โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ จ.ชลบุรี ห้องพักลดราคากว่า 45% จองห้องพักสุพีเรียร์ 2 วัน 1 คืน ราคา 2,500 บาท (จากปกติ 4,331 บาท) หรือ 3 วัน 2 คืน ราคา 4,200 บาท (จากปกติ 7,862 บาท) พร้อมรับบัตรสมนาคุณสำหรับใช้บริการอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 500 บาท และบัตร BS Prestige จำนวน 1 ใบ มูลค่า 300 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค. 2559 จองที่ www.bs-heritagehotel.com

 

สวิส โฮเต็ล เลอคองคอร์ด กรุงเทพฯ ออกแพ็กเกจชมวาฬบรูด้า

เปิดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับแพ็กเกจห้องพัก 2 คืน ที่โรงแรมสวิส โฮเต็ล เลอคองคอร์ด กรุงเทพฯ พร้อมเดินทางชมวาฬบรูด้า ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ในเดือน ธ.ค.-ม.ค. แพ็กเกจประกอบด้วยห้องพักระดับพรีเมียร์ รถรับส่งจากโรงแรมไปยังท่าเรือ โดยจะออกเดินทางจากโรงแรมเวลา 06.00 น. กลับถึงโรงแรมเวลา 20.00-21.00 น. กล่องอาหารกลางวัน เครื่องดื่ม และน้ำดื่มให้บริการขณะล่องเรือ ตั๋วล่องเรือดูวาฬสำหรับ 2 ท่าน พร้อมเรือชมวาฬ กัปตัน พนักงานผู้ดูแล และนักธรรมชาติวิทยาทางทะเล จองโทร. 02-694-2222

 

ฉลองตรุษจีนที่ อมารี ภูเก็ต

อมารี ภูเก็ต ชวนพักผ่อนริมชายหาดช่วงเทศกาลตรุษจีน 2559 กับโปรโมชั่น ไชนีสนิวเยียร์แพ็กเกจ ประกอบด้วย ห้องพัก 4 วัน 3 คืน รถรับ-ส่งสนามบิน ฟรีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ฟรีดินเนอร์มื้อแบบบุฟเฟ่ต์อาหารจีนในคืนวันที่ 8 ก.พ. 2559 พร้อมการแสดงบนเวที ราคาเริ่มต้น 26,010 บาท สอบถามโทร. 076-340-106-14 ต่อ 8033 และ 8034

 

เรด แพลนเนต สุรวงศ์ ที่พักราคาประหยัด

เรด แพลนเนต โฮเต็ลส์ (Red Planet Hotels) เปิดตัวโรงแรมใหม่ล่าสุดที่กรุงเทพฯ ชื่อ เรด แพลนเนต สุรวงศ์ ให้บริการห้องพัก 201 ห้อง ดีไซน์ทันสมัย มีคอมพิวเตอร์บริการฟรีที่ล็อบบี้ พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรี เริ่มต้นคืนละ 999 บาท สำรองห้องพักโทร. 02-613-5888

 

เชียงใหม่ฮิตที่สุดช่วงสิ้นปี

ผลการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวบน Hotels.com ในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาสและปีใหม่เผยว่า สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต 3 อันดับแรกที่ถูกค้นหามากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่ โตเกียว และโอซากา ซึ่งเชียงใหม่ยังคงครองแชมป์เมืองที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะเดียวกันสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดทะเลก็ได้รับความนิยม เช่น พัทยา หัวหิน กระบี่ และชะอำ ค้นหาที่พักหลายแสนแห่งจากกว่า 200 ประเทศทั่วโลกได้ที่ Hotels.com

 

ทิพาภรณ์ โชควัฒนา การเดินทางสายดอกไม้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 มกราคม 2559 เวลา 12:08 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407937

ทิพาภรณ์ โชควัฒนา การเดินทางสายดอกไม้

โดย…รอนแรม

ผู้หญิงหมายเลข 1 ของบอสใหญ่แห่งบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล เล็ก-ทิพาภรณ์ โชควัฒนา นอกจากจะเป็นผู้บริหารบริษัทความสวยความงาม เธอยังหลงใหลสิ่งสวยงามอย่างดอกไม้จนต้องเนรมิตที่ดินกว่า 40 ไร่ ที่เขาใหญ่ให้เป็นอาณาจักรเคนซิงตันเหมือนพระราชวังเจ้าหญิงไดอานา ประเทศอังกฤษ สถานที่ที่เธอโปรดปรานและมีวันวานที่น่าจดจำ

เคนซิงตัน เขาใหญ่ & ลอนดอน

ถ้าพูดเป็นภาษาวัยรุ่นอาจกล่าวได้ว่า ทิพาภรณ์เป็น “ติ่ง” เจ้าหญิงไดอานา เธอศึกษาประวัติ สะสมภาพถ่าย และชอบไปตามสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเจ้าหญิง โดยเฉพาะพระราชวังเคนซิงตัน ประเทศอังกฤษ เธอเล่าว่า แม้พระองค์จะสวรรคตไปแล้ว แต่ภายในพระราชวังยังมีเรื่องราว เสื้อผ้า สิ่งของต่างๆ คนที่รักเจ้าหญิงจะมาชมนิทรรศการ และชมสวนไฮปาร์กที่ตั้งของพระราชวัง

“เวลาคิดถึงอังกฤษ จะคิดถึงเจ้าหญิงไดอานาเป็นอันดับแรก” ทิพาภรณ์ กล่าว ทำให้เป็นแรงบันดาลใจสร้างโรงแรมและสวนเคนซิงตันที่เขาใหญ่ โดยเริ่มสร้างโรงแรม จากนั้นสร้างวัดบุญราศี นิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง เขาใหญ่ (โบสถ์คาทอลิก) เพราะที่อังกฤษถ้าเมืองไหนเจริญเมืองนั้นต้องมีโบสถ์ ต่อด้วยคอนโดมิเนียม 2 ชั้น ขนาด 32 ห้อง ชื่อว่า วิลเลี่ยมกับเคท คลับ เฮาส์ โครงการบ้านเดี่ยวขายพร้อมที่ดิน และที่ขาดไม่ได้คือ สวน ซึ่งเมื่อทุกโซนสมบูรณ์ที่นี่ก็จะกลายเป็นเมืองๆ หนึ่งไม่ต่างจากประเทศอังกฤษ

 

“มันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะพื้นที่ด้านหน้าที่จะสร้างสวนเป็นพื้นที่ที่ต่ำที่สุด ซึ่งลักษณะไปเหมือนกับสวนเคนซิงตันหน้าพระราชวังเจ้าหญิงไดอานาพอดี ที่นั่นสวนอยู่บนพื้นลาดลงไปมีบันไดเดินลงสวน มีบ่อน้ำ มีต้นปาล์มอยู่สี่มุม ซุ้มทางเดินดอกไม้”

ทิพาภรณ์ตั้งใจสร้างสวนของเธอให้เหมือนที่เคนซิงตัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันบ้างให้เข้ากับเมืองไทย โดยเฉพาะพันธุ์ดอกไม้ที่ไม่ฝืนปลูกเลียนแบบ แต่หาพันธุ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ การออกแบบบ้านเดี่ยวก็อิงกับสถาปัตยกรรมอังฤษในยุคที่อังกฤษเริ่มทำการค้าจากจีน มีการนำเหล็กมาใช้ในโครงสร้างที่เห็นชัดคือระเบียงตามชั้นต่างๆ ทำจากเหล็กดัดสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านอังกฤษยุคก่อน

 

“สมัยตอนเรียนอยู่ที่อังกฤษจะเดินจากที่พักไปมหาวิทยาลัย ก็จะผ่านสวนและบ้านที่มีเหล็กดัดสวยๆ อะไรที่ทำให้ระลึกถึงอังกฤษเราก็อยากจะใส่เข้าไปในเมืองของเรา”

ฟังทิพาภรณ์เล่าถึงจุดนี้ก็เกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมเธอถึงผูกพันกับประเทศอังกฤษนัก ทั้งที่เคยไปเรียนที่ลอนดอนเพียง3ปี แต่ทว่ากลับผูกพันมาก

“คุณบุญเกียรติ (บุญเกียรติ โชควัฒนา-สามี) เคยแซวว่าชาติที่แล้วคงเกิดอยู่อังกฤษ” เธอกล่าวติดตลก ซึ่งถ้าจะหาคำตอบก็คงเป็นความชอบส่วนตัวของผู้หญิงที่หลงใหลดอกไม้อย่างเธอ

“ที่นั่นไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิจะสวยงามที่สุด ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะเห็นดอกไม้ เขาขยันปลูก จัดสวนตามสี ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเนี้ยบตามสไตล์คนอังกฤษ ทำให้แค่เดินชมก็รู้สึกว่ามีความสุข”

 

สวนเคนซิงตันที่เขาใหญ่มีขนาด 3 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 100 กว่าไร่ ที่นี่เป็นมากกว่าสวนดอกไม้ เพราะได้เพิ่มเติมลูกเล่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเขาวงกต ศาลาชมสวน ร้านอาหารเคนซิงตัน เทอเรซ คิทเช่น และจุดถ่ายภาพเพื่อนักท่องเที่ยว

“ดอกไม้เมืองไทยที่คล้ายกับประเทศอังกฤษมีเยอะ ที่เราเลือกเฟื่องฟ้าเพราะลักษณะและสีสันเหมือนดอกโรโดเดนดรอน (Rhododendron) หรือดอกบลูซัลเวียที่ทนแดดและฝนได้ดีทดแทนดอกลาเวนเดอร์ ที่สำคัญเราอยากให้มาชมสวนเยอะๆ มาชมศิลปะการจัดสวนแบบอังกฤษที่ไม่ได้หาชมได้ง่ายๆ”

วัตถุประสงค์อีกอย่างของการสร้างอาณาจักรเคนซิงตันคือ ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม เพราะเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ คริสต์ศาสนิกชนสามารถเดินทางมามิสซาวันอาทิตย์ที่โบสถ์ โดยทุกอาทิตย์จะมีบาทหลวงมาทำพิธีมิสซาตอน 11 นาฬิกา ชาวบ้านที่เป็นคาทอลิกและนักท่องเที่ยวสามารถมาร่วมพิธีได้

ชีวิตหลังเกษียณ

ถ้าพูดถึงวัยเกษียณ ทิพาภรณ์ผ่านช่วงอายุนั้นมากว่า 10 ปี แต่ก็ยังหยุดทำงานไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะดูแลธุรกิจเครื่องสำอาง เธอยังดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการสวนเคนซิงตัน การ์เด้น เขาใหญ่

เธอกล่าวว่า เหตุที่เลือกเขาใหญ่ เพราะบรรยากาศทดแทนประเทศอังกฤษได้ แม้จะไม่เหมือนทั้งหมด แต่ก็มีดินดีที่สามารถปลูกดอกไม้ได้สวยงาม

“ทีแรกมีความตั้งใจไว้ว่า ถ้าเกษียณอายุจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษ ไปอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่เราชอบ แต่พอมาเจอที่ดินที่เขาใหญ่ เราคิดว่ามันทดแทนกันได้ แถมสบายกว่าที่อังกฤษอีก เพราะอากาศไม่หนาวเกินไป เขาใหญ่จะอากาศดีตลอดปี แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนพอแดดร่มลมตกก็จะมีลมสบายพัดให้ไม่ร้อน ส่วนหน้าหนาวก็จะหนาวมากๆ แบบต้องใส่เสื้อเฟอร์” ส่วนประเทศอังกฤษเธอก็เก็บเป็นสถานที่สุดโปรดที่จะไปเยี่ยมเยียนยามคิดถึงเจ้าหญิงไดอานา

โลกของทิพาภรณ์

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ เธออยากให้ใบนั้นเป็นแบบเมืองเคนซิงตันที่เขาใหญ่ “ขอแค่มีบ้านที่อยู่สบายๆ ไม่ต้องใหญ่โตหรูหรา สิ่งสำคัญคือ มีสวนดอกไม้บนสถานที่ที่ปลูกดอกไม้ได้สวยๆ เพราะนิสัยส่วนตัวเวลาปลูกต้นไม้แล้วเห็นมันเหี่ยวจะไม่ค่อยสบายใจ แต่ที่เขาใหญ่ปลูกได้ทุกอย่าง ทั้งต้นไม้สวย ต้นไม้อร่อย อีกอย่างคืออากาศที่ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ เหมือนเป็นโลกในฝันที่เคยคิดไว้ไม่ต้องไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ” หรือกล่าวได้ว่าเธอสร้างโลกในฝันให้เกิดขึ้นจริงได้สำเร็จ

สวนเคนซิงตัน เขาใหญ่ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. โทร. 09-8835-0581

 

หลง…กะลอว์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

02 มกราคม 2559 เวลา 12:01 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407934

หลง...กะลอว์

โดย…กาญจน์ อายุ

หลังจากพาไป เหล่…อินเล เมืองทะเลสาบแห่งรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ภาคต่อวันนี้ยังอยู่ในรัฐเดิมแต่เปลี่ยนมา หลง…กะลอว์ (Kalaw) เมืองบนภูเขาที่ได้รับสมญานามว่า สวิตเซอร์แลนด์ แห่งเมียนมา

ต้องเท้าความก่อนว่าการเดินทางจากย่างกุ้งสู่อินเลต้องผ่านเมืองกะลอว์จึงได้เห็นเมืองนี้แวบๆ จากหน้าต่างรถ เวลานั้นตรงกับคืนวันเพ็ญฤกษ์ยามดีที่ชาวบ้านจะออกมาแห่เครื่องสังฆทานนำไปถวายวัด กลายเป็นว่าผลของงานบุญทำให้รถทัวร์ติดไปกับขบวน เคลื่อนที่ได้นาทีละเมตร

ช่วงสิบนาทีแรกคนบนรถยังโยกไปกับเพลงแดนซ์ที่ดังเข้ามา ยังหัวเราะไปกับท่าเต้นสุดเหวี่ยงของหนุ่มสาวกะลอว์ แต่นั่นก็เพียงสิบนาทีแรก เพราะหลังจากนั้นทุกคนเริ่มยุกยิก มองนาฬิกา ชะเง้อดูกระจกหน้าที่ไม่มีทีท่าจะโล่ง แต่จังหวะที่กำลังพิจารณาสถานการณ์ด้านนอกก็เพิ่งสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง ไม่สิ หลายสิ่งทีเดียว ทั้งหมวกไหมพรม ถุงมือ เสื้อกันหนาว ที่ครอบหู ผ้าพันคอ เห็นดังนั้นจึงทาบมือกับกระจก หนาว! หมายความว่าอุณหภูมิในรถ 22 องศา ยังอุ่นกว่าข้างนอกนัก นั่นคือความประทับใจแรกที่มีกับกะลอว์

สายหมอกและแสงแดดยามเช้า

 

สรุปว่าเย็นวันนั้นไม่มีใครสามารถจัดการจราจรในเมืองได้ คนบนรถทัวร์จึงต้องนอนรอให้รถเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ส่วนคนขับบีบแตรซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแว่วหู เหตุการณ์ในวันนั้นหลายคนคงบ่นกะลอว์อยู่ในใจ แต่ก็ยังมีฉันที่อยากกลับมาหาเร็วๆ

สัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องราวจบลงที่ยองชเวย่านที่พักในอินเล จากตรงนั้นต้องเหมาตุ๊กตุ๊กมายังท่ารถ พนักงานเกสต์เฮาส์บอกว่าไม่มีตั๋วรถจากอินเลไปกะลอว์ขาย เพราะมันเป็นเมืองทางผ่านที่จะไปย่างกุ้ง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่คนต่างถิ่นที่รู้จักแค่คำว่า มิงกะลาบา ก็ยังแอบหวั่นใจเพราะกลัวจะสื่อสารกับคนที่ท่ารถไม่รู้เรื่อง และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ท่ารถที่ว่าเป็นเพิงข้างถนน ป้ายทุกอย่างมีแต่ภาษาเมียนมา ทำให้ภาษาอังกฤษที่ร่ำเรียนมาไม่มีผลต่อบทสนทนาคราวนี้ แต่ดีที่มีคัมภีร์อยู่ในมือจึงเปิดโลนลี่แพลนเน็ตไปหน้ากะลอว์ให้เขาอ่านชื่อเมืองภาษาเมียนมา จากนั้นเราก็คุยภาษามือผสมอังกฤษผสมเมียนมาเป็นอันว่าต้องรอรถที่มีเบาะว่าง ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่ารถคันนั้นจะมาเมื่อไหร่ ความสนุกในการเดินทางมันอยู่ตรงนี้ ตรงที่ไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดหมายหรือไม่ แต่รู้สึกสนุกระหว่างทางไปแล้ว

ร้านตัดเสื้อผ้า อีกโซนของตลาดสด

 

ในขณะที่มองรถตู้ผ่านไปไม่รู้กี่คัน เถ้าแก่ดูไม่สนใจหารถให้ เขาคุยโทรศัพท์ วางโทรศัพท์ ตะโกนสั่งลูกน้อง หยุดม้วนหมาก แล้วกลับมารับโทรศัพท์ แต่ก่อนที่ความกังวลจะล้นออกมา เถ้าแก่ก็ลุกจากเก้าอี้ไปที่รถตู้คันที่เพิ่งมาจอด เขาและคนขับรถคุยกันสักครู่แล้วหันมากวักมือเรียกให้ไปขึ้นรถ ปรากฏว่าที่นั่งเต็ม แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนกะพริบตาแล้วภาพเปลี่ยนไป คนในรถแสนจะมีน้ำใจกระเถิบจนไหล่เกยคนข้างๆ เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับคนแปลกหน้า

จากอินเลไปกะลอว์ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แต่รู้สึกเหมือนไม่นานขนาดนั้น เพราะวิวสองข้างทางมองเพลินทั้งภูเขา แปลงผัก แปลงดอกไม้สีเหลืองที่มาทราบภายหลังว่ามันคือ ลิตเติ้ล ซันฟลาวเวอร์ หรือทานตะวันขนาดเล็ก เลี้ยงไว้เก็บเมล็ดไปทำน้ำมัน และโชคดีที่คุณยายคนข้างๆ เมารถเลยเปิดกระจกให้ลมเข้ามา เลยได้สัมผัสแอร์ธรรมชาติที่สดชื่นกว่ามาก

เมื่อรถวิ่งไปได้ประมาณชั่วโมง วิวสองข้างทางจะเปลี่ยนจากแปลงเกษตรเป็นป่าสน ตอนแรกไม่ทันเอะใจจนเห็นป้าย Welcome to Pinewood Land ขอต้อนรับสู่ดินแดนต้นสน นั่นหมายความว่า รถแล่นเข้าสู่เมืองกะลอว์อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยลมที่พัดเข้ามาเย็นลงจนคัดจมูก คนในรถเริ่มผูกผ้าพันคอที่พกมา ในใจคิดถึงสมญานามเมืองกะลอว์ สวิตเซอร์แลนด์ของเมียนมา กำลังเผยตัว

แม่ค้าขายกล้วยไม้ในตลาด

 

รถตู้ไปจอดที่ท่ารถใหญ่ในเมืองกะลอว์ สิ่งแรกที่ทำก่อนหยิบแผนที่ คือ หยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ทับ อากาศที่อินเลกับกะลอว์น่าจะต่างกันถึง 5 องศา ในช่วงกลางวัน เมืองนี้หาที่พักได้ง่ายๆ มีทั้งแบบห้องพักบนตึกแถวที่เหล่าแบ็กแพ็กเกอร์นิยมเพราะราคาถูกและอยู่ใกล้ตลาด และอีกแบบคือ รีสอร์ท จำลองแบบบ้านสวิตเซอร์แลนด์ จะอยู่ห่างจากตัวเมืองไปบนเนินเขาเพื่อให้เห็นวิวป่าสนและภูเขาที่ล้อมเมือง ราคาห้องพักประมาณ 1,500-2,000 บาท ภายในห้องไม่มีพัดลม ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศเย็นตลอดปีโดยเฉพาะเดือนนี้ถึงเดือน ก.พ.อุณหภูมิจะเหลือเพียง 5-10 องศา ซึ่งกลางวันกับกลางคืนอุณหภูมิต่างกันถึง 20 องศา

กะลอว์เป็นเมืองบนภูเขาชานโยที่ถูกล้อมด้วยภูเขาอีกที ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พักตากอากาศของทหารอังกฤษสมัยยังเป็นเจ้าอาณานิคมจนมีคนไปเปรียบเทียบว่า ถ้าฝรั่งเศสยึดเวียดนามแล้วมีซาปา อังกฤษยึดเมียนมาก็มีกะลอว์ แต่ทุกวันนี้มันคือที่พักตากอากาศของคนเมียนมาและที่เที่ยวของแบ็กแพ็กเกอร์ แทบไม่มีบริษัททัวร์พามาเพราะกะลอว์ไม่มีสนามบินและอยู่ไกลจากทั้งย่างกุ้งและมัณฑะเลย์

ชาวกะลอว์มีอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกดอกไม้เมืองหนาว กะหล่ำปลีอโวคาโด ดอกทานตะวันเล็ก ถ้าอยากเห็นว่าพืชผักผลไม้อวบอิ่มน่ากินแค่ไหนต้องไปเดินตลาด เป็นตลาดแห่งเดียวในเมืองที่ขายทุกอย่างทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และขายราคาตามที่ชาวบ้านซื้อ ซึ่งอาจจะสื่อสารกันยากหน่อย บางคนอ่านเลขอาระบิกไม่เข้าใจเราก็แค่ยื่นเงินให้เขาหยิบ นั่นคือความเชื่อใจที่ชาวเมียนมายังมีเสมอ

แม่ค้าขี้อายขายผลไม้เมืองหนาว

 

ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆ จะเป็นวัด ถ้าถามข้อมูลจากที่พักจะมีรายชื่อวัดให้เลือกเป็นตับพร้อมราคาเหมารถแท็กซี่ ถ้าถามคนพื้นที่จะแนะนำไม่กี่แห่งเหมือนที่โลนลี่แพลนเน็ตบอกไว้ ที่แรกคือ ถ้ำพินดายา (Pindaya Cave) ถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูปกว่า 8,000 องค์ จากชาวบ้านที่นำมาถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมาคือ ไปสักการะพระพุทธรูปไม้ไผ่สาน (Nee Paya) ภายในวัดพินมากอง (Pinmagon Monastery) และขึ้นเขาไปไหว้เจดีย์ ชเว อู มิน(Shewe Oo Min Paya) ที่มีเจดีย์และพระพุทธรูปนับพันองค์อยู่บนภูเขา นอกจากนี้นักท่องเที่ยวฝรั่งจะชอบเดินป่า มีเส้นทางเดินจากกะลอว์ไปอินเลโดยค้างแรมในป่า 1 คืน และเส้นเทรลธรรมชาติแบบหนึ่งวัน

สำหรับคนเมืองร้อนจากสยามจะตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ตก เพราะนอกจากฟ้าหน้าหนาวจะสวยตะลึง ความหนาวแบบเฉียบพลันยังทำให้มีความสุขฉับพลัน ใครจะไปเชื่อมาเที่ยวเมียนมาแล้วต้องใส่เสื้อสามชั้น ใส่ถุงเท้าซ้อนกันสองคู่ และต้องขอผ้าห่มเพิ่มอีกผืน เข้าใจแล้วว่าทำไมบนรถทัวร์วันนั้น ชาวบ้านถึงต้องใส่เครื่องกันหนาวแบบจัดเต็มเหมือนกับอยู่สวิตเซอร์แลนด์ และเข้าใจแล้วว่าทำไมกะลอว์ถึงถูกเรียกว่าเมืองพักตากอากาศ เพราะสิ่งที่อยากทำที่สุดคือแค่ตากตัวเองไว้กลางอากาศดีๆ เท่านั้นเอง

พืชผักสดๆ

 

ขากลับบ้านเกิดเลือกได้สองเมืองว่าจะไปขึ้นเครื่องบินกลับที่มัณฑะเลย์หรือย่างกุ้ง ย่างกุ้งจะไกลกว่ามีทั้งรถบัสช่วงกลางวันและดึกข้ามคืน ใช้เวลาประมาณ 8-10 ชม. และเห็นมีนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วไปพุกาม นั่นก็เป็นอีกวิธี ถ้าอยากไปเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน

ในเมื่อตอนนี้เมียนมาให้ฟรีวีซ่าแก่คนไทย 14 วัน ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งทริปยอดนิยมอย่างชเวดากอง-อินแขวน ชมทะเลเจดีย์ที่พุกาม ล่องทะเลสาบอินเล หรือทริปย่างกุ้ง-อินเล-กะลอว์-ย่างกุ้ง ที่กำลังกล่าวถึง ต้องพูดยั่วตั้งแต่ตอนนี้ว่าควรไปกะลอว์เสียก่อนที่มันจะดัง อยู่สักสองวันแล้วค่อยคิดว่าจะไปต่อหรืออยู่ต่อดี

บ้านเมืองเรียบง่าย

 

นมร้อนใส่ถุง

 

ร้านขายอาหารตามสั่ง ชอบที่มีเบาะนั่งบริการ

 

จับจ่ายยามเช้า

 

ร้านตัดผมริมถนน

 

วัตถุดิบทำอาหารเช้า

 

ตลาดกะลอว์อยู่ใจกลางเมือง

 

สิงคโปร์ทไวไลท์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

27 ธันวาคม 2558 เวลา 11:18 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407059

สิงคโปร์ทไวไลท์

โดย…อ.ตากวาง ภาพ ปรียวรรณ

เรียน อาจารย์ตากวาง

ส่งภาพสีสันยามค่ำคืนและยามเช้ามืดของสิงคโปร์มาฝากค่ะ 😀

ปรียวรรณ

 

 

 

บราซิล-เปรูสวย มหัศจรรย์น่าค้นหา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

27 ธันวาคม 2558 เวลา 10:13 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/407037

บราซิล-เปรูสวย มหัศจรรย์น่าค้นหา

โดย…อณุสรา  ทองอุไร ภาพ สุรีรัตน์ ปานพรหม/สกลพล กาญจนศักดิ์ศจี

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดไม่มีใครรู้ได้ จนกว่าที่เราจะได้ย่างเท้าก้าวออกไปสัมผัสและเห็นด้วยตาของตนเอง เช่นเธอคนนี้ สุรีรัตน์ ปานพรหม ผู้จัดการฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ เธอเล่าว่า ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ป่าอะเมซอนเมื่อหลายปีก่อนกับเพื่อนช่างภาพและเพื่อนนักเขียนอีก 3-4 คน ทั้งไปเที่ยวและทำงานไปในคราวเดียวกัน ที่เลือกไปเที่ยวป่าดงดิบของประเทศบราซิล เพราะเพื่อนอยากไปเที่ยวถ่ายรูปและได้ข้อมูลมาเขียนสารคดีด้วย ก็เลยเลือกไปประเทศแปลกๆ ที่คนไทยยังไม่นิยมไปเที่ยวกัน

เธอและเพื่อนๆ ออกเดินทางจากประเทศไทยไปแวะที่ประเทศบราซิลและนอนที่เมืองเซาเปาโลก่อน 1 คืน ใช้เวลาบินประมาณเกือบ 30 ชั่วโมง โดยเครื่องจะแวะเติมน้ำมันที่ประเทศแอฟริกาใต้ให้พัก 2 ชั่วโมง จากนั้นบินต่อไปยังเมืองวาริก (Varig) ของบราซิล

สุรีรัตน์ ปานพรหม

 

เพื่อจะต่อเครื่องไปยังเมืองมะเนาซ์ เมื่อถึงเมืองมะเนาซ์คณะของเธอก็ไปเดินตลาดสด เดินชมบ้านดูเมือง ซึ่งตลาดของที่นี่จะมีร้านขายของเกี่ยวกับพวกวูดู ของเกี่ยวกับความเชื่อแนวไสยศาสตร์มากมาย แม้จะเป็นตลาดสด ตลาดผลไม้ก็ตาม

เธอไปเจอปลาช็อกเกอร์ที่ดูดกับกระจกเต็มไปหมด คนที่นั่นเขากินกัน ผลไม้ที่นี่สดและอุดมสมบูรณ์มาก กล้วยจะลูกใหญ่ หวีใหญ่มาก กลางวันชมเมืองชมตลาด เมืองนี้มีท่าเรือที่จะเข้าไปสู่อะเมซอนด้วย

 

ส่วนกลางคืนเราก็ไปโรงละครโอเปร่า ซึ่งใหญ่โตมาก หรูหรา เขานิยมเพลงคลาสสิก แม้ที่เมืองมะเนาซ์จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่โรงละครที่นี่ใหญ่โตสวยหรูมาก ถือว่าเป็นเมืองที่มีอารยธรรม

วันรุ่งขึ้นเรานั่งเรือเพื่อเข้าไปชมป่าอะเมซอน แล่นเรือเข้าไปในแม่น้ำที่สองข้างทางเป็นป่าเขียวทึบ แม่น้ำนี้สีเหมือนน้ำโค้กเลย คนขับเรือบอกว่าเพราะมีแร่ธาตุสูง อุดมสมบูรณ์มาก ตลอดป่าที่คณะแล่นเรือผ่านเข้าไปนั้นมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นมาก ขนาดต้นไม้จมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งต้นก็ยังไม่ตายเพราะแร่ธาตุเยอะมาก

ลามา หรือ ลามะ คือสัตว์พื้นเมืองของชนเผ่าอินคา

 

พอขึ้นเรือเสร็จคณะก็ไปพักที่โรงแรมอาลิอาอู เป็นโรงแรมบนต้นไม้ กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ ตัวโรงแรมเชื่อมต่ออยู่กับธรรมชาติ มีสัตว์หลายชนิด ทั้ง ลิง นกแก้วมาคอว์ เกาะอยู่ตามราวสะพานสีสันสดใส กลมกลืนไปกับธรรมชาติ

“เราพักอยู่ที่นี่ 6 วัน แต่ละวันก็มีกิจกรรมตลอด เช่น บางวันไปจับจระเข้ เขาเรียกว่าไคมาน ไม่ดุเท่าไหร่ บางวันตอนกลางคืนก็นั่งเรือหางยาวไปในสวน ไกด์ก็จับจระเข้โชว์เฉยเลย แต่จระเข้จะตัวไม่ใหญ่มาก ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ต้องโชว์เลย วันอื่นๆ ก็ไปตกปลาปิรันยา ไปเดินป่าดูต้นไม้ จับปลามาเสร็จเย็นๆ ก็เอามาทอดให้เรากินเลย รสชาติก็เหมือนปลานิลบ้านเรา ผลไม้ก็เด็ดกินจากในป่าได้เลย กลางวันเราก็ออกไปถ่ายรูปในป่ากัน ไปดูสัตว์หายากแปลกๆ ไปจับตัวสล็อต จับงูเหลือมมาโชว์ให้ถ่ายรูป งูตัวใหญ่เบ้อเริ่มห้อยอยู่ตามต้นไม้ เรือก็แล่นเฉียดไป พวกเราก็ตื่นเต้นหวาดเสียว พอพวกเราหิวน้ำไกด์ก็ให้เราลองกินน้ำจากเถาวัลย์ต้นอวบๆ ซึ่งคนพื้นเมืองเขาก็กินแบบนั้น รสชาติก็เหมือนน้ำฝน ไม่เคยใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติเช่นนี้มาก่อนเลย เป็นการทัวร์ป่าแบบเต็มรูปแบบจริงๆ”

แม่น้ำอูรูบัมบา

 

เดินลึกเข้าไปในป่าก็เจอหมู่บ้านหนึ่ง มีเด็กๆ กำลังเล่นฟุตบอล แสดงว่าคนที่นี่เขามีฟุตบอลอยู่ในสายเลือดทุกคนเลย แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กกลางป่ายังมีสนามฟุตบอลเล่นกันเป็นเรื่องเป็นราว มีรูปนักฟุตบอลแขวนไว้ตามหน้าบ้านด้วย

“ตอนที่พวกเราไปถึงเขากำลังจัดงานแซมบ้ากันอยู่ ก็ชวนพวกเราออกมาเต้น เขาสนุกสนานคึกคักกันมาก มีวงดนตรีพื้นเมืองเป็นเรื่องเป็นราวมาก เป็นทริปที่ประทับใจมาก ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งเราจะได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ กินอยู่แบบชาวพื้นเมือง อยู่ท่ามกลางป่าอะเมซอนจริงๆ อยู่ที่นี่ 6 วัน ไม่มีเหงานะ มีเรื่องให้ออกไปทำทุกวัน สนุกมากค่ะ” เธอเล่าพร้อมรอยยิ้ม

โบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัส เมืองคุสโก เปรู

 

หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกลับเข้ามาที่เซาเปาโลและบินต่อไปยังเมืองลิมา ประเทศเปรู เมืองนี้ไม่เคยมีฝนตกมาเลยในช่วงหลายปีมานี้ ทั้งที่อยู่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศก็เย็นสบายกำลังดี เราไปกันช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. อยู่ที่ลิมา 2 วัน

เธอบอกว่าแปลกใจมากว่าที่เมืองลิมานี้มีพีระมิดและมัมมี่ด้วย มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเกี่ยวกับมัมมี่เยอะเลย เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง คณะนี้จึงเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์กันเยอะมาก แล้วได้ไปเจอนางงามเปรูด้วย เขามาที่นั่นพอดี

ตึกสไตล์โคโลเนียน กลางกรุงลิมา ประเทศเปรู

 

หลังจากนั้นก็เดินทางขึ้นไปยังมาชูปิกชู เป็นเมืองอินคาโบราณบนเทือกเขาแอนดีส การไปที่นี่คณะจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถไฟจากลิมา คณะขึ้นไปที่คุสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของมาชูปิกชู เป็นเมืองเก่ามาก ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ต้องเดินช้าๆ ไม่งั้นจะเหนื่อยง่าย ต้องดื่มชาจากใบโคคาเป็นชาที่ช่วยปรับร่างกายไม่ให้เหนื่อยง่าย เธออยู่ที่คุสโก 2 วัน พักที่โรงแรมเล็กๆ เก่าๆ อายุนับ 100 ปี ดูขลัง สวยแบบมีมนต์ขลัง ได้กินอาหารพื้นเมืองทุกอย่าง มีข้าวโพด ข้าวสาลี ผักเม็ดใหญ่ที่ไม่รู้ชื่อ ไม่เคยเห็น แต่มีวางขายทั่วไปราคาไม่แพง

“เมนูเด็ดของที่นี่คือกุ่ย ซึ่งก็คือเมนูหนูเสิร์ฟมาทั้งตัว ชูหน้าสลอน ถือว่าเป็นจานเด็ดที่ทุกคนต้องลองเป็นอาหารระดับ 5 ดาวของที่นี่เลย แต่พวกเราก็วงแตก ไม่กล้ากิน มีเพื่อนช่างภาพกินก็บอกเหมือนเนื้อทั่วไป แต่เราขอผ่าน (หัวเราะ)”

โบสถ์ตั้งอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือในเมืองมะเนาซ์ ประเทศบราซิล

 

ต่อจากนั้นก็ไปเที่ยวโบสถ์ ไปจัตุรัสของเมือง คนที่นี่หน้าตาจะคล้ายชาวอินเดียนแดง บ้านคนที่นี่ไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็ดูเป็นระเบียบ เป็นหลังคาอิฐสีแดง ส่วนใหญ่พูดภาษาสเปนกัน ชาวบ้านเห็นพวกเธอคิดว่าเป็นคนจีนเขาไม่รู้จักคนไทย

วันที่ 3 ก็ไปมาชูปิกชู ขึ้นรถไฟแต่เช้าตรู่ วิ่งซอกแซกไปถึงยอดเขา ใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึง พอไปถึงยังต้องต่อรถตู้ขึ้นไปอีก แต่ธรรมชาติโดยรอบก็สวยงาม เป็นภูเขาสลับซับซ้อน เห็นแม่น้ำอูรูบัมบ่าไหลอยู่ข้างทางตลอด เป็นแม่น้ำเล็กๆ คล้ายลำธาร ไหลมาจากเทือกเขา คณะพักที่โรงแรมที่นี่ 1 คืน ราคาห้องแพงมากเพราะห้องน้อย บรรยากาศก็ดูขลัง มีพลังมาก “มีคนในคณะของเธอเจอเรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติด้วย ประมาณเจอผีอำ ได้ยินเสียงแปลกๆ ตอนอยู่ที่โรงแรมนี้ก็รู้สึกขนลุกเรื่อยเลยเวลาเดินไปไหนคนเดียว เพราะคนที่นี่เขายังมีวิถีแบบดั้งเดิม ยังมีการบูชายัญกันอยู่เลย มีกลิ่นอายของเมืองเก่านับพันๆ ปี สวยแบบลึกลับ”

 

ถือว่าเป็นทริปที่ประทับใจที่สุดในรอบ 10 ปี ของเธอเลยทีเดียว ไป 10 กว่าวัน ไม่เคยเบื่อเลย มีเรื่องให้ทำเพลินๆ ทุกวัน ทั้งบราซิลและเปรูเป็นประเทศที่ยังมีความขลัง ความสด มีความเป็นธรรมชาติแบบเดิมๆ ดิบๆ สวยงามเขียวขจี ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากจะไปอีกสักครั้ง ไม่มีของแบรนด์เนม มีแต่ของแฮนด์เมดจากชาวบ้านที่สวยงาม พวกกระเป๋าทอ หินสี สวยแบบซื่อๆ จริงใจประทับใจมาก

โรงละครโอเปร่า เมืองมะเนาซ์ บราซิล

 

มิสเปรูและรอง

 

ตลาดขายของพื้นเมืองของชนเผ่าอินคา เมืองคุสโก ประเทศเปรู

 

บ้านเรือนในเมืองคุสโก ประเทศเปรู

 

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

26 ธันวาคม 2558 เวลา 11:48 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/406935

ต้องสู้!!! ถ้าอยากอยู่ธากา

โดย…ทีมงานโลก 360 องศา keb_toke@plat360.com

“ถ้าไม่เก่งจริง อยู่ธากาไม่รอดหรอก” เป็นคำกล่าวที่บอกต่อๆ กันมาของชาวบังกลาเทศ แต่ทว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ประเทศบังกลาเทศ มีเมืองหลวงชื่อกรุงธากา มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร แต่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นประมาณ 1,033 คน/ตร.กม. หนาแน่นเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ปัจจุบันชาวบังกลาเทศจำนวนมากนิยมเดินทางมากรุงธากาเพื่อแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต จึงทำให้ที่นี่มีการแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เพราะด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของบังกลาเทศที่ไม่ดีมากนัก ประกอบกับระบบสาธารณูปโภคต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาอีกนาน สวนทางกับการเติบโตทางสังคมที่เกิดขึ้นเร็วกว่า ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือความแออัดและความวุ่นวาย

กรุงธากาคือภาพสะท้อนถึงความแออัดและความวุ่นวายได้อย่างดี ตัวอย่างคือการจราจรที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะไม่เหมือนที่ใดในโลก ไม่ว่าจะเป็นตามแยกสำคัญๆ จะมีสัญญาณไฟจราจรเหมือนกับประเทศอื่นๆ แต่ในทางปฏิบัติจริงจะต้องมีตำรวจจราจรเป็นคนควบคุม และตำรวจจราจรก็จะถือไม้ไว้ในมือเพื่อใช้ลงโทษคนทำผิดวินัยจราจรด้วย นอกจากนั้นแล้วแม้ว่าผู้ขับขี่จะไม่ค่อยมีระเบียบวินัยจราจร แต่ก็อาศัยการรู้จังหวะ และความคุ้นเคยกับรูปแบบการขับขี่ของกรุงธากาเป็นหลัก มากไปกว่านั้นการเฉี่ยวและการชนท้าย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนถนนของกรุงธากา นั่นเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่จะต้องมีกันชนรอบคัน หรือแม้แต่จักรยานสามล้อถีบบางคันก็ยังต้องมีกันชนรอบคันเช่นกัน และสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นั่นก็คือการปิดถนน คนที่นี่ได้เล่าว่าการเกิดขบวนประท้วงและการปิดถนน ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ถ้าจะเดินทางไปไหนต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย

ท่าเรือซาดาร์กัต เป็นหนึ่งในท่าเรือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 

สิ่งที่สังเกตได้อีกหนึ่งอย่างตามท้องถนน คือยานพาหนะเล็กๆ ที่เรียกว่ามินิแท็กซี่ หรือบ้านเราอาจจะเรียกรถกะป๊อ รถชนิดนี้เกือบทุกคันจะเติมก๊าซ CNG จนกระทั่งเรียกชื่อรถทับศัพท์ตามเชื้อเพลิงที่เติมว่า รถ CNG นั่นเอง ด้วยลักษณะเด่นที่มีขนาดกะทัดรัด มีหลังคากันแดดกันฝน และใช้เครื่องยนต์ จึงสามารถเดินทางได้ไกลกว่าจักรยานสามล้อถีบธรรมดาที่เรียกว่าริคชอว์ (Rickshaw)

ริคชอว์เป็นพาหนะยอดนิยมในกรุงธากา ว่ากันว่าในกรุงธากามีริคชอว์ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคัน มีการเปลี่ยนคนขับ 2 กะ ซึ่งนั่นคือมีคนปั่นริคชอว์ถึงประมาณ 3 ล้านคน จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำมาหากินของชาวบังกลาเทศและเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของกรุงธากา เพราะจำนวนผู้คนประมาณครึ่งหนึ่ง ต่างเชื่อมโยงกับรายได้จากริคชอว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเหนื่อยและรายได้ไม่มาก แต่การปั่นริคชอว์ก็เป็นอาชีพที่คนบังกลาเทศที่เข้ามาหาโอกาสในกรุงธากา สามารถเริ่มต้นได้โดยใช้เงินทุนน้อยที่สุด ขอเพียงแค่มีความขยัน อดทน และสู้ชีวิต

ริคชอว์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทำมาหากินของชาวบังกลาเทศ

 

การขยายตัวของพื้นที่ชุมชนเมืองในบังกลาเทศเกิดขึ้นเหมือนกับในประเทศอื่นๆ แต่สำหรับประเทศที่มีรายได้น้อยเช่นนี้ การขยายตัวจึงสร้างปัญหามากกว่าในประเทศอื่นๆ เรื่องที่อยู่อาศัยที่ไม่เพียงพอ และราคาค่าที่พักซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้ เช่น ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ ห้องนอนเดียวในเมือง จะอยู่ที่ 8,000-1.5 หมื่นตาก้า ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็จะอยู่ระหว่าง 4,000-7,500 บาท ในขณะที่เงินเดือนเฉลี่ยของคนที่จบปริญญาตรีและพอมีประสบการณ์ ก็จะอยู่ที่ 1-1.5 หมื่นบาท ดังนั้น จะมีคนเพียงบางส่วนเท่านั้นที่แบกรับค่าครองชีพหมวดนี้ไหว ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ก็ต้องหาที่พักราคาถูกและจะอยู่อย่างแออัดตามตรอกซอกซอย หรือไม่ก็ต้องพักในชุมชนย่านชานเมือง แล้วเดินทางเข้ามาทำงานในเมือง ซึ่งก็จะต้องเผชิญกับปัญหาการเดินทางที่ยังมีไม่เพียงพอ ทั้งในแง่ของคุณภาพและปริมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเช้าและช่วงเย็นที่ทั้งเนืองแน่นและแออัด ทำให้แต่ละคนต้องหาวิธีการเดินทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ รถเมล์ รถบัส มินิแท็กซี่ และริคชอว์ เมื่อการเดินทางบนท้องถนนจะใช้เวลามากเกินไป รถไฟจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมือง แม้ว่าจะใช้ความเร็วได้ไม่มาก ก็ยังถือว่าเคลื่อนที่ได้เรื่อยๆ ผู้คนมีมากเกินกว่าที่พาหนะทุกอย่างจะรองรับไหว พื้นที่บนรถไฟจึงต้องถูกใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่บนหลังคา ซึ่งไม่มีราวกั้นหรือที่ยึดเกาะกันตก

โชคดีอย่างหนึ่งที่กรุงธากาเป็นเมืองปากแม่น้ำใหญ่ ที่เชื่อมต่อไปยังแม่น้ำสายย่อยๆ ทำให้เกิดการจราจรและการขนส่งทางน้ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องเดินทาง ท่าเรือซาดาร์กัตเป็นหนึ่งในท่าเรือแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเรือโดยสารขนาดเล็กและขนาดใหญ่เข้าออกกว่า 300 ลำ/วัน

ในช่วงเช้า-เย็น จะมีผู้โดยสารกว่า 5 แสนคน ซึ่งรวมทั้งวันก็จะมีผู้คนร่วมล้านคนที่เข้ามาใช้บริการ ท่าเรือแห่งนี้ เรือที่ให้บริการจะมีทั้งเรือขนาดใหญ่ที่บริการระยะไกล หรือเรือข้ามฟากขนาดเล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์และใช้แรงฝีพาย

ปัญหาการขยายตัวของชุมชนเมืองก็เป็นเหมือนกันทุกประเทศ ผู้คนต้องการงาน ต้องการเงิน ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งคงไม่มีที่ไหนที่จะให้พวกเขาได้นอกจากเมืองหลวงหรือเมืองท่าทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพอมีคนมากเกินไป ก็ต้องตามมาด้วยความแออัด แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน แย่งกันใช้ แย่งงานกันทำ และปัญหาสำคัญที่ตามมาก็คือปัญหาด้านมลพิษและปัญหาสังคม ซึ่งกรุงธากาก็เผชิญกับปัญหาแทบทุกด้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รถไฟเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง

 

มลภาวะทางอากาศยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถ หาทางแก้ไขได้ในเร็ววันนี้ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับปัญหาจราจรที่ยังไม่สามารถแก้ได้ มลภาวะทางน้ำเกิดจากขยะเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขยะที่ว่านี้นอกจากจะทำให้น้ำเน่าเสียแล้ว ยังเป็นตัวการหลักที่ทำให้ระบบระบายน้ำของกรุงธากามีปัญหา จนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในช่วงที่มีฝนตก ปัญหาสังคมก็เกิดขึ้นไม่น้อยซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากปัญหาการเงินและความกดดันในชีวิต

แต่อย่าเพิ่งตกใจว่ากรุงธากาจะเป็นอย่างนั้นไปทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากภาพของความแออัดและความวุ่นวายแล้ว กรุงธากาก็ยังมีมุมสวยๆ มีพื้นที่ดีๆ สะอาดๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม เพราะผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ในกรุงธากาเติบโตตามไปด้วย เปลี่ยนให้กรุงธากามีโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ทั้งอพาร์ตเมนต์ โรงแรม และร้านค้าทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนถนนที่เชื่อมระหว่างสนามบินกับเขตเมืองเก่า อีกทั้งบังกลาเทศก็มีนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ควบคู่กับการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้โรงแรมที่พักในกรุงธากามีการพัฒนาพอสมควร และมีหลายระดับให้เลือกตามความพึงพอใจ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงไม่ต้องกังวลมากนักในเรื่องที่พัก

กรุงธากา เมืองที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง ไม่ใช่เมืองที่สวยที่สุด ไม่ใช่เมืองที่สะอาดที่สุด และไม่ใช่เมืองที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งเลิศหรู แต่เป็นเมืองหนาแน่นที่มีเสน่ห์ มีถนนที่เป็นเอกลักษณ์ มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีสายน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และมีผู้คนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ที่ทำให้เป็นกรุงธากาอย่างในทุกวันนี้ ถ้าเบื่อการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ก็ต้องลองไปสัมผัสบังกลาเทศดูสักครั้ง และสามารถติดตามชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางรายการโลก 360 องศา ทางช่อง 5 วันเสาร์ 3 ทุ่มครึ่งโดยประมาณ

 

Travel Update

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

26 ธันวาคม 2558 เวลา 11:35 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/406932

Travel Update

โดย…กาญจนา

เปิดแล้ว! เคนซิงตั้น การ์เด้น เขาใหญ่

เคนซิงตั้น การ์เด้น เขาใหญ่ (KensingtonGardens KhaoYai) จ.นครราชสีมา เพิ่งเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาถึง เป็นสวนดอกไม้สไตล์อังกฤษแห่งใหม่ผสมผสานกับสิ่งปลูกสร้างสไตล์อังกฤษโบราณ แบ่งเป็นโซน ได้แก่ สวนประดิษฐ์ มีพันธุ์ไม้หลากหลายทั้งดอกคริสต์มาส ม่วงมงคล และฟอร์เกตมีน๊อต สวนเขาวงกต เอกลักษณ์สำคัญของสวนอังกฤษ ลานมั่งมี เทอเรซอเนกประสงค์ที่ชมสวนได้ทั้งหมด และโบสถ์คาทอลิกที่เปิดให้มิสซาทุกวันอาทิตย์เวลา 11.00 น. สวนเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ค่าบัตรราคา 100 บาทนักศึกษา เด็ก ผู้สูงอายุ 50 บาท เด็กต่ำกว่า 50 ซม.ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ราคานี้เฉพาะวันนี้ถึง 29 ก.พ.2559 สอบถามโทร. 09-1974-9999

 

ยู เกาะมัดสุม ลดสูงสุด 75%

โรงแรม ยู เกาะมัดสุม สมุย เสนอโปรโมชั่นรับลมหนาว วินเทอร์ เอสเคป รับส่วนลดสูงสุด 75% จากราคาห้องพักปกติ เริ่มต้นที่ 2,552 บาท/ห้อง/คืน รวมอาหารเช้า เครื่องดื่มในมินิบาร์ สัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย และเรือรับ-ส่งจากสมุยสู่รีสอร์ท โดยส่วนลด 60% สำหรับ 1 คืน  65% สำหรับ2 คืน และ 75% สำหรับ 3 คืน จองและเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 29 ก.พ. 2559โทร. 077-953-009

 

พักริมหาดที่ เดอะ ไทด์ รีสอร์ท บางแสน

พักผ่อนริมชายหาดที่ เดอะ ไทด์ รีสอร์ท บางแสน ห้องพักลดราคากว่า 45% เมื่อซื้อห้องพักดีลักซ์ พร้อมเลือกรับบัตรสมนาคุณสำหรับใช้บริการต่างๆ ในรีสอร์ท ไม่ว่าจะเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่ห้องอาหารฟิวชั่น ทำสปาที่สมุทรตราสปา แอนด์ ซาลอน ในราคาเริ่มต้นที่ 2,600 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-31 มี.ค. 2559 สอบถามโทร. 038-399-200

 

นกแอร์เปิดบริการรับ-ส่งอ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

สายการบินนกแอร์ เปิดบริการ Fly‘n Ride เส้นทางใหม่ จากกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไปยัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บริการนี้เป็นบริการให้ผู้โดยสารของนกแอร์ได้เดินทางไปยังเส้นทางใกล้เคียงด้วยรถปรับอากาศที่สนามบิน โดยจุดหมายใน อ.ทุ่งสง มีจุดรับส่งที่โรงแรมโตแมชั่น สำรองตั๋วเครื่องบินและรถปรับอากาศได้ในขั้นตอนเดียวทางเว็บไซต์ www.nokair.com

 

เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ จัดงานใบไม้ร่วงญี่ปุ่น

เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์จัดงานฤดูใบไม้ร่วงแบบญี่ปุ่น AkiMatsuri 2015 เพื่อขอบคุณลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่พักระยะยาว งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Exclusive Momentซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 ภายในงานสนุกกับการถ่ายภาพเล่นเกม รับประทานบุฟเฟ่ต์ พร้อมทั้งชมความสวยงามของดอกไม้ไฟในบรรยากาศงานแฟร์แบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ ศรีราชาได้รับการขนานนามว่าเป็นลิตเติ้ลโอซากา มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำงานและอาศัยจำนวนมาก

 

เที่ยวอุทยานแห่งชาติ 147 แห่งฟรีทั่วไทย

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทั่วประเทศเพื่อให้ประชาชนศึกษาเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งสัมผัสอากาศหนาวในช่วงฤดูหนาว ยกเว้นค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ 147 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 58 แห่ง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 67 แห่ง สำหรับชาวไทยและยานพาหนะ ครอบครัวละไม่เกิน 5 คน ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2558-1 ม.ค. 2559 หาข้อมูลก่อนการเดินทางและสำรองบ้านพักได้ที่เว็บไซต์ www.dnp.go.th

 

แอพ โฮเทลควิกลี่ ค้นหาที่พักทันที

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังหนักใจเรื่องหาโรงแรมและต้องการเข้าพักแบบกะทันหัน โฮเทลควิกลี่ (HotelQuickly) แอพพลิเคชั่นจองโรงแรมผ่านสมาร์ทโฟนจะช่วยคุณค้นหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุด ด้วยราคาที่ถูกกว่าการจองแบบออนไลน์ทั่วไป 28% พร้อมทั้งจองล่วงหน้าได้ 6 วัน สอบถามโทร.02-107-1355 โหลดแอพ ได้ฟรีทุกระบบปฏิบัติการ

 

จอย GAIA นักร้องขาเที่ยว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

26 ธันวาคม 2558 เวลา 11:29 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/world/406930

จอย GAIA นักร้องขาเที่ยว

โดย…รอนแรม ภาพ จุฑามาศ วิชัย

แม้คนภายนอกจะมองเธอว่าเป็นวัยรุ่นแนวเกาหลี แต่เด็กอุบลฯ คนนี้มีอะไรดีมากกว่าเสียงร้อง นักร้องสาววงไกอา (GAIA) จอย-จุฑามาศ วิชัย เธอสวยกระชากใจ และยังมีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจทั้งวิธีการใช้ชีวิตและเรื่องท่องเที่ยว

เด็กอีสานโกอินเตอร์

จอยใช้ชีวิตอยู่ที่อุบลราชธานีตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 19 ปีจากนั้นได้ไปเป็นนักร้องวงราเนีย (Rania) อยู่ที่เกาหลี 3 ปีจนเธออายุ 23 ก็กลับมาเป็นนักร้องวงไกอาในไทย

“ตอนที่อยู่เกาหลีเครียดมากเพราะวัฒนธรรมที่ต่างกัน”เธอกล่าว “สิ่งที่คนเกาหลีนับเป็นอันดับหนึ่งคือรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่ว่าจะแก่กว่ากันปีเดียวก็ต้องให้ความเคารพกันมากๆ เขาซีเรียสเรื่องมารยาท ถ้าอยู่บนโต๊ะอาหารคนที่เด็กที่สุดต้องเป็นคนบริการทุกคน เช่น หยิบตะเกียบให้ รินน้ำให้ ตอนแรกๆ จอยต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะระเบียบเขาเคร่งครัดมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะไม่ดีนะคะ เพราะก็เหมือนสังคมทั่วไปที่มีทั้งด้านดีและไม่ดี มันเป็นธรรมดา”

 

ถ้าพูดถึงสถานที่สุดโปรดในเกาหลี จอยเลือกย่านอีแทวอน (Itaewon Market) เป็นถนนคนเดินเหมือนตรอกข้าวสารบ้านเราที่มีทั้งของท้องถิ่นและของต่างประเทศจำหน่าย รวมไปถึงที่พักทั้งแบบหรูหราและราคาประหยัดให้เลือกใช้บริการ และร้านอาหารนานาชาติที่ไม่พลาดมีอาหารไทยจำหน่าย แต่ถ้าใครชอบงานอาร์ตต้องไปย่านฮงแด(Hongdae) แหล่งรวมศิลปะของเด็กอาร์ตในมหาวิทยาลัยฮงแด ทั้งงานวาด งานแฟชั่น รวมไปถึงสตรีทโชว์จากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กมหาวิทยาลัย ในวันเสาร์-อาทิตย์จะมีตลาดนักศึกษาจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของน่ารักมากมายแต่ถ้าแหล่งท่องเที่ยวนอกเมืองเธอแนะนำเกาะเจจู (Jeju) เมืองติดทะเลที่ไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ แต่มีไฮไลต์คืออาหารอร่อยและมีร้านอาหารมากมายให้เลือกกิน อีกเมืองคือปูซาน (Busan) เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมเกาหลี เพราะผู้คนที่นั่นยังไม่เปลี่ยนเท่าโซล เช่น สำเนียงพูดแบบปูซานหรือหมู่บ้านโบราณที่ยังรักษาไว้

จอยเริ่มทำงานตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น โดยการเป็นดีเจตามคลื่นวิทยุชุมชน ซึ่งเธอเลิกขอเงินพ่อแม่ใช้มาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้เธออายุ 25 ปี ความสามารถไม่หยุดเพียงนักร้อง นักเต้น แต่ได้พัฒนาไปเป็นนางเอกละครโทรทัศน์ นอกจากนี้เธอต้องเรียนช้ากว่าคนอื่น 3 ปี เพราะไปทำงานที่เกาหลี แต่น่าดีใจที่ปีหน้าจอยจะเป็นบัณฑิตคณะศิลปศาสตร์ตามที่เธอตั้งใจแล้ว

 

เที่ยวธรรมชาติ รู้ประวัติศาสตร์

จอยสารภาพว่าช่วงหลังตั้งแต่รับงานละครก็แทบไม่ได้กลับบ้าน แต่เธอยังสามารถแนะนำได้ว่าบ้านเกิดของเธอมีอะไรดี ผาแต้ม เป็นแห่งแรกที่เธอแนะนำ

“ถ้าคนที่ชอบธรรมชาติต้องไปผาแต้ม เพราะที่นี่เป็นจุดแรกในประเทศไทยที่พระอาทิตย์ขึ้น และต้องไปนอนเต็นท์สัมผัสอากาศหนาว ใครว่าเหนือหนาว อีสานบ้านเราก็หนาวมากเหมือนกันและผาแต้มยังมีทุ่งดอกไม้ป่า ถ่ายรูปสวยมาก เพราะมันจะเป็นลานหินกว้างๆ มีดอกไม้เล็กๆ ขึ้นเต็มลาน สวยงามมาก”

นอกจากนี้ เธอยังแนะนำ สามพันโบก ที่แม้ว่าฤดูหนาวจะไม่ใช่ช่วงที่สวยที่สุด แต่เป็นฤดูที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุด

นอกจากความสวยงามของสถานที่ต่างๆ นักร้องสาวยังชอบเก็บเกี่ยวเรื่องราวเบื้องหลัง เธอจึงมักศึกษาความเป็นมาของสถานที่แห่งนั้นก่อนเดินทาง

 

“จอยอยากรู้ว่าแต่ก่อนที่นี่เคยเป็นอะไร มันถูกพัฒนามายังไงจนถึงทุกวันนี้ อย่างล่าสุดจอยไปสิงคโปร์ ได้ไปดูประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ในพิพิธภัณฑ์ที่เซนโตซา ทำให้รู้ว่ากว่าสิงคโปร์จะเจริญได้ถึงทุกวันนี้เริ่มมาจากเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากร แต่เพราะการศึกษาและวิธีคิดของคนสิงคโปร์ทำให้ประเทศเขาพัฒนามาก”

สำหรับในประเทศไทย เธอชอบ จ.กาญจนบุรี เป็นพิเศษ เพราะมีทั้งประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

ทุกครั้งที่ออกเดินทางอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ กล้องถ่ายรูป ตอนนี้จอยมาจับกล้องมิร์เรอร์เลสพกพาไปทุกที่ เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำผ่านสายตาที่เธอมอง

“ชอบถ่ายภาพที่เป็นมูฟเมนต์ของคนและสิ่งของต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหว จอยไม่ค่อยได้เซลฟี่ค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ แค่ไปร้านกาแฟจอยก็จะพกกล้องไปด้วยแล้ว ชอบถ่ายรูปคนเดินผ่านไปผ่านมา”

 

เวลาเดินทางแต่ละครั้งเธอมักจะใช้เวลาอย่างต่ำ 4-5 วันเพื่อไปดื่มด่ำบรรยากาศมากกว่าแค่ดู จอยกล่าวถึงทริปสิงคโปร์อีกครั้งว่า มันเริ่มมาจากการไม่วางแผน แต่กลับเป็นทริปที่ให้ประสบการณ์ยอดเยี่ยม เมื่อลงจากเครื่องบินก็หาแผนที่เดี๋ยวนั้น และใช้วิธีการเดินเที่ยว

“การเดินไปเรื่อยๆ มันทำให้รู้จักการวางผังเมือง” เธอเล่า“สิงคโปร์จะแยกย่านที่อยู่อาศัย ย่านธุรกิจ และแหล่งท่องเที่ยวมีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง จอยชอบนั่งรถเมล์ออกไปชานเมืองที่เป็นย่านอยู่อาศัย ไปดูว่าพวกเขาอยู่กันยังไง ส่วนในเมืองก็จะเดินเที่ยว บ้านเมืองเขาปลอดภัยมาก เดินถึงเที่ยงคืนก็ยังไม่น่ากลัว ไม่รู้สึกอันตรายเลย และเพราะการเดินเที่ยวนี่แหละที่ทำให้จอยเห็นสิงคโปร์จริงๆ”

คำว่าการเดินทางสำหรับสาวคนนี้ จอยนิยามว่ามันคือการลืมตามองโลก “มันมีหลายเรื่องที่เราคิดว่าเรารู้แล้ว ไม่ว่าจากการอ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ตหรือฟังจากไหนมาก็ตาม แต่มันไม่เหมือนกับการออกไปเจอเอง มันไม่มีวันรู้จริงถ้าเราไม่ไปตรงนั้นจริงๆ ทุกประสบการณ์มันต้องไปสัมผัสเอง”

โลกของจอย

ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ จอยอยากให้โลกใบนั้นเป็นอย่างไร เธอใช้เวลาคิดสักครู่ก่อนจะตอบว่า “อยากให้โลกใบนั้นมีหลายๆ สี”

“ตอนนี้โลกของเราก็เป็นแบบนั้น เพราะโลกประกอบด้วยหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างผสมกันกลายเป็นสีสันที่แตกต่างกันไป ซึ่งนั่นแหละคือเสน่ห์ของโลกที่รอให้เราออกไปค้นหาและผสมสีด้วยตัวเราเอง”

ติดตามโลกอันสดใสของจอยได้ที่อินสตาแกรม joy_gaia รอฟังผลงานเพลงซิงเกิ้ลใหม่ได้ในเดือน ม.ค. 2559 และชมลีลาบู๊ในละครเรื่อง ดอกไม้ลายพาดกลอน ทางช่องเวิร์คพอยท์