Tissot รับบทผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของสมาคมบาสเกตบอลจีน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

เลอ โลคล์, สวิตเซอร์แลนด์–18 พ.ย.พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ 

 

Infront Sports & Media พันธมิตรด้านการตลาดเพียงหนึ่งเดียวของลีกบาสเกตบอลอาชีพของจีน หรือ CBA ประกาศว่า Tissot แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสชื่อดัง ได้รับเลือกให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของลีก CBA โดยข้อตกลงระยะยาวระหว่าง CBA และ Tissot จะมีผลตั้งแต่บัดนี้และดำเนินต่อไปอีก 5 ปี ครอบคลุมการแข่งขันทุกนัดในลีก CBA รวมถึงการแข่งขันรอบเพลย์ออฟและการแข่งขัน CBA All-Star Game ที่ประสบความสำเร็จทุกปี

 TISSOT Group Logo / In 2008, Tissot became the Official Timekeeper of the International Basketball Federation (FIBA). More recently, on October 5, 2015, it signed the biggest contract of its history and became the first Official Timekeeper of the National Basketball Association (NBA). Today, to add to this impressive list, Tissot renews its partnership with the Chinese Basketball Association (CBA), which positions the Swiss watch brand as the Top Player in the world of Basketball Timekeeping. (PRNewsFoto/TISSOT S.A.)

In 2008, Tissot became the Official Timekeeper of the International Basketball Federation (FIBA). More recently, on October 5, 2015, it signed the biggest contract of its history and became the first Official Timekeeper of the National Basketball Association (NBA). Today, to add to this impressive list, Tissot renews its partnership with the Chinese Basketball Association (CBA), which positions the Swiss watch brand as the Top Player in the world of Basketball Timekeeping. (PRNewsFoto/TISSOT S.A.)

(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151117/288302LOGO)

TISSOT CBA / From left to right : NBA Commissioner Mr. Adam Silver, Tissot President Mr. François Thiébaud, President of the International Basketball Foundation (IBF) Mr. Yvan Mainini, Director Summer Sports, head of basketball (board member Infront China) Mr....

From left to right : NBA Commissioner Mr. Adam Silver, Tissot President Mr. François Thiébaud, President of the International Basketball Foundation (IBF) Mr. Yvan Mainini, Director Summer Sports, head of basketball (board member Infront China) Mr. Benedikt Von Dohnanyi

            (รูปภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151117/288303)

บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่มีผู้รับชมทางโทรทัศน์มากที่สุดในประเทศจีน สำหรับลีก CBA มีการแข่งขันมากถึง 417 นัดในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน และเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมา พบว่ามีการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันไปทั้งสิ้น 1,015 ชั่วโมง รวมทั้งมีการสรุปผลการแข่งขันประจำวัน 41 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 20.5ชั่วโมง และในการแข่งขันรอบสุดท้ายเพียงรอบเดียวก็มีผู้ชมทางโทรทัศน์มากถึง 191 ล้านคนทั่วประเทศจีน เพราะฉะนั้น CBA จึงต้องการพันธมิตรที่เชื่อถือได้เพื่อรับประกันว่าการจับเวลาจะมีความแม่นยำสูงสุด

ประสบการณ์ของ Tissot มีค่ายิ่งสำหรับหน้าที่ดังกล่าว โดย Tissot มีบทบาทสำคัญในวงการบาสเกตบอล ทั้งในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของสหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ (FIBA) และสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NBA) สำหรับการร่วมงานกับ CBA ถือเป็นก้าวสำคัญของแบรนด์ ความชำนาญของ Tissot ในการจับเวลาการแข่งขันบาสเกตบอลมานานหลายปีจะเป็นผลดีต่อ CBA ขณะเดียวกัน Tissot จะใช้นาฬิกาจับเวลา Shot Clock รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในเกม นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการ Tissot จะจัดทำนาฬิกาคอลเลคชันพิเศษเพื่อลีก CBA และทีมต่างๆในลีกโดยเฉพาะ

Francois Thiebaud ประธานของ Tissot กล่าวว่า “เราเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ต้องการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลกในวงการบาสเกตบอล CBA จึงเป็นพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรา นอกจากนี้ จีนยังเป็นตลาดสำคัญสำหรับ Tissot การสร้างความร่วมมือในวงการกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนจอแก้วของจีนจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง การจับเวลาอย่างแม่นยำและการออกแบบนาฬิการุ่นพิเศษจะทำให้ลูกค้าและพันธมิตรของเราภูมิใจที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับเรา”

เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับการกลับมาของ Tissot ในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการและผู้สนับสนุนลีก CBA สำหรับ Tissot นั้นเป็นแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกที่ให้การสนับสนุนวงการกีฬาอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ภายใต้ข้อตกลงระยะยาวกับลีก CBA ทาง Tissot จะได้อาศัยความเป็นมืออาชีพและศักยภาพของลีกในการเป็นผู้สนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพ” Philippe Blatter ประธานและซีอีโอของ Infront กล่าว “การจับเวลามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกีฬาบาสเกตบอล และในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ Tissot จะมีบทบาทสำคัญและจะได้ประโยชน์จากกีฬาบาสเกตบอลที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในจีน”  

วิดีโอ: http://www.actuapr.tv/vnr/tissot-cba

ติดต่อ:

Bingni Zhang

Tissot

โทร. +86-21-2412-5255

อีเมล: Bingni.Zhang@cn.swatchgroup.com

Nike Moehle

Infront Sports & Media

โทร. +41-41-723-17-18

อีเมล: Nike.Moehle@infrontsports.com

แหล่งข่าว: TISSOT S.A.

ตึกเอ็มไพร์สเตทเตรียมเซอร์ไพรส์ผู้มาเยือนต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

นิวยอร์ก–18 ..–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ตึกเอ็มไพร์สเตทร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ด้วยการประดับประดาอันงดงาม พร้อมการปรากฏตัวของคนดังสุดเซอร์ไพรส์ และโชว์แสงสีเสียงสุดตื่นตา

เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ (Empire State Realty Trust, Inc.) (NYSE: ESRT) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับของขวัญประจำปีที่ทางตึกเอ็มไพร์สเตทจะมอบให้แก่ชาวนิวยอร์ก นักท่องเที่ยว และแฟนๆจากทั่วทุกมุมโลกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ในโปรเจคท์ “ESB Unwrapped” ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองตลอด 1 เดือนเต็ม โดยจะมีการประดับประดาหน้าต่างของตึกฝั่งฟิฟท์อเวนิวและในล็อบบี้อย่างตระการตา พร้อมด้วยการปรากฎตัวสุดเซอร์ไพรส์ของแขกพิเศษ ตลอดจนการแสดงแสงสีบนตึกประกอบเพลงประจำเทศกาล

ตึกเอ็มไพร์สเตทจะต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อย่างอบอุ่นทุกปีแอนโทนี อี มัลกิน ประธานและซีอีโอของ ESRT กล่าว เราขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่มาฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่นิวยอร์ก ให้มาเยี่ยมชมตึกเอ็มไพร์สเตทในเทศกาลนี้ด้วย

การปรากฏตัวสุดเซอร์ไพรส์

คุณไม่มีทางเดาออกว่าจะได้พบคนดังคนไหนในระหว่างการเยี่ยมชมตึกเอ็มไพร์สเตทตลอดเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมนี้ เพราะตึกเอ็มไพร์สเตทจะเชิญคนดังมากมายมาเยือนหอชมวิวบนชั้น 86 อันโด่งดัง เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศการชมวิวแบบ 360 องศา พร้อมกับทักทายแฟนๆทุกคน

การประดับประดาต้อนรับเทศกาล

ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ตึกเอ็มไพร์สเตทจะ “แกะของขวัญ” เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมการตกแต่งหน้าต่างฝั่งฟิฟท์อเวนิวที่ส่องประกายระยิบระยับเข้ากับเทศกาล อันเป็นผลงานการออกแบบของ Mark Stephen Experiential Agency นอกจากนี้ ล็อบบี้แนวอาร์ตเดโคของตึกจะได้รับตกแต่งโดยใช้สีทอง เงิน และทองแดง ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 5 มกราคมปีหน้า

การแสดงแสงสีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์

 

ตึกเอ็มไพร์สเตทจะเปิดไฟประดับอาคารเพื่อฉลองเทศกาลต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันขอบคุณพระเจ้า วันฮานุกกะห์ วันคริสต์มาส ไปจนถึงวันส่งท้ายปีเก่า นอกจากนั้นยังเตรียมร่วมมือกับ iHeartMedia เพื่อจัดการแสดงแสงสีเสียงประจำปี โดยจะเปิดไฟให้เข้ากับเพลงเทศกาลที่เปิดทางสถานีวิทยุคลื่นต่างๆของiHeartMedia ในนิวยอร์ก

 

ดูตารางการแสดงแสงสีทั้งหมดได้ที่ http://www.esbnyc.com/explore/tower-lights/calendar

 

การแสดงดนตรีต้อนรับเทศกาล

 

ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 18 ธันวาคม ระหว่างเวลา 8.00-11.00 น. 12.00-15.00 น. และ 16.00-19.00 น. จะมีนักเปียโนมาแสดงดนตรีสดในบริเวณล็อบบี้ฝั่งฟิฟท์อเวนิว โดยจะบรรเลงเพลงคลาสสิกและเพลงยอดนิยมประจำเทศกาล นอกจากนี้ ตึกเอ็มไพร์สเตทจะเปิดตัวมิวสิกวิดีโอที่งาน Jingle Ball ของสถานีวิทยุ Z100 แห่งนิวยอร์กในวันที่ 11 ธันวาคม ซึ่งเป็นการรวบรวมภาพการแสดงแสงสีหลายชุดของตึกเอ็มไพร์สเตท พร้อมกับการปรากฏตัวของเหล่าคนดังมากมาย

นอกจากนี้ บรรดาศิลปินมืออาชีพจะมาแสดงเพลงฮิตประจำเทศกาลในแบบฉบับของตัวเอง ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. ที่มุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ของชั้น 80ซึ่งกำลังจัดนิทรรศการ “Dare to Dream” โดยตารางการแสดงประกอบด้วย

 

วันที่ 26 ธันวาคม – Jazz with Mike Howell

วันที่ 27 ธันวาคม – Jersey Four Tribute

วันที่ 28 ธันวาคม – Anderson Brothers Jazz

วันที่ 29 ธันวาคม – Baby Soda

วันที่ 30 ธันวาคม – Dan Levinson Jazz Band

วันที่ 31 ธันวาคม – Melissa Hammens

 

เกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตท

ตึกเอ็มไพร์สเตทมีความสูง 1,454 ฟุต (จากฐานถึงเสาอากาศ) เหนือย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน อาคารแห่งนี้เป็นของบริษัทเอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ และเป็น “เป็นอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก” ด้วยการลงทุนใหม่ๆในเรื่องการประหยัดพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่สาธารณะ และภูมิทัศน์ ตึกเอ็มไพร์สเตท สามารถดึงดูดผู้เช่าชั้นหนึ่งจากหลากหลายวงการทั่วโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยีการกระจายเสียงที่แข็งแกร่งของตึกเอ็มไพร์สเตทสามารถรองรับสถานีโทรทัศน์และวิทยุที่สำคัญในมหานครนิวยอร์ก ตึกเอ็มไพร์สเตทได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาคารยอดนิยมของสหรัฐอเมริกาโดยสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งอเมริกา ส่วนหอสังเกตการณ์ของตึกเอ็มไพร์สเตทก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้ชื่นชอบมากที่สุดในโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของภูมิภาค สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตึกเอ็มไพร์สเตท โปรดเยี่ยมชม www.empirestatebuilding.com , www.facebook.com/empirestatebuilding , @EmpireStateBldg ,www.instagram.com/empirestatebldg , www.youtube.com/esbnyc หรือ www.pinterest.com/empirestatebldg/

เกี่ยวกับเอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์

เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ อิงค์ (NYSE: ESRT) คือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยเป็นผู้ครอบครอง บริหารจัดการ ดำเนินงาน เข้าซื้อ และรีโพสิชั่นอาคารสำนักงานและห้างค้าปลีกบนเกาะแมนฮัตตันรวมถึงมหานครนิวยอร์ก ซึ่งรวมไปถึงตึกเอ็มไพร์สเตท อาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก และนับจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีสำนักงานและอาคารค้าปลีกให้เช่าเป็นพื้นที่รวมกัน 10.1 ล้านตารางฟุต ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่า 9.4 ล้านตารางฟุตในอาคารสำนักงาน 14 แห่ง แบ่งเป็นบนเกาะแมนฮัตตัน 9 แห่ง ในเขตแฟร์ฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต 3 แห่ง และในเขตเวสต์เชสเตอร์ รัฐนิวยอร์กอีก 2 แห่ง นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าประมาณ 720,000 ตารางฟุต

เกี่ยวกับ iHeartMedia

ด้วยจำนวนผู้ฟัง 245 ล้านคนต่อเดือนในสหรัฐ ผู้ฟังผ่านระบบดิจิตอล 87 ล้านคนต่อเดือน ผู้ติดตามทางโซเชียลกว่า 75 ล้านคน รวมถึงผู้ใช้บริการเครือข่ายจราจรและพยากรณ์อากาศ Total Traffic and Weather Network จำนวน 196 ล้านคนต่อเดือน ทำให้ iHeartMedia เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดในบรรดาสถานีวิทยุหรือโทรทัศน์ในอเมริกา iHeartMedia ให้บริการในตลาดกว่า 150 แห่ง ผ่านทางสถานีวิทยุของตนเองจำนวน 858 สถานี รายการวิทยุและคอนเทนท์ของบริษัทสามารถรับฟังได้ทางคลื่น AM/FM, สถานีวิทยุดิจิตอลความคมชัดสูง, สถานีวิทยุดาวเทียม, iHeartRadio.com และเว็บไซต์ของสถานีวิทยุต่างๆของบริษัท, แอปiHeartRadio สำหรับอุปกรณ์พกพา, หน้าปัดวิทยุในรถยนต์, แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน รวมถึงเครื่องเล่นเกม

iHeartRadio เป็นสถานีวิทยุดิจิตอลของ iHeartMedia และเป็นผู้ให้บริการกระจายเสียงระบบดิจิตอลแบบครบวงจรอันดับ 1 ด้วยยอดดาวน์โหลดกว่า 700ล้านครั้ง โดยมีผู้ลงทะเบียนใช้บริการแตะ 20 ล้านรายแรกเร็วกว่าบริการดิจิตอลทุกรายในประวัติศาสตร์อินเทอร์เน็ต และแตะ 70 ล้านรายเร็วกว่าบริการเพลงดิจิตอลรายอื่นๆ และเร็วกว่าแม้กระทั่งเฟซบุ๊ก ธุรกิจของบริษัทประกอบไปด้วยการกระจายเสียงผ่านทางวิทยุ ออนไลน์ อุปกรณ์พกพา ระบบดิจิตอลและโซเชียลมีเดีย รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตและงานอีเวนท์ การกระจายข้อมูล การวิจัยเกี่ยวกับดนตรี และการนำเสนอผ่านสื่ออย่างอิสระ iHeartMedia เป็นบริษัทย่อยของiHeartMedia, Inc. (OTCBB: IHRT) สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ iHeartMedia.com

ข้อความคาดการณ์อนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วย “ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคต” ซึ่งอาจจำแนกได้ด้วยการใช้คำว่า “เชื่อ” “คาด” “อาจ” “จะ” “ควร” “แสวงหา” “ประมาณ” “ตั้งใจ” “วางแผน” “เสนอ” “คาดคะเน” “พิจารณา” “มุ่งหมาย” “เดินหน้า” “น่าจะ” หรือ “คาดหวัง” หรือคำและวลีอื่นๆที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน ปัจจัยต่อไปนี้ และอื่นๆ อาจจะทำให้ผลลัพธ์จริงและเหตุการณ์ในอนาคตมีความแตกต่างไปจากที่ได้ระบุไว้ในข้อความคาดการณ์ ปัจจัยเหล่านี้รวมอยู่ในรายงานประจำปีของบริษัทบนแบบฟอร์ม Form 10-K สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 รวมถึงปัจจัยที่อยู่ภายใต้หัวข้อ “Risk Factors,” “Management’s Discussion and Analysis of Financial Condition and Results of Operations”, “Business” และ “Properties” แม้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคตจะสะท้อนถึงความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจของบริษัท แต่ข้อความดังกล่าวไม่สามารถรับประกันผลการดำเนินงานในอนาคตได้ บริษัทไม่มีภาระผูกพันในการเผยแพร่ข้อความคาดการณ์ที่ได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไขเพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในสมมติฐานหรือปัจจัยพื้นฐาน หรือข้อมูล สถิติ หรือระเบียบวิธีใหม่ๆ เหตุการณ์ในอนาคต หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ หลังจากวันที่จัดทำข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ เว้นแต่เป็นไปตามบังคับของกฎหมาย สำหรับการอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้ และอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ ผลการดำเนินงาน หรือรายการธุรกรรมของบริษัทในอนาคต สามารถดูได้ภายใต้หัวข้อ “Risk Factors” ในรายงานประจำปีของบริษัทบน Form 10-K สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 รวมทั้งความเสี่ยงอื่นๆที่อธิบายอยู่ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ผู้ลงทุนที่มีความสนใจไม่ควรยึดถือข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์อนาคตมากเกินควร เนื่องจากข้อความคาดการณ์อ้างอิงจากข้อมูลที่ทางบริษัทมีอยู่ ณ ปัจจุบัน (หรือเป็นข้อมูลที่ได้จากบุคคลที่สามซึ่งเป็นผู้จัดทำข้อความคาดการณ์)

          สื่อมวลชนติดต่อ

          Katherine Davis, Edelman

          โทร. (212) 738-6098

          อีเมล: Katherine.Davis@Edelman.com

สิงคโปร์รั้งตำแหน่งศูนย์กลางบุคลากรที่มีศักยภาพทางธุรกิจแห่งใหม่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

สิงคโปร์–18 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ศูนย์ความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของโรงเรียนธุรกิจ IMD เปิดเผยรายงาน World Talent Report ประจำปีครั้งที่ 2

สิงคโปร์แซงหน้ามาเลเซียขึ้นแท่นระบบเศรษฐกิจแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเครื่องมือที่ดีที่สุดในการพัฒนา ดึงดูด และรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ

 

รายงาน World Talent Report ฉบับล่าสุดจาก IMD ซึ่งเป็นโรงเรียนธุรกิจระดับโลกยกให้สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 10 ของประเทศที่มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆของบริษัท

ในทางตรงกันข้าม มาเลเซีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 เมื่อปีที่แล้ว ร่วงหลุดจาก 10 อันดับแรก ภายหลังจากที่ดัชนีชี้วัดด้านประสิทธิภาพหลายๆดัชนีปรับตัวลดลง

รายงานดังกล่าวนำเสนอผลการประเมินประจำปีเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถของประเทศต่างๆ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เป็นบุคลากรที่ทำงานในภาคธุรกิจที่ดำเนินงานภายในระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

ศาสตราจารย์อาร์ทูโร บริส ผู้อำนวยการของศูนย์ความสามารถในการแข่งขันระดับโลก (World Competitiveness Center) ของ IMD ซึ่งได้ศึกษาในหัวข้อดังกล่าว กล่าวว่า “ปัจจัยที่สำคัญที่มีส่วนทำให้ประเทศต่างๆได้รับการจัดอันดับที่สูงก็คือความรวดเร็ว”

เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศในการใช้และกำหนดนโยบายในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะเดียวกันจะทำให้ประเทศนั้นๆเป็นประเทศที่เรามองว่า มีความสามารถ-มีศักยภาพด้านการแข่งขัน‘”

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า มาเลเซียได้สูญเสียคุณสมบัติเรื่องความรวดเร็ว โดยอันดับที่ลดลงของมาเลเซียถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทันทีและมีนัยสำคัญ ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ว่า นี่เป็นแนวโน้มที่มาเลเซียจะต้องทำให้ดีเพื่อที่จะพลิกกลับคืนมา”

มาเลเซียมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 โดยอันดับทะยานขึ้นจากอันดับที่ 20 มาอยู่ที่อันดับที่ 5 ก่อนที่จะร่วงลงใน เกือบทุกดัชนีชี้วัดความสามารถในช่วงปีที่ได้มีการศึกษาเมื่อปีที่แล้ว

ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์ซึ่งอันดับปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 ในประเภททั่วไปในปี 2551 นั้น อันดับได้ปรับตัวลดลงไปอยู่ในระดับกลาง ในปี 2556 และ 2557และฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่อันดับ 10 ในปี 2557

ส่วนประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคลื่อนไหวในทิศทางที่แตกต่างกัน ในขณะที่ฮ่องกงเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 21 ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับที่ 12 ในปีนี้ และอินโดนีเซียร่วงจากอันดับที่ 25 ไปอยู่ที่อันดับ 41

ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจสำคัญๆหลายประเทศก็มีอันดับที่ไม่น่าพึงพอใจเท่าใดนัก โดยสหรัฐอยู่ที่อันดับที่ 14 ส่วนสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 21 ฝรั่งเศสอยู่ที่ 27 และจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวลงมาอยู่ที่อันดับ 40

สวิตเซอร์แลนด์ยังคงรั้งอันดับสูงสุดในปีนี้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยเดนมาร์ก ลักเซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ เยอรมนี แคนาดา และเบลเยียม

ผลการจัดอันดับเป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันเป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งรวมถึงผลการสำรวจความเห็นเชิงลึกจากผู้บริหารกว่า 4,000 ราย ใน 61 ประเทศที่ได้มีการศึกษา

การศึกษาเน้นไปที่ประเภทที่สำคัญๆ 3 ประเภท อันได้แก่ การลงทุน/พัฒนา ความน่าสนใจ และความพร้อม ซึ่งได้รับมาจากปัจจัยในวงกว้าง ซึ่งรวมถึง การศึกษา การฝึกงาน การฝึกอบรมพนักงาน ภาวะสมองไหล ค่าครองชีพ แรงจูงใจของพนักงาน คุณภาพชีวิต ความเชี่ยวชาญด้านภาษา ค่าตอบแทน และอัตราภาษี

ประเภทที่สำคัญๆดังกล่าวได้ถูกรวบรวมเข้าไว้ในการจัดอันดับโดยรวมประจำปี นอกจากนี้ การประเมินแต่ละประเทศในมิติต่างๆได้มีการประเมินมาเป็นระยะเวลากว่าทศวรรษ ในตัวอย่างดังกล่าวจากปี 2548 – 2558 เพื่อระบุถึงประเทศที่มีศักยภาพด้านการแข่งขันในด้านความสามารถสูงสุด

เกี่ยวกับ IMD

ศูนย์กลางความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของ IMD เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนธุรกิจ IMD และเป็นผู้เผยแพร่ World Competitiveness Yearbook ประจำปีWorld Competitiveness Yearbook ของ IMD ได้มีการเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2532 และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นรายงานประจำปีชั้นนำในด้านศักยภาพการแข่งขันของประเทศต่างๆ

ติดต่อ:

แมทธิว มอร์เทลลาโร

โทร: +41-21-618-0352

อีเมล: matthew.mortellaro@imd.org

สิงคโปร์

จอน นีโอ

โทร: +65-6327-0283

อีเมล: jon.nio@mslgroup.com

แหล่งข่าว: IMD International

แฮนด์เฮลด์ เปิดตัว “ALGIZ RT7” แท็บเล็ตแอนดรอยด์พันธุ์แกร่งรุ่นแรกของแบรนด์ ดีที่สุดในวงการ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

ลิดโคปิง, สวีเดน–18 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

ทรงพลังด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon ที่ช่วยให้ประมวลผลรวดเร็ว เชื่อมต่อด้วยความเร็วสูง และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี

           

แฮนด์เฮลด์ กรุ๊ป (Handheld Group) ผู้นำด้านการผลิตคอมพิวเตอร์พกพาสุดทนทาน ประกาศเปิดตัว “ALGIZ RT7 แท็บเล็ตแอนดรอยด์รุ่นใหม่ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ที่ทรงพลัง น้ำหนักเบา และจับถนัดถือ พร้อมประสิทธิภาพที่ไว้วางใจได้ในสภาพการทำงานที่สมบุกสมบัน

           

รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่

http://www.multivu.com/players/English/7688851-handheld-ultra-rugged-android-tablet/

           

Algiz RT7 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 (Lollipop) มาพร้อมหลากหลายฟีเจอร์และลูกเล่นที่มีประโยชน์สำหรับคนทำงานภาคสนาม ตัวเครื่องมีความทนทานอย่างสมบูรณ์ตามมาตรฐาน MIL-STD-810G ของกองทัพสหรัฐ ทั้งในด้านการต้านทานการตกหล่น การสั่นสะเทือน รวมถึงอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำสุดขีด และยังได้มาตรฐาน IP65 ซึ่งหมายความว่าสามารถกันน้ำได้ รวมทั้งป้องกันฝุ่นและทรายได้อย่างสมบูรณ์ และด้วยน้ำหนักเพียง 650 กรัม แท็บเล็ตพันธุ์แกร่งตัวนี้จึงพกพาได้อย่างสะดวกสบาย  

             

Algiz RT7 ทรงพลังด้วยเทคโนโลยีขั้นเทพจาก Qualcomm ประกอบด้วยชิปเซ็ต MSM8916 (Snapdragon) และหน่วยประมวลผล quad-core 1.2 GHz ที่ช่วยให้ประมวลผลได้รวดเร็วน่าประทับใจ เชื่อมต่อได้ด้วยความเร็วสูง และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรีให้ยาวนานขึ้น Algiz RT7 ส่งข้อมูลและเสียงด้วยเทคโนโลยี LTE มีฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้ง 802.11 b/g/n WLAN, BT Class 1 และ Class 2 รวมถึง NFC นอกจากนั้นยังมีกล้องสองตัว (กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล) และใช้ได้สองซิม ภายในเครื่องยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดความเร่ง ไจโรสโคป และเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้นยังมีเครื่องรับสัญญาณจีพีเอส u-blox แยกต่างหากเพื่อใช้นำทางด้วย

           

Algiz RT7 ได้รับการออกแบบสำหรับคนทำงานภาคสนาม จึงมาพร้อมหน้าจอ capacitive ขนาด 7 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงและมองเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง สำหรับแบตเตอรี่ที่เป็นหัวใจของอุปกรณ์พกพาทุกประเภทนั้น Algiz RT7 มาพร้อมแบตเตอรีลิเธียม-ไอออน 3.7V 6000mAh ที่ใช้งานได้ยาวนาน นอกจากนั้นแท็บเล็ตตัวนี้ยังมีปุ่ม 4 ปุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ ช่วยให้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆระหว่างทำงานได้สบาย ในส่วนของการสแกนข้อมูลนั้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ด 2 มิติ หรือเครื่องอ่าน RFID พร้อมเครื่องสแกนบาร์โค้ด 2 มิติก็ได้

           

“Algiz RT7 รุ่นใหม่ของเรานำเสนอคุณค่าอันเหนือชั้นให้แก่องค์กร และเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงทั้งในหมู่ผู้ใช้และเครือข่ายพันธมิตรของเราเจอร์เกอร์ เฮลล์สตรอม ซีอีโอของแฮนด์เฮลด์ กรุ๊ป กล่าวแท็บเล็ตพันธุ์แกร่งรุ่นนี้นำเสนอประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดในวงการ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้คนทำงานภาคสนามในการทำหน้าที่ในแต่ละวัน Algiz RT7 สร้างขึ้นเพื่อรองรับการทำงานในสภาพสมบุกสมบันโดยเฉพาะ และพร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานแอนดรอยด์ที่ดีขึ้น ด้วยพลังประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

ท่านสามารถสั่งซื้อ Algiz RT7 ได้ตั้งแต่บัดนี้ โดยจะเริ่มส่งสินค้าในเดือนธันวาคม ส่วนการส่งสินค้าล็อตใหญ่จะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป

           

ลิงค์ที่เป็นประโยชน์

ALGIZ RT7 product specifications
ALGIZ RT7 press images
Events showing the ALGIZ RT7
About Handheld Group
Handheld product lineup
What does rugged mean?

ทวีตข้อความนี้: แฮนด์เฮลด์ เปิดตัว “ALGIZ RT7” แท็บเล็ตแอนดรอยด์พันธุ์แกร่งรุ่นแรกของแบรนด์ ดีที่สุดในวงการ http://www.handheldgroup.com/RT7

เกี่ยวกับ แฮนด์เฮลด์

แฮนด์เฮลด์ กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พกพา พีดีเอ และแท็บเล็ตที่แข็งแรงทนทาน แฮนด์เฮลด์และพันธมิตรทั่วโลกให้บริการโซลูชั่นเคลื่อนที่แบบครบวงจรแก่ธุรกิจต่างๆที่มีคนทำงานภาคสนามในพื้นที่กลางแจ้งและในอุตสาหกรรมต่างๆ กลุ่มบริษัทแฮนด์เฮลด์ กรุ๊ป ตั้งอยู่ในสวีเดน และมีสำนักงานสาขาในฟินแลนด์ สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่http://www.handheldgroup.com

(ภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151111/286188 )

         

แหล่งข่าว: แฮนด์เฮลด์ กรุ๊ป

DERMALOG เปิดตัวสแกนเนอร์รุ่นแรกของโลกที่สแกนได้ทั้งลายนิ้วมือและพาสปอร์ตบนแป้นเดียว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

ปารีส–18 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

DERMALOG ผู้นำด้านนวัตกรรมไบโอเมตริก ได้คิดค้นสแกนเนอร์รุ่นแรกของโลกที่สแกนได้ทั้งพาสปอร์ตและลายนิ้วมือบนแป้นเดียวกัน จากปัจจุบันที่ต้องใช้เครื่องสแกนพาสปอร์ตเครื่องหนึ่งและเครื่องสแกนลายนิ้วมืออีกเครื่องหนึ่งแยกกัน นวัตกรรมใหม่ล่าสุดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับประตูอิเล็กทรอนิก ตู้บริการต่างๆ การพิสูจน์อัตลักษณ์ที่จุดผ่านแดน และการขึ้นทะเบียนในประเทศ ทั้งนี้ DERMALOG กำลังจัดแสดงสแกนเนอร์รุ่น VF1 นี้ที่มหกรรม CARTES ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีสระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายนนี้

 

– อ้างอิง: รับชมภาพประกอบได้จาก AP Images (http://www.apimages.com)

 

DERMALOG Identification Systems กำลังนำเสนอนวัตกรรมการระบุอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกใหม่ล่าสุดมากมายที่งาน CARTES ซึ่งเป็นงานจัดแสดงโซลูชั่นด้านการระบุอัตลักษณ์ การชำระเงิน และอุปกรณ์เคลื่อนที่ และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ DERMALOG ขึ้นแท่นผู้นำโซลูชั่นไบโอเมตริกสุดล้ำสมัยสำหรับการพิสูจน์อัตลักษณ์ที่จุดผ่านแดนและการขึ้นทะเบียนในประเทศ

 DERMALOG VF1 / DERMALOG VF1: the first combined scanner in the world which scans both passports and fingerprints on the same scanning surface. (PRNewsFoto/DERMALOG Identification Systems)

DERMALOG VF1: the first combined scanner in the world which scans both passports and fingerprints on the same scanning surface. (PRNewsFoto/DERMALOG Identification Systems)

(รูปภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151117/288087)

 

สแกนเนอร์รุ่น VF1 สามารถจับภาพพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนแบบสีด้วยความละเอียดและคุณภาพสูงสุด พร้อมกับสแกนเอกสารด้วยรังสีอินฟราเรดและอัลตราไวโอเลตพร้อมกันเพื่อตรวจความถูกต้องของเอกสาร ขณะเดียวกันเครื่องอ่าน RFID ภายในสแกนเนอร์ยังรับข้อมูลจากอีพาสปอร์ตหรือบัตรอิเล็กทรอนิกได้ด้วย ดังนั้น VF1 จึงเป็นเครื่องสแกนพาสปอร์ตแบบฟูลคัลเลอร์ระดับแนวหน้าของตลาดที่ได้มาตรฐานสากลและมีเทคโนโลยีสุดล้ำ พร้อมกันนั้นยังมีโมดูลตรวจจับพาสปอร์ตปลอมแบบอัตโนมัติด้วย

 

นอกจากนี้ VF1 ยังสามารถจับภาพลายนิ้วมือ 1 นิ้ว 2 นิ้ว หรือ 4 นิ้วบนแป้นเดียวกัน ด้วยความคมชัด 500 dpi และระดับสีเทา 256 ระดับ โดย VF1 ใช้มาตรฐานลายนิ้วมือสากลสำหรับ AFIS และการระบุอัตลักษณ์ไบโอเมตริก VF1 สามารถบันทึกภาพได้สูงสุด 4 ลายนิ้วมือในการสแกนครั้งเดียว นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์และฟังก์ชั่นครบครันเทียบเท่าสแกนเนอร์ tenprint และสแกนเนอร์ 4-4-2 ขณะเดียวกันยังสามารถบันทึกภาพลายนิ้วมือ 10 นิ้วทั้งแบบราบและแบบกลิ้งนิ้วได้ด้วย และที่สำคัญคือมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการตรวจจับลายนิ้วมือปลอม เพื่อป้องกันการโกงหรือการใช้ในทางมิชอบ

 

กึนเธอร์ มุลล์ ซีอีโอของ DERMALOG อธิบายว่า สแกนเนอร์ VF1 คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเราที่จะช่วยให้ประตูอิเล็กทรอนิกและตู้บริการต่างๆ สามารถใช้สแกนเนอร์เพียงเครื่องเดียวเพื่อสแกนพาสปอร์ตและลายนิ้วมือ นอกจากนั้นยังสามารถสแกนลายเซ็น บาร์โค้ด ตั๋วเครื่องบิน ตลอดจนเอกสารการเข้าออกประเทศได้ด้วย ส่งผลให้ VF1 มีความเอนกประสงค์ยิ่งขึ้นขณะเดียวกัน VF1 ยังเหมาะสำหรับเคาน์เตอร์ลงทะเบียนและจุดตรวจรักษาความปลอดภัยต่างๆ เพราะสามารถสแกนเอกสารได้หลายประเภทและบันทึกข้อมูลไบโอเมตริกได้ในเครื่องเดียว

 

VF1 เป็นสินค้า “Made in Germany” ที่คิดค้นขึ้นโดย DERMALOG ในปีนี้ นอกจากนั้นยังได้รับรางวัล “Industriepreis 2015″ จากนวัตกรรมอันทันสมัยด้วย

 

เกี่ยวกับ DERMALOG

DERMALOG Identification Systems GmbH ในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เป็นผู้ผลิตโซลูชั่นไบโอเมตริกรายใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และเป็นผู้นำของโลกด้านโซลูชั่นระบุอัตลักษณ์ด้วยไบโอเมตริก

คณะนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทันสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีตั้งแต่โซลูชั่น “Automatic Biometric Identification Systems” (ABIS และ AFIS) อันได้แก่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือรุ่นล่าสุด ระบบพิสูจน์อัตลักษณ์ที่จุดผ่านแดนไบโอเมตริก บัตรประชาชนไบโอเมตริก และเอกสารไบโอเมตริก ไปจนถึงโซลูชั่น “FingerLogin”, “FingerPayment” และ “FingerBanking”

นอกเหนือจากในเยอรมนีและยุโรปแล้ว DERMALOG ยังดำเนินธุรกิจในเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง โดยในเยอรมนีนั้น DERMALOGได้จัดหาเครื่องสแกนลายนิ้วมือกว่า 20,000 เครื่องสำหรับการขึ้นทะเบียนประชาชน การพิสูจน์อัตลักษณ์ที่จุดผ่านแดน และการขึ้นทะเบียนชาวต่างชาติ เพื่อฝังลายนิ้วมือลงในพาสปอร์ต บัตรประชาชน และใบอนุญาตพำนัก จนถึงปัจจุบัน บริษัทได้ส่งมอบเทคโนโลยีและโซลูชั่นให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกว่า 130 หน่วยงาน ในกว่า 70 ประเทศ

DERMALOG ยังเป็นผู้จัดหาโซลูชั่นไบโอเมตริกให้แก่ธนาคารและผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มหลายราย โดยปัจจุบันมีตู้เอทีเอ็มมากมายทั่วโลกที่ติดตั้งเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือของ DERMALOG แทนระบบ PIN ที่ไม่ปลอดภัย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นไบโอเมตริกที่เปี่ยมนวัตกรรมจาก DERMALOG ได้ที่http://www.dermalog.com

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

            DERMALOG Identification Systems GmbH

            สื่อมวลชนสัมพันธ์

            Jon Augestad

Mittelweg 120

20148 Hamburg

Germany

            โทร. +49-(40)-413227-0

แฟกซ์: +49-(40)-413227-89

อีเมล: Jon.Augestad@dermalog.com

แหล่งข่าว: DERMALOG Identification Systems GmbH

มหกรรม “China Hi-Tech Fair 2015” เปิดฉาก ชูแนวคิด “Internet Plus” ที่กำลังมาแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

เซินเจิ้น, จีน–18 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          มหกรรม China Hi-Tech Fair (CHTF) 2015 เปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่จัดแสดงกว่า 150,000 ตามรางเมตร และจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Internet Plus” ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างอินเทอร์เน็ตและอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และเทคโนโลยีไอที ซึ่งคาดว่าจะช่วยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และเปลี่ยนแปลงบทบาทหน้าที่ของรัฐบาล

 

           http://photos.prnaia.com/prnvar/20151117/0861511322  

          ด้วยเหตุที่การส่งเสริมการบูรณาการอินเทอร์เน็ตข้ามแดนได้กลายเป็นโครงการสำคัญโครงการหนึ่งในการทำงานของรัฐบาล มหกรรม CHTF 2015 จึงได้จัดพื้นที่สำหรับ “Internet Plus” ในฮอลล์ 1 และ 4 ซึ่งเน้นจัดแสดงผลิตภัณฑ์ข้ามพรมแดนและการพัฒนาเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังได้มีการจัดพื่นที่อื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การแพทย์ การศึกษา ชีวิต และอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและระดับนานาชาติได้นำเทคโนโลยี “Internet Plus” ล่าสุดมาจัดแสดงในงานนี้ ตัวอย่างเช่น Tencent ได้จัดแสดงโซลูชัน “Internet Plus” ของบริษัท ด้าน Baidu โชว์โครงการ “strore.baidu.comส่วน E-Techno Group แสดงโซลูชัน “Internet plus medical plus health management plus pension” และ Vanke บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าได้จัดแสดงวิธีผสมผสานการจัดการอสังหาริมทรัพย์เข้ากับอินเทอร์เน็ต

          อินเทอร์เน็ตเป็นแรงขับเคลื่อนการปฏิรูปการผลิตแบบดั้งเดิม โดยมีรายงานจากเหล่าคนวงในว่า “Internet Plus” ช่วยกระตุ้นบริษัทอินเทอร์เน็ตในประเทศจีนได้เป็นอย่างมาก ขณะที่รายงานการทำงานของรัฐบาลระบุว่า นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า “จีนจะพัฒนาแผนปฏิบัติการ “Internet Plus” เพื่อผนวกรวมโมบายล์อินเทอร์เน็ต คลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยี Internet of Things เข้ากับการผลิตสมัยใหม่ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอี-คอมเมิร์ซ เครือข่ายอุตสาหกรรม และอินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้ง และเพื่อช่วยเหลือบริษัทอินเทอร์เน็ตต่างๆ”

          มหกรรม CHTF2015 มอบโอกาสพิเศษให้แก่ผู้จัดแสดง และทำหน้าที่เป็นเวทีเพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการผสมผสานการจัดแสดงผลิตภัณฑ์บนพื้นที่อันกว้างขวาง เข้ากับการประชุมสนับสนุนและกิจกรรมย่อยต่างๆ ที่ดำเนินรายการโดยผู้บรรยายมืออาชีพและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปกป้องทางเทคนิคขึ้นสูงและการประชุมที่น่าสนใจได้ในงานมหกรรม CHTF 2015

          เกี่ยวกับ CHTF:

          มหกรรมสินค้าไฮเทค China Hi-Tech Fair (CHTF) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-21 พฤศจิกายนของทุกปีที่เซินเจิ้น งานนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีของจีนตั้งแต่ปี 2542 โดยมีกระทรวงพาณิชย์จีน กระทรวงอื่นๆ พร้อมด้วยรัฐบาลท้องถิ่นประจำมณฑลเซินเจิ้นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ CHTF เป็นงานจัดแสดงเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดของจีน โดยเป็นที่รู้จักในฐานะ “งานจัดแสดงเทคโนโลยีอันดับ 1 ของจีน”

          รูปภาพ – http://photos.prnasia.com/prnh/20151117/0861511322

เมืองเกาสงของไต้หวันประกาศใช้แนวทางความปลอดภัยสำหรับการจัดการระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซ ตามมาตรฐาน CSA Z662-15

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

เกาสง, ไต้หวัน–17 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

          CSA Group ผู้ให้บริการพัฒนา ทดสอบ และรับรองมาตรฐานชั้นนำระดับโลก ประกาศว่า สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจเกาสงของไต้หวัน (Taiwan Kaohsiung Economy Development Bureau) ได้อ้างอิงมาตรฐานระบบท่อส่งน้ำมันและก๊าซ (CSA Z662) ของ CSA Group ในมาตรฐานการจัดการระบบท่อส่งใหม่ของเมืองเกาสง โดยได้นำเอาแนวทางความปลอดภัยระดับสากลมาใช้ในการกำกับดูแลการดำเนินงานของระบบท่อส่งใต้ดินภายในเมือง เพื่อช่วยจัดการความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบท่อส่งในเมืองเกาสง

          CSA Group มีประสบการณ์เกือบ 50 ปีในการพัฒนามาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคจะปรับปรุงมาตรฐานต่างๆให้มีความทันสมัยอย่างน้อยทุกห้าปี ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนามาตรฐานของ CSA Group สำหรับมาตรฐาน CSA Z662 ในปัจจุบันนั้นเป็นฉบับปรับปรุงครั้งที่ 7 ในฐานะที่เป็นมาตรฐานหลักของแคนาดาสำหรับการจัดการสภาวะแวดล้อมอันหลากหลายที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซเผชิญอยู่เป็นปกติ มาตรฐานเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้เพิ่มและขยายหมวดหมู่ซึ่งเน้นไปที่ระบบการจัดการความสูญเสีย โครงการบริหารจัดการความมั่นคงของท่อส่ง และขั้นตอนการประเมินทางวิศวกรรม

          สำหรับในแคนาดานั้น การทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของ CSA Z662 นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบความปลอดภัย การก่อสร้าง และการซ่อมบำรุงระบบท่อส่งทั่วประเทศ CSA Z662 ได้รับการอ้างอิงในการออกกฎหมายโดยหลายจังหวัดหรือมณฑล ตลอดจนเขตแดน และรัฐบาลกลาง ซึ่งทำให้มาตรฐานนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมในการทำความเข้าใจและใช้มาตรฐานใหม่นี้เพื่อช่วยปรับปรุงความปลอดภัย ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลิตภาพของอุตสาหกรรม ฉบับปรับปรุงปี 2015 ได้รวมคำวิจารณ์ของผู้เชี่ยวชาญเข้าไว้ในเอกสารมาตรฐานโดยตรง ทำให้มาตรฐานนี้เป็นทรัพยากรที่ครอบคลุมสำหรับการทำงานในโครงการท่อส่ง

          ตามประกาศของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจเกาสงของไต้หวัน ผู้ประกอบการท่อส่งทุกรายในเกาสงจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานใหม่ สำนักงานของ CSA Groupในไต้หวันจะเชิญผู้ประกอบการทุกรายในเกาสงเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบท่อส่งได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญของ CSA Group ประจำไต้หวัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจในข้อกำหนดของ CSA Z662

          CSA Group จะนำเสนอประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษในการพัฒนามาตรฐานการจัดการท่อส่งและการให้บริการรับรองระบบการจัดการต่างๆ แก่ผู้ประกอบการท่อส่งในเกาสงและทั่วทั้งไต้หวัน CSA Group ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและการรับรององค์ประกอบต่างๆของท่อส่ง ผ่านการนำเสนอแนวทางทางเทคนิคที่ครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงของระบบท่อส่งทั้งระบบ รวมทั้งช่วยกำจัดหรือลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลง

          สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CSA Z662 ได้ที่ http://shop.csa.ca

          เกี่ยวกับ CSA Group

          CSA Group คือสมาคมสมาชิกอิสระซึ่งมุ่งพัฒนาความปลอดภัย สร้างความยั่งยืน และทำประโยชน์เพื่อสังคม เราได้รับการรับรองระดับนานาชาติในฐานะองค์กรผู้พัฒนามาตรฐาน รวมทั้งทดสอบและรับรองระบบการจัดการต่างๆ นอกจากนี้ เรายังให้บริการประเมินผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค ตลอดจนบริการฝึกอบรมและให้ความรู้ ความรู้ความเชี่ยวชาญอันหลากหลายของเรานั้นครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่เสี่ยงอันตรายและเครื่องมืออุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง การประปาและการก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์การแพทย์และบริการสุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าและก๊าซ พลังงานทางเลือก ไฟส่องสว่าง และความยั่งยืน ตราสัญลักษณ์รับรองของ CSAปรากฏอยู่บนผลิตภัณฑ์หลายพันล้านรายการทั่วโลก รับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CSA Group ได้ที่www.csagroup.org

          ติดต่อ:

          CSA Group Taiwan

          Frances Hung

          โทร: (02)2901-5123

          อีเมล: csataiwan@csagroup.org

          CSA Group

          Pino Chen

          โทร: 86-21-54261199-822

          อีเมล: pino.chen@csagroup.org

ธุรกิจดิวตี้ฟรีและค้าปลีกท่องเที่ยวตบเท้าร่วมงาน TFWA World Exhibition & Conference 2015

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

คานส์, ฝรั่งเศส–17 พ.ย.– พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

เหล่าผู้ทรงอิทธิพลกว่า 6,700 คนในแวดวงธุรกิจสินค้าปลอดภาษีและธุรกิจค้าปลีกในสนามบิน ได้มารวมตัวกันที่เมืองคานส์ ณ ชายหาดโกตดาซูร์ของฝรั่งเศส เมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมงานใหญ่ประจำปีอย่าง TFWA World Exhibition & Conference

 

รับชมข่าวในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

http://www.multivu.com/players/uk/7628051-the-duty-free-travel-retail-global-summit/

การประชุมสุดยอดการค้าระดับโลกงานนี้ถือเป็นงานสำคัญประจำปีที่พลาดไม่ได้สำหรับภาคอุตสาหกรรมนี้ และแม้แต่เหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในเมืองคานส์ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่งานจะเปิดฉากได้เพียงไม่นานก็ไม่อาจหยุดยั้งบริษัท 3,000 แห่งในการส่งตัวแทนเข้าร่วมงาน

Erik Juul-Mortensen ประธาน TFWA กล่าวว่าด้วยพลังและความมุ่งมั่นทุ่มเทจากบรรดาพันธมิตรของเราในเมืองคานส์ ทำให้งาน TFWA World Exhibition & Conference จัดขึ้นได้ตามกำหนดการ โดยที่เกือบทุกส่วนของงานสามารถเสร็จสิ้นทันระยะเวลาที่กำหนด ทั้งที่เพิ่งเกิดอุทกภัยในเมืองคานส์ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เข้าร่วมงานโดยรวมที่ลดลงจากปี 2014 ถึง 2% ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงสภาพการค้าที่ยากลำบากในปีนี้ อันเนื่องมาจากความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง การท่องเที่ยว และการค้าปลีกทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ยังนับเป็นโชคดีสำหรับบริษัท 482 แห่งที่มาร่วมจัดแสดงสินค้าบนพื้นที่ 21,500 ตารางเมตร เนื่องจากจำนวนบริษัทผู้ซื้อรายใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ประกอบการธุรกิจสินค้าปลอดภาษี ร้านค้าในสนามบิน ผู้ให้เช่าพื้นที่ในสนามบิน สายการบิน เรือข้ามฟาก เรือสำราญ ผู้ประกอบการค้าชายแดนและในตัวเมือง เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมา

สินค้าหรูและสินค้านวัตกรรมหลายพันรายการถูกนำมาจัดแสดงในงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมและเครื่องสำอาง ไวน์และสุรา สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับอัญมณีและนาฬิกา ขนมและอาหาร ของขวัญและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าประเภทยาสูบ

TFWA World Conference ซึ่งจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม ได้ดึงดูดผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 1,500 คน ซึ่งได้ร่วมรับฟังการวิเคราะห์แบบชวนคิดเกี่ยวกับสภาวะธุรกิจในปัจจุบันจากผู้บรรยาย 3 ท่าน ได้แก่ Rudi Giuliani อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก Peter Long ซีอีโอ TUI Group และ Erik Juul-Mortensenประธาน TFWA โดยมี Stephen Sackur จาก BBC HARDtalk เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย

Erik Juul-Mortensen กล่าวสรุปว่า “TFWA มีความยินดีที่จะได้รายงานว่า TFWA World Exhibition & Conference ครั้งที่ 31 ได้สำเร็จลุล่วงลงด้วยดี โดยได้รับกระแสตอบรับด้านบวกมากมายจากทั้งผู้เข้าชมงานและผู้จัดแสดงสินค้า เราตั้งตารอที่จะได้พบปะกับผู้ร่วมงานในงานครั้งต่อไป ซึ่งก็คือ MEADFA Conference ซึ่งจะจัดขึ้นที่จอร์แดนในวันที่ 23 และ 24 พฤศจิกายน

งานที่กำลังจะมาถึง:

งาน MEADFA Conference วันที่ 23 และ 24 พฤศจิกายน 2015 ที่จอร์แดน

งาน TFWA Asia Pacific Exhibition & Conference วันที่ 8-12 พฤษภาคม 2016 ที่สิงคโปร์

งาน TFWA World Exhibition & Conference วันที่ 2-7 ตุลาคม 2016 ที่เมืองคานส์

http://www.tfwa.com

http://photos.prnewswire.com/prnh/20151116/287939

 

ที่มา: TFWA

ชายาเจ้าผู้ครองรัฐชาร์จาห์ประกาศปฏิญญาว่าด้วยโรคไม่ติดต่อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

ชาร์จาห์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–17 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

สมาพันธ์โรคไม่ติดต่อจากทั่วทุกมุมโลกร่วมลงมติยอมรับ “ปฏิญญาชาร์จาห์”

 

เชคกา จาวาเฮอร์ บินท์ โมฮัมเหม็ด อัล คาซิมี (Sheikha Jawaher bint Mohammed Al Qasimi) ชายาของเจ้าผู้ครองรัฐชาร์จาห์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและองค์อุปถัมภ์องค์กร Friends of Cancer Patients (FoCP) รวมทั้งเป็นทูตสากลประจำ World Cancer Declaration ของสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (UICC) และทูตสากลประจำโครงการ Childhood Cancer ของ UICC ได้ประกาศ “ปฏิญญาชาร์จาห์” (Sharjah Declaration) ว่าด้วยโรคไม่ติดต่อเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกว่า 230 ท่านที่เข้าร่วมการประชุมสมาพันธ์โรคไม่ติดต่อ (NCDs Alliance Forum) ระดับโลกครั้งปฐมฤกษ์ ปฏิญญาดังกล่าวประกอบด้วยข้อเสนอแนะที่สำคัญที่สุดจากการประชุม ซึ่งจะนำมาประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2573

 Friends of Cancer Patients Logo / Friends of Cancer Patients (FoCP) Logo (PRNewsFoto/Friends of Cancer Patients)

Friends of Cancer Patients (FoCP) Logo (PRNewsFoto/Friends of Cancer Patients)

(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151116/287582LOGO)

Sharjah Declaration Launch / Her Highness Sheikha Jawaher Al Qasimi receiving "Sharjah Declaration" from Sir George Alleyne and Dr Jose Luis Castro. (PRNewsFoto/Friends of Cancer Patients)

Her Highness Sheikha Jawaher Al Qasimi receiving “Sharjah Declaration” from Sir George Alleyne and Dr Jose Luis Castro. (PRNewsFoto/Friends of Cancer Patients)

(ภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20151116/287583)

 

การประชุมสมาพันธ์โรคไม่ติดต่อระดับโลกครั้งปฐมฤกษ์ได้ปิดฉากลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการถวายปฏิญญาชาร์จาห์แด่เชคกา จาวาเฮอร์ อัล คาซิมี สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากวิทยากร 51 ท่านจาก 45 ประเทศ ตลอดจนองค์กร 173 แห่งที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์โรคไม่ติดต่อระดับชาติและระดับภูมิภาค 43 สมาพันธ์

 

ภายใต้ปฏิญญาดังกล่าว สมาพันธ์โรคไม่ติดต่อระดับชาติและระดับภูมิภาคจากทั่วโลกได้รวมพลังกันผลักดันการดำเนินงานและยกระดับความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันและลดการเสียชีวิต ภาวะทุพพลภาพ อคติ และการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นจากโรคไม่ติดต่อ นอกจากนี้ สมาพันธ์ต่างๆยังให้คำมั่นว่าจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มจำนวนสมาชิกของสมาพันธ์ ตลอดจนยกระดับความร่วมมือกับภาครัฐ และเป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคไม่ติดต่อ ปฏิญญาดังกล่าวยังมุ่งระดมทรัพยากรเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อทั้งในระดับประเทศ ระดับทวิภาคี และระดับพหุภาคี อีกทั้งยังติดตามดูแลกระบวนการและขั้นตอนต่างๆในการดำเนินงาน รวมถึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น  

 

ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุมนั้น เชคกา จาวาเฮอร์ อัล คาซิมี ทรงขอบคุณผู้เข้าร่วมการประชุมทุกคน และตรัสว่า “ความพยายามของฉันในการต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อทั่วโลก คือหน้าที่และความรับผิดชอบด้านมนุษยธรรมในการช่วยเหลือบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมด้วยความรอบรู้และประสบการณ์ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดต่อผลพวงของโรคไม่ติดต่อที่มีต่อผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ในระดับปานกลางและระดับต่ำ”

 

นอกจากนี้ พระองค์ยังขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุ่มเททำงานและประสานงานกันต่อไปหลังสิ้นสุดการประชุมนี้ ซึ่งจะเป็นเวทีถาวรในการติดตามความก้าวหน้าและรับรองการปฏิบัติตามปฏิญญาชาร์จาห์ พระองค์มองว่าปฏิญญาชาร์จาห์คือของขวัญที่ผู้เชี่ยวชาญ 230 ท่านได้มอบให้แก่ทุกคนทั่วโลก สุดท้าย พระองค์ได้ขอให้จัดการประชุมครั้งที่ 2 ที่รัฐชาร์จาห์ในปี 2560

 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Yousef Al Taweel
National Network Communications (NNC)
อีเมล: y.altaweel@nncpr.com

 

Maha Abou Rich
National Network Communications (NNC)
อีเมล: m.abourich@nncpr.com

 

ที่มา: Friends of Cancer Patients Society

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี ต่อสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าขนาด 102 เมกะวัตต์ในเมียนมาร์จนถึงปี 2559

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

http://www.infoquest.co.th/contact-us/

 

แจ็คสันวิลล์, ฟลอริดา–17 พ.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

 

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี (APR Energy plc) (LSE: APR) ผู้นำด้านโซลูชั่นพลังงานแบบฟาสแทร็คระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทได้ต่อสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าขนาด102 เมกะวัตต์ในเมียนมาร์ออกไปจนถึงปี 2559 โดยเงื่อนไขทางการเงินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ สัญญาต้นฉบับที่ลงนามไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ถือเป็นสัญญาว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าฉบับแรกระหว่างบริษัทสหรัฐกับรัฐบาลเมียนมาร์ นับตั้งแต่สหรัฐผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาร์

 APR Energy plc Myanmar Plant / Award-winning Myanmar plant began providing 6 million rural residents and local industry with essential, clean-burning electricity south of Mandalay less than three months after contract signing -- first by U.S. power company in this southeast Asian country since lifting of sanctions. (PRNewsFoto/APR Energy plc)

Award-winning Myanmar plant began providing 6 million rural residents and local industry with essential, clean-burning electricity south of Mandalay less than three months after contract signing — first by U.S. power company in this southeast Asian country since lifting of sanctions

รูปภาพ – http://photos.prnewswire.com/prnh/20151116/287746

APR ENERGY LOGO / APR Energy. (PRNewsFoto/APR Energy) (PRNewsFoto/)

APR Energy. (PRNewsFoto/APR Energy) (PRNewsFoto/)

โลโก้ – http://photos.prnewswire.com/prnh/20120207/FL48583LOGO

 

โรงไฟฟ้า Kyaukse ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมาร์ อันเป็นประเทศที่ประชาชนเกือบ 42 ล้านคนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวใช้เวลาติดตั้งเพียง 90 วัน และเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนมากกว่า 6 ล้านคน นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังคว้ารางวัล Top Plants Award ในหมวดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมกังหันก๊าซ จากนิตยสาร POWER อีกด้วย

 

เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมเศรษฐกิจเมียนมาร์ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว” ลอเรนซ์ แอนเดอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว “เราเป็นบริษัทพลังงานสหรัฐแห่งแรกที่ดำเนินธุรกิจในเมียนมาร์ในช่วงหลายปีมานี้ และยังโชคดีที่ได้ร่วมงานกับสุดยอดพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Myanmar Electric Power Enterprise และรัฐบาลเมียนมาร์ ที่ต่างมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อความสำเร็จของโครงการนี้ ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเมียนมาร์ทุกคน”

 

ไคลฟ์ เทอร์ตัน กรรมการผู้จัดการของเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ผมขอแสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่และกระทรวงต่างๆของเมียนมาร์ สำหรับความร่วมมืออย่างเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพกับทีมงานของเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี จนกระบวนการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และเราหวังว่าจะได้สร้างความร่วมมือในเชิงบวกกับ Myanmar Electric Power Enterprise ต่อไปในอนาคต”

 

ทั้งนี้ เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี เปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 82 เมกะวัตต์ในเดือนเมษายน 2557 ก่อนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20 เมกะวัตต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เพื่อช่วยชดเชยการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ลดลงในช่วงหน้าแล้ง

 

คลิกที่นี่ [https://www.youtube.com/watch?v=VeNUGaXOI7g] เพื่อรับชมวิดีโอสั้นเกี่ยวกับโครงการ

 

เกี่ยวกับเอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี

เอพีอาร์ เอ็นเนอร์จี คือผู้นำระดับโลกด้านการผลิตไฟฟ้าแบบฟาสท์แทร็คจากกังหันก๊าซเคลื่อนย้ายได้ โซลูชั่นพลังงานที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และครบวงจรของเรา ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลาตามความต้องการ โรงไฟฟ้าแบบเทิร์นคีย์ของเราซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ทันสมัยเข้ากับความเชี่ยวชาญระดับผู้นำในอุตสาหกรรม ได้ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม เมือง และประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aprenergy.com

 

 

อัลบัมรูปภาพสำหรับสื่อ [http://www.aprenergy.com/press-photo-gallery]