ความในใจ’ยะใส’ถึง’สุภิญญา’

ความในใจ’ยะใส’ถึง’สุภิญญา’

ความในใจ’ยะใส’ถึง’สุภิญญา’

ความในใจ’ยะใส’ถึง’สุภิญญา’: ขยายปมร้อนโดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา

              ไม่น่าเชื่อว่าการประมูลคลื่นโทรศัพท์ 3จี แทนที่จะเป็นความเคลื่อนไหวในแวดวงโทรคมนาคม หรือแวดวงการสื่อสาร แต่ปรากฏว่ามันกลายเป็นมหกรรมระดับชาติที่ดึงเอาตัวละครจากเวทีต่างๆ เข้ามาเล่นในเกมนี้เต็มไปหมด กลายเป็นปมปัญหาของประเทศชาติในเวลานี้ ร้อนถึงโรงถึงศาลที่อาจจะต้องเอื้อมมือมาไกล่เกลี่ยเคลียร์ข้อข้องใจต่างๆ เสียเอง

หนึ่งในตัวละครที่ออกโรงมาปะฉะดะ “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” (กสทช.) เสียยับเยิน และยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้ล้มการประมูลที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นการประเคน นั่นคือ “สุริยะใส กตะศิลา”

บางคนอาจจะงุนงงว่า เพราะเหตุใดอดีตผู้ประสานขบวนการคนเสื้อเหลือง “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ถึงโดดมาลุยในสงครามการสื่อสารโทรคมนาคม ที่ผ่านมา “สุริยะใส”จับประเด็นการเมืองเชิงโครงสร้าง บู๊ล้างผลาญกับระบอบทักษิณเป็นหลัก

แต่ถ้าหมุนนาฬิกาแล้วย้อนวันเวลากลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนก็จะพบรากเหง้าเข้าใจเหตุผลว่าทำไมวันนี้ “ยะใส” หันมาคว้าดาบฟาด กสทช. อย่างเต็มมือ

ก็เพราะเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเอ็นจีโอเต็มขั้นในบทบาทเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือครป. เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนนั้น เขาคือผู้หนึ่งที่ร่วมก่อตั้งองค์กรที่ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปสื่อในสังคมไทยที่ชื่อว่า “คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ” หรือคปส.

คปส.ตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันให้มีการจัดตั้งองค์กรกำกับและจัดสรรคลื่นความถี่ของชาติ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 40 ที่กำหนดไว้ว่าต้องมีองค์กรอิสระเพื่อทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ภายใต้แนวคิดว่าคลื่นความถี่เป็นสมบัติของสาธารณะไม่ใช่ปล่อยให้ผูกขาดอยู่กับหน่วยงานรัฐแทบทั้งหมด

คปส.เกิดขึ้นพร้อมกับเอ็นจีโอสาวน้อยหน้าตาคมเข้ม ชาวสุราษฎร์ธานี ที่ชื่อ “เก๋” สุภิญญา กลางณรงค์ ที่วันนี้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการกสทช. เป็นเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการประมูลเชิงแบ่งเค้กให้เอกชนแบบนี้

“สุริยะใส” ในฐานะผู้ที่ผ่านมาก่อน ก็รับหน้าที่พี่เลี้ยงติวเข้มเอ็นจีโอน้องใหม่

ก้าวแรกในชีวิตเอ็นจีโอของ “สุภิญญา” มี “สุริยะใส” คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เป็นพี่เลี้ยงที่คอยสอนวิธีการเคลื่อนไหว การทำงานมวลชน เทคนิคการเขียนแถลงการณ์ การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สารพัดวิชาของการเป็นนักเคลื่อนไหวในวันที่เพิ่งตั้งไข่ “น้องเก๋” ได้เรียนรู้จาก “พี่ยะใส” เป็นหลัก จนถูกแซวในมวลหมู่เอ็นจีโอด้วยกันเองว่าความสัมพันธ์มันจะกระเถิบไปไกลกว่าแค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องหรือไม่

เหมือนได้ปุ๋ยเร่งโต “เก๋” เติบโตในเส้นทางสายนี้อย่างก้าวกระโดด เธอได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเคลื่อนไหว รณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก

ช่วงที่เธอถูกบริษัทชินคอร์ปของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 400 ล้านทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ด้วยวัยเพียง 30 ต้นๆ เธอต้องตระเวนไปอภิปรายกรณีการคุกคามสื่อเกือบทั่วโลก

ขณะที่ “เก๋” ก้าวเดินอยู่บนเส้นทางของการปฏิรูปสื่อ “ยะใส” ก็ก้าวจากนักรณรงค์ประชาธิปไตย ไปเป็นผู้นำม็อบแบบเต็มขั้นในบทบาทผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสถานการณ์การเมือง ที่ประดุจน้ำป่าอันเชี่ยวกราก ก็ลากพาให้ “สุริยะใส” พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง ต้องเผชิญหน้ากับแรงกระแทกทางการเมืองอย่างหนักหนาสาหัสเกินกว่าคนหนุ่มอย่างเขาจะรับไหว หวุดหวิดติดคุกติดตะรางก็หลายรอบ

กระทั่งวันนี้ “ยะใส” ถอยฉากจากความเป็นนักเคลื่อนไหวที่ยืนอยู่ในมุมเหลือง ออกมาทำงานในภาพกว้างมากขึ้น หลุดพ้นจากสังกัดสีที่ครอบงำชีวิตเขามาอย่างน้อย 5-6 ปี

ขณะที่ “สุภิญญา” เข้าไปอยู่ในระบบ อยู่ในอ้อมกอดของอำนาจและผลประโยชน์มหาศาล ในบทบาทกรรมการกสทช. แต่ “สุริยะใส” ยังคงยืนอยู่ในเวทีการเมืองภาคประชาชน

ไม่มี “น้องเก๋” ยืนชูป้ายอยู่บนท้องถนน “พี่ยะใส” ตัดสินใจเดินกลับมาสานต่ออุดมการณ์ของน้องด้วยการเดินหน้าฟ้องศาลปกครองว่าการประมูลครั้งนี้เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนมากกว่าจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ

ถ้า “น้องเก๋” ยังอยู่งานนี้ไม่ต้องถึงมือ “พี่ยะใส” ในวันที่ทั้งสองคนยืนกันอยู่คนละเวที “สุริยะใส” มีข้อความบางอย่างถึงสุภิญญา ว่าในฐานะที่เป็นนักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เมื่อเข้าไปทำงานในระบบแล้วต้องยอมรับว่าจะเหนื่อยมากกว่าคนอื่นสองเท่า เพราะสังคมจะคาดหวังว่า “เก๋” เป็นคนมีอุดมการณ์เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าไปแล้วจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติได้อย่างเต็มที่

“วันนี้ เก๋ เป็นเสียงข้างน้อยในกสทช. อย่าเสียใจ หลายประเทศในรัฐสภาพรรคเสียงข้างน้อยมีพลังมากกว่าพรรคเสียงข้างมาก เพราะเขาทำงานโดยมีหลังพิงอยู่ที่มวลชน ถ้าเก๋เห็นอะไรไม่ถูกต้องชอบธรรม ถึงจะโหวตแพ้ในที่ประชุม ก็ขอให้เอาเรื่องนั้นมาบอกกับประชาชน ตีแผ่ให้สังคมรู้ความจริง ทำงานโดยยึดโยงกับประชาชน พลังของประชาชนเท่านั้นจะเป็นแรงผลักดันให้เก๋สามารถเอาชนะเสียงข้างมากที่ไม่ถูกต้องได้”

นี่คือข้อความจากใจของ “พี่ยะใส” ฝากถึง “น้องเก๋” ในวันที่โชคชะตา ขีดเส้นให้ทั้งสองคนเดินห่างกันไกลขึ้นทุกที
…………

(หมายเหตุ : ความในใจ’ยะใส’ถึง’สุภิญญา’: ขยายปมร้อนโดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา)

ใส่ความเห็น