ชาติไร้อนาคตเสี่ยงหายนะ ภายใต้รัฐบาลทักษิณส่วนหน้า (แนวหน้าวิเคราะห์)

http://www.naewna.com/news.asp?ID=299746

วันที่ 5/2/2012

นักสังเกตุการณ์ทางการเมืองประเมินผลงาน 6เดือนในการบริหารประเทศของรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าภายใต้การนำของนายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วเห็นว่าล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพแทบจะทุกด้านทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ขณะที่แนวโน้มอนาคตของชาติบ้านเมืองเต็มไปด้วยความมืดมนอนธกาลโดยเฉพาะชนวนระเบิดเวลาทางการเมืองลูกใหญ่จากปมความพยายามที่จะบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงและการมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือออกกฏหมายเพื่อมุ่งลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองตลอดจนทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดตกเป็นของแผนดินคืน

 ในทางการเมืองรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการนำพาชาติไปสู่ความปรองดองส่วนทางกับสิ่งที่เคยพยายามสร้างภาพไว้ช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลหุ่นเชิดมุ่งแต่จะทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและความถูกต้องชอบธรรมใดๆทิ้งสิ้นอันเป็นชนวนสร้างความแตกแยกและเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าของคนในชาติอย่างรุนแรงในอนาคต

 ก่อนหน้านี้รัฐบาลทักษิณส่วนหน้าพยายามผลักดันกฏหมายเพื่อนิรโทษกรรมความผิดให้กับทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านอย่างหนักจนต้องพับแผนไปชั่วคราว ล่าสุดรัฐบาลทักษณส่วนหน้าออกมารุกคืบผลักดันกฏหมายเพื่อฟอกโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้ง โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาแบไต๋แล้วว่าได้ยกร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติเสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอเข้าสู่สภาในเร็วๆนี้ โดยสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติแม้ ร.ต.อ.เฉลิม จะพยายามอ้างว่า มุ่งนิรโทษกรรมความผิดแก่ทุกฝ่ายที่ได้รับผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 แต่แท้ที่จริงเป็นการอำพรางเป้าหมายแอบแฝงที่แท้จริงของพรรคเพื่อแม้วที่มุ่งลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าขบวนการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 จึงไม่แปลกที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมฝ่ายค้านจะตั้งข้อสังเกตุเปิดโปงการออกพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติว่าเป็นเพียงการเล่นคำเปลี่ยนหน้าแปลงโฉม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มุ่งฟอกโทษความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น

 สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เพื่อปูทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและทำให้ระบอบทักษิณผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศได้ง่ายดายขึ้นอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่เป็น รัฐไทยใหม่ ในอนาคตด้วยการบ่อนทำลายลดอำนาจยบทบาทสถาบันหลักต่างๆของชาติให้อ่อนแอลง อาทิ สถาบันที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง กองทัพ ศาล และองค์กรอิสระต่างๆ

 นอกจากลุแก่อำนาจดันทุรังลทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นชนวนนำไปสู่ความแตกแยกและการเผชิญหน้าของคนในชาติ รัฐบาลทักษิณส่วนหน้ายังปล่อยให้ขบวนการที่เป็นภัยและบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงเติบโตกล้าแข็งเคลื่อนไหวอย่างเหิมเกริมและลอยนวล ทั้งการเผยแพร่ข้อความโจมตีสถาบันทางเว็บไซต์ด้วยถ้อยคำหยาบช้ารุนแรงและแพร่ระบาดอย่างหนัก ขณะที่กลุ่มนิติเรดซึ่งยกระดับการเคลื่อนไหวเป็นคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฏหมายอาญาว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ครก.112) ออกมาเปิดหน้าชนเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบันอันเป็นที่เคารพเทิดทูนอย่างเหิมเกริมราวกับถือดีว่ามีอำนาจอันทรงอิทธิพลคอยหนุนหลัง โดยที่รัฐไม่ได้ดำเนินการใดๆทิ้งสิ้น ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตุว่ากลุ่มนิติเรดแท้ที่แท้จริงแล้วเป็นเครือข่ายระบอบทักษิณเช่นเดียวกับรัฐบาล

 การออกมาเคลื่อนไหวอย่างจาบจ้วงเหิมเกริมของกลุ่มนิติเรดทำให้ประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของชาติจากทุกสาขาอาชีพออกมาแสดงความไม่พอใจและแสดงพลังต่อต้านกลุ่มนิติเรดอย่างรุนแรงและลุกลามกว้างขวางมากขี้นเรื่อยในขอบข่ายทั่วประเทศ ซึ่งกระแสต่อต้านของพลังประชาชนที่จงรักภักดีทำให้รัฐบาลทักษิณส่วนหน้าเต้องปลี่ยนจุดยืนและท่าทีชนิดหน้ามือเป็นหลังมือด้วยการชิ่งหนีลอยแพกลุ่มนิติเรดทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เคยยกย่องสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มนิติเรดที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ผลพวงทั้งหมดจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 เป็นโมฆะ

 แม้ นายกฯยิ่งลักษณ์ และเหล่าแกนนำพรรคเพื่อแม้วจะเรียงหน้าออกมาแก้เกี้ยวชิ่งหนี ด้วยการลอยแพงกลุ่มนิติเรดและยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 แต่ก็ถูกจับเท็จว่าเป็นเพียงปาหี่ตีสองหน้าสร้างภาพเอาตัวรอด โดย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงใบเสร็จมัดนายกฯนกแก้วและเหล่าแกนนำพรรคเพื่อแม้วที่เคยแสดงจุดยืนชัดเจนสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 โดยหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ปีที่แล้ว นายกฯยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษว่า จำเป็นที่จะต้องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและไม่ให้มีการนำมาตรานี้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวหาเสียงว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนแนวคิดแก้มาตรา 112 ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาล เพิ่งให้สัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มนิติเรด

 ความเป็นเครือข่ายเดียวกันของรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าและกลุ่มนิติเรดถูกตั้งข้อสังเกตุมาตลอดเพราะแกนนำหลักที่อยู่หลังฉากกลุ่มนิติเรดล้วนแล้วแต่เป็นนักวิชาการสายเสื้อแดงหน้าเดิมๆรวมทั้งมวลชนที่สนับสนุนกลุ่มนิติเรดก็คือกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะที่ช่วงเวลาการเคลื่อนไหวและเป้าหมายแอบแฝงตามข้อเสนอของกลุ่มนิติเรดก็สอดคล้องกับระบอบทักษิณ

 นอกจากความล้มเหลวทางด้านการเมืองจนเป็นชนวนสร้างความแตกแยกในชาติด้วยการมุ่งทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว รัฐบาลชุดนี้ยังลุแก่อำนาจถึงกับอาศัยพวกมากลากไปออกพระราชกำหนด(พรก.)4ฉบับก่อหนี้สาธาณะจำนวนมหาศาลกว่า 1 ล้านล้านบาทโดยส่อเจตนา ทุจริตและนำเงินของแผ่นดินไปถลุงกับสารพัดโครงการประชานิยมเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงหายนะล่มจมทางการคลังที่จะเกิดกับประเทศในอนาคตดังเช่นที่เกิดขี้นกับหลายประเทศในโลกซี่งล่าสุดก็คือการล้มละลายของประเทศกรีซ

 นอกจากนี้รัฐบาลยังล้มเหลวทำให้ประเทศเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงถึงขนาดต้องควบคุมราคาข้าวแกง ขณะที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ช่วงเลือกตั้งว่าจะกระชากภาวะค่าครองชีพให้ต่ำลง และเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของประชาชน

 ขณะที่ปัญหาด้านสังคมแม้รัฐบาลจะพยายามสร้างภาพเชิงปริมาณด้วยการปราบปรามยาเสพติดอย่างขนานใหญ่ แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่ายิ่งปราบยาเสพติดกลับก็ยิ่งแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันที่ยังมีการเปิดบ่อนกลางกรุงเย้ยกฏหมายทั้งๆที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าไม่มีบ่อนในเมืองหลวงแล้ว ส่วนคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงก็เกิดขั้นแทบไม่เว้นแต่ละวันโดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย

 ที่สำคัญปัญหาที่ประชาชนกำลังหวั่นวิตกเป็นอย่างมากก็คือเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยวิกฤติมหาอุทกภัยครั้งที่สร้างความหายนะแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อ

 ปลายปีที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติต่างก็ไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าชุดนี้ เพราะวิกฤติมหาอุทกภัยที่เพิ่งผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นถึงความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล และแม้จะเพิ่งจะมีบทเรียนจากวิกฤติมหาอุทกภัยมาหยกๆ แต่จนบัดนี้แผนรับมือวิกฤติอุทกภัยที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้วก็ยังไม่ชัดเจนโดยเฉพาะแผนระยะสั้นทำให้กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.)ที่รัฐบาลตั้งขึ้นหลายคนไม่ว่าจะเป็น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และ นายประโมทย์ ไม้กลัด ออกมาตำหนิรัฐบาลว่าจนขณะนี้ก็ยังไม่มีแผนระสั้นที่ชัดเจน เพราะรัฐบาลมุ่งแต่ให้ความสำคัญเรื่องการใช้งบประมาณแต่กลับไม่กำหนดรายละเอียดแผนป้องกันน้ำท่วมที่ชัดเจน

 6เดือนของรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าจึงเป็น 6 เดือนแห่งความล้มเหลวและทำให้เห็นทิศทางว่า ภายใต้รัฐบาลชุดเต็มไปด้วยปัจจัยด้านลบและเสี่ยงที่จะนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความแตกแยก และหายนะอย่างไร้อนาคต ขณะที่ผลสำรวจของสวนดิสิตโพลและอีสานโพลล์ครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าการยอมรับในรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกด้านแม้แต่ในภาคอีสานซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยเอง

ทีมข่าวการเมือง

ใส่ความเห็น