ผลิใบ ขอคุยด้วยคน |
กองบรรณาธิการ
|
เก็บรักษาเงาะผลสดอย่างไร ให้ยาวนาน
เงาะเป็นไม้ผลเมืองร้อนชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญและแพร่หลายแต่เฉพาะบริโภคสดภายในประเทศ เนื่องด้วยพื้นที่ปลูกที่มีค่อนข้างมากในภาคตะวันออก จึง
ทำให้มีปัญหาเรื่องราคาเงาะตกต่ำในฤดูกาลผลิตอยู่เสมอมา การแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ การลดปริมาณการผลิตลง โดยการ
ลดพื้นที่ปลูกเพื่อจำกัดปริมาณเงาะที่จะออกสู่ตลาดให้น้อยลง พร้อมๆ กับขยายตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น แต่เนื่องจากเงาะผลสดจะมีระยะเวลาที่จะคง
ความสดอยู่ได้ไม่นานนัก จึงเป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่งในการส่งออก
กรมวิชาการเกษตร โดยนักวิชาการของสถาบันวิจัยพืชสวน และศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ซึ่งประกอบด้วย นิลวรรณ ลีอังกูรเสถียร ศิริขวัญ ชำนาญนก
เสริมสุข สลักเพ็ชร์ และอรวินทินี ชูศรี จึงได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการผลิตเงาะให้มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ในการกระจายสินค้าการเกษตรของไทยออกสู่ตลาดโลกให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียงในแถบเอเชีย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์
เป็นต้น
อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้ว ว่าด้วยข้อจำกัดของระยะเวลาการขนส่ง ที่จะทำให้เงาะคงความสดเมื่อถึงตลาดปลายทางในต่างประเทศ ครั้นจะแก้ปัญหาด้วย
การใช้การขนส่งทางอากาศ ซึ่งรวดเร็วแต่มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งค่อนข้างสูง ไม่คุ้มกับการลงทุน จึงมีการผลักดันให้ใช้การขนส่งทางเรือเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
ลง แต่ข้อเสีย คือต้องใช้ระยะเวลานานเกินกว่าที่เงาะจะคงความสดไว้ได้ ด้วยเหตุนี้คณะนักวิชาการที่เอ่ยนามมาแล้วข้างต้น จึงพยายามศึกษาหาวิธีการยืดอายุ
การเก็บรักษาเงาะผลสดให้ยาวนาน สำหรับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศโดยการขนส่งทางเรือ
เริ่มแรกได้ทดสอบการขนส่งเงาะผลสดทางเรือไปยังประเทศจีน โดยใช้ตู้ขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิ เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง เงาะยังคงมีความสดและ
คุณภาพยังดี แต่เมื่อนำเงาะออกจากตู้ขนส่ง เพื่อการการจำหน่ายสู่ตลาด ปรากฏว่าผลเงาะจะเหี่ยวทั้งหมดภายใน 6 ชั่วโมง จึงได้มีการค้นหาข้อมูลผลงานวิจัย
ที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านั้น พบว่าเมื่อปี พ.ศ. 2547 วรภัทร ลัคนทินวงศ์ และคณะภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำการศึกษาวิจัยการ
ทดสอบการเก็บรักษาเงาะผลสดในสภาพดัดแปลง บรรยากาศที่อุณหภูมิการเก็บรักษา 10 องศาเซลเซียส โดยบรรจุเงาะผลสดในถุงพลาสติก DPE (density
polyethylene) ทำการเติมก๊าซผสมระหว่างออกซิเจน : คาร์บอนไดออกไซด์ ความเข้มข้นร้อยละ 5 : 5 คลุมด้วยถุงดำ ทำให้สามารถเก็บรักษา เงาะผลสดให้มี
คุณภาพดีเป็นที่ยอมรับทางการค้าได้นานที่สุด 26 วัน
ก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2532 ณัฐยา เจริญผล นิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการศึกษาอิทธิพลของสารกำจัดเชื้อรา แมนโคเซบ
อุณหภูมิ และภาชนะบรรจุที่มีต่อการเก็บรักษาผลเงาะพันธุ์โรงเรียน พบว่า เก็บรักษาผลเงาะที่บรรจุในถาดโฟมหุ้มด้วยฟิล์มพลาสติกที่อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส
เก็บได้นานถึง 24 วัน คณะผู้วิจัยจึงได้ประมวลผลงานวิจัยที่ทำการศึกษาไว้ใช้ประโยชน์สำหรับการวางแผนการศึกษาวิจัยของโครงการนี้
การแก้ปัญหาสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี และการจัดการที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งเงาะผลสดทางเรือจึงเกิดขึ้น โดยได้รับความร่วมมือ จากภาค
เอกชน และภาครัฐ ในการเอื้อเฟื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการจำลองสภาพการขนส่งทางเรือที่มีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการผลิตถุง LDPE ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านการ
ควบคุมเครื่องทำความเย็น เพื่อให้คำแนะนำและปรึกษาแก่โครงการฯ จนสามารถดำเนินการได้เป็นผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ด้วยดี
4 ปีกับการทดสอบ
ปี พ.ศ. 2548 ดำเนินการดังนี้
1) ทำการทดสอบการเก็บรักษาเงาะผลสดพันธุ์โรงเรียน ในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาด 20 ฟุต จำนวน 2 ตู้ เปรียบเทียบกันคือ ตู้ขนส่งที่ติดตั้งเครื่องทำ
ความเย็นแบบ AFAM+(Advanced Fresh Air Management) ที่สามารถควบคุมการถ่ายเทอากาศ โดยกำหนดปริมาณความเข้มข้นคาร์บอนไดออกไซด์ที่ระดับ
12% และควบคุมอุณหภูมิที่ระดับ 12 องศาเซลเซียส กับตู้ขนส่งที่ติดตั้ง เฉพาะเครื่องทำความเย็นที่ใช้ในการขนส่งทั่วไป
2) เปรียบเทียบและทดสอบบรรจุภัณฑ์และการจัดการที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งทางเรือโดยใช้บรรจุภัณฑ์ที่ต่างกัน 5 แบบ
2.1 ตะกร้าพลาสติกสี่เหลี่ยมที่ใช้บรรจุผลไม้ทั่วไปขนาด 20 กิโลกรัม
2.2 ถาดโพลีสไตลีน (polystylene) บรรจุเงาะ 12 ผล มีฝาล็อก
2.3 ถาดโพลีสไตลีน บรรจุเงาะ 12 ผล ฝากระดาษอาบมัน
2.4 ถาดกระดาษรีไซเคิลอัดบรรจุเงาะ 30 ผล ฝาโพลีสไตลีน
2.5 ตะกร้าพลาสติกสี่เหลี่ยมที่ใช้บรรจุผลไม้ทั่วไป กรุโดยรอบด้วยกระดาษหนา 80 แกรม / นิ้ว เจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ห่างกัน 3 นิ้ว
โดยรอบ
ผลการทดสอบ พบว่าเก็บรักษาเงาะผลสดพันธุ์โรงเรียน ในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งขนาดเปรียบเทียบกัน 2 ระบบ คือ ระบบ AFAM+ และระบบควบคุม
ความเย็นทั่วไป เมื่อประเมินคุณภาพการยอมรับ จากลักษณะที่ประเมินด้วยสายตาคือสีผิวเงาะ ตำหนิบนผิวเงาะ สีปลายขนเงาะ การประเมินคุณลักษณะภายนอก
และภายในผลเงาะและการเกิดโรคในภาชนะบรรจุภัณฑ์แบบต่างๆ กันนั้น สภาพการเก็บรักษาแบบ AFAM+ สามารถยืดอายุการเก็บรักษาเงาะผลสดได้สูงสุด 19
วัน ในภาชนะบรรจุ 2 แบบ คือ ถาดโพลีสไตลีน บรรจุเงาะ 12 ผล มีฝาล็อก และถาดโพลีสไตลีน ฝากระดาษอาบมัน 12 ผล ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์แบบสำเร็จรูปเพื่อ
การวางตลาดระดับกลางค่อนข้างสูงในซุเปอร์มาร์เก็ต (individual packaging) ในกรณีที่ตลาดปลายทางเป็นตลาดระดับล่าง ตลาดสดทั่วไป การขนส่งในปริมาณ
ที่สิ้นเปลือง พื้นที่ในตู้ขนส่งน้อยที่สุด จะเป็นการลดต้นทุนการขนส่ง ในกรณีที่บรรจุภัณฑ์แบบตะกร้า พลาสติกสี่เหลี่ยมที่ใช้กันทั่วไป โดยกรุกระดาษที่เจาะรู
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ห่างกัน 3 นิ้ว โดยรอบจะทำให้คุณภาพโดยทั่วไปของผลเงาะสดมีสภาพที่ดีกว่าเมื่อสิ้นสุดการเก็บรักษาในวันที่ 19
ปี พ.ศ. 2549 ดำเนินการดังนี้
ทดสอบการขนส่งเงาะผลสดพันธุ์โรงเรียน ไปจำหน่ายยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้ตู้ขนส่ง AFAM+ ขนาด 20 ฟุต คาร์บอนไดออกไซด์ 12%
อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส โดยดำเนินการร่วมกับหอการค้าจังหวัดจันทบุรี และเกษตรกรชาวสวนเงาะ อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยการสนับสนุนงบประมาณจาก
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
ผลการทดสอบ พบว่าคุณภาพของผลเงาะสดที่ทำการขนส่งในระบบ AFAM+ ใช้เวลาขนส่งทางเรือ 8 วัน (31 พฤษภาคม 2548 –7 มิถุนายน 2549) ไปยังตลาดเจียงหนัน เมืองกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน ความสมบูรณ์ใกล้เคียงกับเงาะที่ขนส่งทางอากาศที่ใช้เวลาในการขนส่งไม่เกิน 1 วัน อายุการ
วางตลาดหลังเปิดตู้อยู่ได้ประมาณ 2 วัน เช่นเดียวกับเงาะสดในประเทศไทยและใกล้เคียงกับเงาะที่ขนส่งทางอากาศ
เมื่อเปรียบเทียบกัน ในระหว่างการขนส่งทางอากาศกับทางเรือด้วยระบบ AFAM+ พบว่าการขนส่งทางเรือด้วยระบบ จะมีต้นทุนต่ำกว่าทางอากาศจาก
อัตราค่าขนส่งจากกิโลกรัมละ 26-40 บาท มาเป็น 6-8 บาท ทางเรือ
การขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ ระบบ AFAM+ นี้ เหมาะสมกับการเข้าตลาดในลักษณะของการเปิดตู้แล้ว จำหน่ายหมดในคราวเดียวกัน เพราะหลังจากเปิด
ตู้แล้วผลเงาะจะมีสภาพเหมือนเงาะสดที่มีอายุการวางตลาดประมาณ 2 วัน
ในการปฏิบัติงานจริงในเชิงการค้า จำเป็นต้องมีการพัฒนาการเกษตรและผู้ประกอบการให้เข้าใจ กรรมวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้คุณภาพ ณ
ตลาดปลายทางดีที่สุด
ปีพ.ศ. 2550 ดำเนินการดังนี้
ทดสอบการขนส่งเงาะผลสดพันธุ์โรงเรียน ไปจำหน่ายยังสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้ตู้ขนส่ง AFAM+ ขนาด 20 ฟุต คาร์บอนไดออกไซด์ 12%
อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส โดยดำเนินการร่วมกับสหกรณ์การเกษตร อ.ขลุง จ.จันทบุรี และสหกรณ์การเกษตร อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยการสนับสนุนงบประมาณ
จากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
ผลการทดสอบ พบว่าการขนส่งเงาะผลสดทางเรือโดยระบบ AFAM+ ไปยังตลาดหลงอู๋ เพื่อจำหน่าย ณ โลตัสซูเปอร์เซ็นเตอร์ นครเซียงไฮ้ สาธารณ-
รัฐประชาชนจีน เมื่อ 24 เมษายน 2550 สีผิวเงาะผลสดมีสีแดงเป็นส่วนใหญ่ ปลายขนสีเขียว โดยขนสีแดงพบตำหนิผลกระจายอยู่ทั่วไป แต่ยังคงอยู่ในระดับ
คุณภาพที่น่าพอใจ ปลายขนของผลเงาะสดในภาชนะบรรจุได้รับความเสียหาย จากการกดทับเป็นบางส่วน คุณภาพภายในผลเงาะสดสีเนื้อมีสีขาวขุ่นตามปกติ เนื้อ
แห้งเปลือกเงาะสดกรอบ รสชาติหวาน แต่เริ่มมีกลิ่นเล็กน้อย
การจัดการหลังเก็บเกี่ยว การบรรจุ การขนส่งเงาะ จนถึงตลาดปาลายทางที่นครเซียงไฮ้ ใช้เวลาทั้งสิ้น 18 วัน ดังนี้
6 เมษายน 2550 |
เก็บเกี่ยวเงาะจากสวนสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ |
7 เมษายน 2550 |
ขนส่งเงาะที่เก็บเกี่ยวมายังสหกรณ์ขลุงทำการคัดเลือกและบรรจุเงาะลงตะกร้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ |
8 เมษายน 2550 |
จากตู้คอนเทนเนอร์ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง |
9 เมษายน 2550 |
เรือออกจากแหลมฉบังไปยังประเทศสิงคโปร์ |
12-14 เมษายน 2550 |
ตู้คอนเทนเนอร์ถึงท่าเรือสิงคโปร์ |
14 เมษายน 2550 |
เรือออกจากสิงคโปร์ไปยังนครเซียงไฮ้ |
24 เมษายน 2550 |
ตู้คอนเทนเนอร์ถึงนครเซียงไฮ้ |
เส้นทางการเดินเรือจากท่าเรือแหลมฉบัง ถึงนครเซียงไฮ้ ใช้เวลาเดินทางนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น ด้วยเส้นทางการเดินเรือที่ใช้บริการ จำเป็นต้องเข้า
เทียบท่าเรือที่สิงคโปร์ เพื่อพักรอตามตาราง (9 เมษายน -14 เมษายน 2551) ทำให้เสียเวลาโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามสภาพการขนส่งด้วยระบบ AFAM+
สามารถรักษาคุณภาพผลเงาะสด ให้มีคุณภาพสดเป็นที่ยอมรับทางการค้าได้ แต่เมื่อเปิดตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ผลเงาะจะมีสภาพเหมือนเงาะสด มีอายุการวาง
จำหน่ายไม่เกิน 2 วัน ปี
พ.ศ. 2551 ดำเนินการดังนี้
ทดสอบการยืดอายุการเก็บรักษาเงาะผลสด โดยใช้ถุง LDPE (low density polyethylene) ที่มีค่า OTR (oxygen transmission rate) 10,000 –
12,000 มิลลิลิตร/ตารางเมตร/วัน เก็บรักษาในตู้ขนส่งที่ควบคุมอุณหภูมิ +14 องศาเซลเซียส ร่วมกับมังคุดขนส่งทางเรือไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาด
ถุงที่ใช้คือ 33×25.5 นิ้ว บรรจุผลเงาะสดที่มีขน 3 สี คือ ปลายขนสีเขียว โคนขนสีแดง และผิวเปลือกเงาะสีเหลืองปนแดง ขนาด 28-31 ผลต่อกิโลกรัม โดย
เก็บเกี่ยวอย่างระมัดระวังมิให้ปลายขนหัก
ทำการคัดแต่งผลเงาะให้ก้านขั้วยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร เพื่อป้องกันมิให้เกี่ยวถุงบรรจุ LDPE ขาด และทำความสะอาด้วยสารละลายคลอรีนความ
เข้มข้น 200 ppm เพื่อฆ่าเชื้อที่ติดมากับผิว เป็นการป้องกันการเน่าเสียหายระหว่างการเดินทาง 6-11 วัน ในการขนส่งทางเรือไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
ผลเงาะที่ทำความสะอาดด้วยสารคลอรีน ต้องผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ก่อนทำการบรรจุลงถุง LDPE แล้วปิดปากถุงให้สนิท เพราะถ้าหากมีความชื้นในถุงเกินไป
ในขณะเริ่มบรรจุลงถุง จะทำให้ผลเงาะเน่าได้ในระหว่างการขนส่ง จะต้องจำกัดความชื้นที่ติดไปกับผิวเงาะให้น้อยที่สุด
จัดส่งผลเงาะสดในถุง ไปจำหน่ายยังสาธารณรัฐประชาชนจีนในฤดูกาลผลิตปี 2551 รวม 4 ครั้ง คือวันที่ 22, 24, 25 และ 28 เมษายน ครั้งละ 85-143
ตะกร้า ดำเนินการโดยเกษตรกรที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการผลิตเงาะเพื่อการส่งออกมาแล้วร่วมกับผู้ประกอบการส่งออกบริษัทเอกชน
ผลการทดสอบ พบว่าการเก็บเกี่ยวเงาะผลสดมีผลต่อคุณภาพการเก็บรักษาในถุง LDPE กล่าวคือ ควรเก็บเกี่ยวผลเงาะสดที่ปลายขนเริ่มมีสีแดงมากขึ้น
สีผิวเปลือกเงาะเริ่มมีสีแดง เป็นเงาะที่รอการเก็บเกี่ยวอยู่บนต้น ซึ่งจะสามารถคัดเลือกคุณภาพที่ไม่มีตำหนิที่ผิวเปลือกได้ ทำความสะอาดด้วยสารละลายคลอรีน
ร่วมกับสารป้องกัน และกำจัดโรคพืชหลังการเก็บเกี่ยวที่เกิดจากเชื้อราที่เหมาะสม จะสามารถช่วยยืดอายุการเก็บเกี่ยวที่เกิดจากเชื้อราที่เหมาะสมจะสามารถช่วย
ยืดอายุการเก็บรักษา ผลเงาะสดที่สุกงอม มีปลายขนสีแดงในถุง LDPE จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 14-18 วัน ในตู้ควบคุมอุณหภูมิ +14 องศาเซลเซียส
ในกรณีที่การขนส่งทางเรือ ที่ใช้ระยะเวลานานกว่า 6-11 วัน จำเป็นต้องใช้สารป้องกัน และกำจัดโรคพืชหลังการเก็บเกี่ยวที่เกิดจากเชื้อราร่วมด้วย เพื่อ
ป้องกันการเน่าจากเชื้อราในเงาะผลสดที่เก็บรักษาในถุง LDPE ที่อุณหภูมิ +14 องศาเซลเซียส สำหรับจุดหมายปลายทางที่ต้องเดินทางไกลกว่าสาธารณรัฐ
ประชาชนจีน จะทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาได้ยาวนานขึ้น
ผลตอบรับ
จากผลการดำเนินงานดังกล่าวที่ใช้เวลาทดสอบเพื่อความมั่นใจถึง 3 ปี ทำให้เกษตรกรในจังหวัดตราด และจันทบุรี เกิดความตื่นตัว มีกำลังใจและเตรียม
พร้อมจะผลิตเงาะที่มีคุณภาพดีเหมาะสมสำหรับการส่งออกทางเรือ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการส่งออกที่เข้าร่วมโครงการ ก็เกิดความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่ได้รับ
ถ่ายทอดครั้งนี้ว่าสามารถใช้ได้จริงในเชิงการค้า รวมไปถึงผู้ประกอบการผลิตถุง LDPE มีความตื่นตัวในการผลิตถุง LDPE ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและพยายามลด
ต้นทุนการผลิตให้ถุง LDPE ที่ผลิตภายในประเทศ ที่ใช้ในโครงการนี้มีต้นทุนการผลิตที่ลดลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการขนส่งผลไม้สดทางเรือของ
ประเทศไทยอย่างยิ่ง
ที่สำคัญคือ การพัฒนาเทคโนโลยีการเก็บรักษาผลเงาะสดให้ยาวนานขึ้น เพื่อการส่งออกทางเรือ โดยใช้การบรรจุลงถุง LDPE (low density
polyethylene) ที่มีค่า OTR (oxygen transmissionrate) 10,000-12,000 มิลลิลิตร/ตารางเมตร/วัน สามารถขนส่งร่วมกับตู้ขนส่งมังคุดทางเรือ ที่ควบคุม
อุณหภูมิ +14 องศาเซลเซียส ใช้เวลาเดินทางทางเรือ 6-11 วัน ถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยคุณภาพผลเงาะสดที่ปลายทางยังคงสดเหมือนขณะที่บรรจุลง
ถุงและสามารถจำหน่ายได้หมดทุกตะกร้า และจากผลการทดสอบนี้คงจะขยายผลต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน อยู่ที่ว่าเกษตรกรสามารถจะผลิต
เงาะคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนได้เพียงไร |