3 กรกฎาคม 2554, 21:57 น.
โบรกเกอร์ชี้ตลาดหุ้นขึ้นต่อขานรับผลเลือกตั้ง.
โบรกฯประสานเสียง หุ้นไทยสัปดาห์นี้ปรับเพิ่มแน่หลังได้รัฐบาลที่มีเสียงเกินครึ่ง แนะจับตานโยบายและโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจ ลุ้นครึ่งปีหลัง ทะยานถึง 1,200 จุด…
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซียพลัส กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ทั้งตัวผู้นำรัฐบาลและพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคิดว่า ทุกฝ่ายคงต้องยอมรับเสียงข้างมากของประชาชน ซึ่งหวังว่าประเทศไทยจะได้เดินหน้าต่อได้ ซึ่งต้องให้โอกาสรัฐบาลใหม่ในการทำงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือ
นายก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยได้รับเสียงข้างมากเข้ามาเกินครึ่งก็น่าจะทำให้การดำเนิน นโยบายหรือการบริหารงานสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น แม้จะเป็นรัฐบาลผสมที่มีพรรคร่วมเข้ามาหลายพรรคก็ตาม ซึ่งน่าจะเป็นผลดีหรือปัจจัยบวกต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ที่เปิดทำการมา ดัชนีหุ้นน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หลังจากนั้นก็ต้องรอดูทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้แม้ชื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ที่มีความสามารถและได้รับการยอมรับเข้ามารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการเห็นที่สุดคือการลดปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศและการลด ปัญหาการคอรัปชั่น ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอมาเช่นกัน หลังจากนี้ก็คงต้องรอดูการพิสูจน์ฝีมือ
ด้าน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าว่าพรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้งและได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผลทำให้ตลาดหุ้นช่วง 2-3วัน ก่อนการเลือกตั้งปรับตัวขึ้นมาแล้วระดับหนึ่ง และเมื่อผลออกมาเป็นไปตามที่คาดไว้ ก็อาจมีนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการจัดตั้งรัฐบาล ดูนโยบายเศรษฐกิจรวมทั้งโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนอีกครั้ง แต่ด้วยคะแนนเสียงที่ได้เกินครึ่งซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดตั้งรัฐบาล จะทำให้รัฐบาลมีความมั่นคงและมีเสถียรภาพก็อาจมีนักลงทุนส่วนหนึ่งเข้า มาลุยซื้อหุ้นต่อเพราะเกิดความเชื่อมั่น ดังนั้นสัปดาห์นี้ตลาดก็อาจปรับตัวขึ้นได้ต่อแต่คงไม่แรงมากนัก เพราะปรับขึ้นรับข่าวไปบ้างแล้ว
ขณะที่ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นหลังจากนี้จะปรับขึ้นได้ต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลสืบเนื่อง ความเสี่ยงที่นักลงทุนกังวล ดังนี้ 1.ความไม่ยอมรับของประชาชน แต่ผลที่ออกมาการที่เพื่อไทยได้เสียงเกินครึ่งและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ออกมายอมรับผลการเลือกตั้งและแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของประเทศไทย ประเด็นนี้จึงไม่น่าห่วง 2.เมื่อประชาชนให้การยอมรับแล้ว จะมีความเสี่ยงที่มีการท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรมหรืไม่ ในประเด็นการ ปรองดองหรือการนิรโทษกรรม ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงใหม่ แต่หากเป็นไปตามหลักของกระบวนการยุติธรรม โดยไม่ได้ท้าทายกระบวนการยุติธรรมตลาด หุ้นไทยก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้อย่างมีความมั่นคง แต่ทั้งหมดนี้ยังต้องใช้เวลา
สำหรับตลาดหุ้นระยะสั้นในสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีหุ้นคงปรับตัวขึ้นได้ 1,050-1,070 จุด ซึ่งอาจจะถูกแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา แต่สำหรับตลาดหุ้นระยะกลางหากความเสี่ยงข้างต้นไม่เกิดขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังคงมีโอกาสได้เห็นดัชนีหุ้นไปได้ถึง 1,150-1,200 จุด เพราะไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ยังมีกำไรเติบโตที่ดี
ไทยรัฐออนไลน์
- โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
- 3 กรกฎาคม 2554, 21:57 น.