“เชลล์” คาดราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะไม่ต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ฯ แย้มวันจันทร์นี้อาจปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกประเภท หลังทิศทางความต้องการน้ำมันตลาดโลกยังสูง ระบุประชาชนต้องปรับตัวรับภาระดังกล่าว พร้อมจี้รัฐทบทวนนโยบายตรึงดีเซล 30 บาท…
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้น 2 เดือนนี้น่าจะทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่ มีปัญหาความไม่สงบในอียิปต์ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัว รวมถึงจีนมีความต้องการน้ำมันมาก ดังนั้น คาดว่าโอกาสที่จะเห็นราคาน้ำมันดิบต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเรื่องยาก และจะมีผลทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันของไทยอยู่ในระดับสูง ซึ่งประชาชนคงต้องปรับตัวรับภาวะดังกล่าว
ในส่วนของรัฐบาลน่าจะทบทวนนโยบายตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร เพราะทิศทางราคาขยับสูงขึ้น หากคิดต้นทุนดีเซลจะอยู่ที่ 30.59 บาทต่อลิตร ดังนั้น เชลล์ฯ จึงจำเป็นต้องขายที่ราคา 30.29 บาทต่อลิตร และแนวโน้มอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอีก เพราะค่าการตลาดต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตร โดยจะขอดูมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) บ่ายวันนี้ว่าจะอุดหนุนเพิ่มอย่างไร ทั้งนี้ เชลล์ฯ คงไม่ปรับราคาน้ำมันพรุ่งนี้ (5 ก.พ.) เพราะช่วง 2 วันนี้ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ปิดในเทศกาลตรุษจีน คงรอดูวันจันทร์ แล้วจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนราคา โดยแนวโน้มมีทิศทางว่าจะต้องปรับราคาขึ้นทุกประเภท
นางพิศวรรณ กล่าวต่อว่า เชลล์ฯ พร้อมปฏิบัติตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงานที่ให้ยุติการจำหน่ายไบโอดีเซล บี 5 ชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาปาล์มขาดแคลนและราคาแพง ขณะนี้เริ่มผสมบี 3 และจะปรับเปลี่ยนถังจำหน่ายบี 5 ใน 570 ปั๊มทั่วประเทศ มาเป็นบี 3 ภายในเดือน ก.พ.นี้ และเชลล์ฯ ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน เสนอให้กระทรวงประกาศนโยบายไบโอดีเซลเกรดเดียว เพื่อให้เกิดแนวทางชัดเจนในทางปฏิบัติ หรือการจำหน่ายเกรดเดียว อาจกำหนดเป็นช่วงของการผสมไบโอดีเซล เช่น บี 3-บี 5 ซึ่งหากเป็นเกรดเดียว ผู้ค้าจะไม่มีปัญหายุ่งยาก ทั้งเรื่องภาษี กองทุนน้ำมันและหัวจ่าย โดยที่ผ่านมาเชลล์ฯ ปฏิบัติตามนโยบายรัฐมาโดยตลอด ด้วยการส่งเสริมการจำหน่ายบี 5 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ก็พร้อมปฏิบัติตามนโยบาย
ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังพิจารณาจะตรึงราคาแอลพีจี ภาครถยนต์ เอ็นจีวี และดีเซลควบคู่กันไปว่า ตามหลักเศรษฐศาสตร์ การไม่สะท้อนกลไกตลาด จะทำให้ประชาชนไม่ทราบต้นทุนภาคพลังงานที่แท้จริง และทำให้ไม่ประหยัดพลังงาน ขณะเดียวกันรัฐบาลน่าจะส่งเสริมพลังงานตัวใดตัวหนึ่ง เช่น เอ็นจีวี แล้วให้แอลพีจีและดีเซลขยับขึ้นตามต้นทุน นอกจากนี้ หากรัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายน่าจะอุดหนุนผู้เดือด ร้อนเป็นกลุ่ม จะดีกว่าการอุดหนุนในรูปแบบปัจจุบันหรือไม่ เช่น การอุดหนุนเฉพาะภาคขนส่งอย่างเดียว ขณะเดียวกันหากรัฐบาลตรึงราคาสินค้ายาวนานไม่สิ้นสุดก็จะกระทบบรรยากาศการ ลงทุนที่เป็นการค้าเสรี จะทำให้ไทยไม่ดึงดูดการลงทุน ตามหลักการการตรึงราคาควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจนจะดีกว่า
ด้านนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อว่าสัปดาห์หน้าราคาน้ำมันจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อ เพราะปัญหาประเทศอียิปต์ที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่และมีความกังวลกันอยู่ ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็นขณะนี้ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง ซึ่งบางจากจะพยายามตรึงราคาในช่วง 1-2 วันนี้ก่อนเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคส่วนในสัปดาห์หน้าจึงจะมีการประชุมอีกครั้ง
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ให้อุดหนุนดีเซลเพิ่มอีก 40สตางค์ต่อลิตรในวันนี้ (4 ก.พ.) ก็ยังไม่เพียงพอต่อการตรึงราคาน้ำมันดีเซลเพื่อไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 114-115 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม บางจากฯไม่ใช่ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่จะตรึงราคาขายปลีกน้ำมันได้มาก
“บางจากแบกภาระเยอะเพราะยอดขายน้ำมันดีเซลของบางจากตกวันละ 5 ล้านลิตร ถ้าต้องแบกต้นทุนลิตรละ 1 บาทต่อวัน ก็จะแบกไว้วันละ 5 ล้านบาทแล้ว ซึ่งหากตัดสินใจปรับขึ้นราคาน้ำมันก็เชื่อว่าจะปรับเทียบเท่ากับผู้ค้าต่างชาติ” นายอนุสรณ์ กล่าว.