star Retro : ‘ป๊อบ’ พลรัตน์ รอดรักษา จากฝันร้ายสู่ความจริงที่อิ่มสุข

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/192729

วันอาทิตย์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.

สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้ พาไปพูดคุยกับนักแสดงหัวใจแกร่ง “ป๊อบ” พลรัตน์ รอดรักษา หลังผ่านเรื่องราวทั้งร้ายและดีในวงการบันเทิงมา “ป๊อบ” ค้นพบกับคำว่า “หัวใจพองโต” อีกครั้ง อะไรหรือใครเป็นผู้จุดชนวน วันนี้เราจะได้ทราบกัน รวมถึงเรื่องราวครอบครัวสุขสันต์ กับสักขีพยานรักฝาแฝดทั้งสองคน

l บันไดสู่การเป็นนักแสดง

ตอนนั้นผมประกวดโดม่อนตกรอบแรกยืนน้ำตาซึมอยู่ที่ห้างไดมารู ปีนั้น เจค- ศตวรรษ ได้ หลังจากนั้นไปผมก็ไปประกวดของแบรนด์เสื้อผ้า เจฟ็อกซ์ เป็นคนสุดท้ายของงานประกวด ได้เลขที่สุดท้าย ใส่กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ เสื้อยืด แล้วจังหวะเขาเรียก ปรากฏว่าคนแรกไม่มา จากคนสุดท้ายผมได้ไปอยู่คนแรก โดยที่เราก็ไปยืมรองเท้าคนอื่นเขามาใช้ และสิ่งที่ได้รับวันนั้นคือ รางวัลทุกรางวัลที่เขามี ผมได้หมดเลยหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาถ่ายแบบของหนังสือแพรว จนพี่ป๋อ (ศิริพงศ์ อรุณไพโรจน์) พาผมไปเซ็นสัญญาช่อง 3 เสร็จปุ๊บผมก็ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เดอะพาเลซ ไปเจอพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) พี่ไก่บอก “ไปลดความอ้วนซะนะ ได้ข่าวว่ามาเซ็นสัญญาที่ช่อง 3 แล้ว อีก 1 เดือนมาเล่นละครของฉัน”หลังจากนั้น 1 เดือนเป๊ะ พี่ไก่ก็ให้ผู้กำกับรายการโทร.เข้ามาบอกว่าให้ไปเล่นละครเรื่อง“ใครกำหนด” ตอนนั้นชีวิตเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กลายเป็นดารา

l จุดเริ่มต้นคือพระเอก

ผมแจ้งเกิดจากบทน่าสงสาร เรื่องแรก“ใครกำหนด” ตอนนั้นเล่นกับพี่ตุ๋ย (มนฤดี ยมาภัย) จากนั้นส่วนใหญ่ผมได้รับบทที่ออกแนวน่าสงสารหมด มีช่วงหลังนี่แหละที่ได้บทร้ายๆ แต่จะมีบทดีอยู่เรื่องหนึ่งอย่างตอนนี้เลย เรื่อง “เพชรตัดเพชร” ช่อง 7มาเล่นเป็นพ่อของขวัญ (อุษามณี ไวทยานนท์)เป็นรัฐมนตรีที่ค่อนข้างเข้มแข็ง แล้วก็มีอีกบทหนึ่งที่เล่นของป้าแจ๋ว (ยุทธนาลอพันธุ์ไพบูลย์) เรื่อง “ลูกผู้ชายเลือดเดือด” ช่อง 3 เรื่องนี้ดีมากๆ มีหนวดมีเคราด้วยได้ร้องไห้ เป็นคนดีจัดเลยนะเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นก็จะมีหลายๆ คนมองภาพว่าผมต้องเล่นเป็นตัวร้าย อาจจะเพราะหน้าตาร้าย คือส่วนใหญ่เขาจะติดภาพว่าเราต้องร้าย ต้องดุ

l กลายเป็นร้ายพารุ่ง

เคยมีคนพูดแบบนี้ แต่บทดีเราก็เล่นได้ อย่างเรื่อง “ลูกผู้ชายเลือดเดือด” เป็นครูเดช อดีตครูมวยเก่า ไปอยู่ต่างจังหวัดมีหนวดมีเครา เวลานั่งต้องไม่นั่งตัวตรงเวลาเดินก็ต้องเดินแบบคนต่างจังหวัด เราจะต้องไม่เดินมีมาดอย่างตอนเป็นนายพล ต้องทิ้งมาดนั้นไป เราต้องยอมรับว่าเราหากินเรื่องเดียวไม่พอ อดตาย ฉะนั้นผมจะดีไซน์ทรงผมท่าเดิน หรือแม้กระทั่งแววตา คำพูด ต้องดีไซน์ ผมจะพยายามไม่ให้ทุกอย่างเหมือนกันหมด เพราะส่วนใหญ่คนอาจจะเห็นเราในบทเดียวคือร้าย ถึงยังไงผมก็ว่าทุกอย่างก็หนีไม่พ้นหรอก อย่างตัวโน้ต โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ก็มีอยู่แค่นี้ แล้วทุกตัวสามารถทำเพลงให้ได้ 4-5 นาที ก็เหมือนตัวละครของเราเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญที่ผมหวังและอยากให้ทุกคนที่ดูได้คืออิ่ม ถ้าใครดูผมเล่น ให้รู้ว่าร้าย ผมร้ายจริงๆ นะ เพราะถ้าผมไม่ร้ายใครจะสงสารพระเอก-นางเอก ถ้าเรามัวแต่จะเก๊กหล่อแข่งกับพระเอก-นางเอกก็ไม่ใช่ เพราะเรารับบทเป็นตัวร้าย ฉะนั้นเราต้องรู้หน้าที่ตัวเอง

l ร้ายที่ถูกจริต ป๊อบ-พลรัตน์

แน่นอนร้ายแบบมีเหตุผล ร้ายแบบรัก ช่วงชิง ร้ายแบบต้องการได้มา แต่สุดท้ายมีความรู้สึกสำนึกอะไรบ้าง อย่างเช่นเรื่อง “รอยรักแรงแค้น” ตอนแรกที่เล่นไปคนด่ามาก ทำไมโหดอย่างงั้นล่ะ แต่ทุกอย่างมีเหตุผล และต้องยอมรับด้วยที่สำคัญเลยคือ คนเขียนบท อย่างพี่ตั้ว เขาเขียนบทเอง กำกับเอง ถือเป็นเรื่องที่ภูมิใจนะ และเราได้เล่นทุกหน้า ความเจ้าชู้ เศร้า โหด ร้าย เรื่องนี้ต้องยอมรับว่า โอกาสน้อยมากที่จะได้รับบทอย่างงี้ จริงๆ แล้วตัวนี้ไม่มีอะไรเลย พี่ตั้วบอกว่าป๊อบมายืนเท่เล่นเป็นนายพลธรรมดานะที่คอยตักเตือนลูก บท 1-5 พี่ตั้วเขียนบทมาเรียบร้อย แต่ตั้งแต่ ตอนที่ 5-16 พี่ตั้วปรับหมดให้มีสีสัน จนเราร้อง เฮ้ย..เป็นงานที่โอ้โหตื่นเต้นตลอดเวลา

l จาก พระเอก ตัวร้าย สู่บทพ่อ เลือกเองหรือเขาเลือกให้

ทางกองถ่ายเป็นคนเลือกก่อนว่าต้องเป็นเรา แต่ผมบอกกับทุกกองเลยว่า ผมจะรับเชิญอะไรก็แล้วแต่ ขอให้มีบท คือมีอะไรได้เล่น ถ้าหากมีอะไรที่แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ต้องมาจ้างให้เปลืองสตางค์หรอกครับ ไปจ้างคนอื่นดีกว่า และอีกอย่างผมเองก็ไม่แฮปปี้ ไม่สนุกเลยกับการทำงาน พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) เคยสอนผมว่า “ป๊อบ มึงรู้ไหมว่าบทบางบทเล่นแค่ฉากเดียวก็มีความหมายได้ แต่เขาต้องมีอะไรให้เราได้เล่น คือเรามีอาชีพนักแสดง” ต้องขอขอบคุณเลย ผมถึงบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมมีอาชีพรับจ้างเป็นพ่อ รับจ้างเป็นตัวร้าย รับจ้างเป็นนายพล เป็นรัฐมนตรี อะไรก็แล้วแต่ แต่การรับจ้างของผมคือ เอาตัวเองและกางเกงในตัวเดียวไปใส่ชุดของกองถ่าย แล้วไปเล่นบทนั้น เป็นตัวนั้น โดยไม่ต้องบอกว่า ป๊อบ-พลรัตน์ เล่นเรื่องนั้น เล่นเรื่องนี้ ต้องบอกว่า ป๊อบไปรับหน้าที่เป็นตัวนั้น เป็นตัวนี้

l อาชีพนี้ให้อะไรกับพลรัตน์

ให้สังคม ให้คนรู้จักเรา แต่ถ้าเราวางตัวไม่ดี คนอื่นเขาก็จะไม่ศรัทธา ถึงเราไปเล่นเป็นตัวร้าย ถ้าเกิดเราทำตัวดี ไม่ตอแหล ไม่เสแสร้ง ไม่ทำตัวเกเร คนร้ายอย่างเราก็มีคนรักได้ อยากให้ทุกคนในวงการบ้านเราเห็นคุณค่าของนักแสดงอาวุโสบ้างเถอะ ไม่ต้องมาเชิดชู ไม่ต้องมาเอาอกเอาใจ แต่แค่เห็นคุณค่า และอยากให้คนที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงศรัทธาซึ่งกันและกัน

l ความสุขในวันเก่า กับ ณ วันนี้

ตอนนี้สุขกว่าครับ กล้าบอกเลยว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก รู้ไหมว่าคำว่า บรรลุ บางครั้งไม่ใช่ว่าซื้อมาได้ด้วยเงินนะ ผมเพิ่ง
มานึกขึ้นได้ตอนเล่น “รอยฝันตะวันเดือด” ไอ้คำว่า อิ่ม มีคนอยู่ในเว็บไซต์พันทิปคนหนึ่ง ผมใช้คำตามเขานะ เขาบอกว่า “ดิฉันรู้สึกว่าอิ่มที่ได้เห็นคุณพลรัตน์ เล่นละครเรื่องนี้” โอ้โห..พออ่านเจอความเห็นอันนี้ปุ๊บ พลังมาจากไหนไม่รู้ หรือแม้กระทั่งตอนเล่นละครเรื่อง “รอยรักแรงแค้น” เขาบอก อยากเห็นคุณพลรัตน์ ขึ้นไปรับรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยมหรือรางวัลใดรางวัลหนึ่งจากละครเรื่องนี้แค่นี้ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว เป็นสิ่งที่ดีใจยิ่งกว่าได้รับรางวัลเสียอีก

l วางแผนให้ชีวิต

ผมเคยคิดว่าอยากจะมีค่ายมวย ก็มีแล้ว อยากจะมีบ้านอยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้ก็ดูที่ไว้อยู่ครับ หลายที่เหมือนกัน อุทัยธานีอุตรดิตถ์ แล้วก็เคยคิดว่าอยากจะอยู่บนเขา มีบ้านบนเขา แล้วเห็นนักมวยวิ่งรอบเขา โดยเบี้ยวเราไม่ได้นะว่าวิ่งกี่รอบ (หัวเราะ) นั่นก็เป็นความสุข เชื่อเถอะครับบั้นปลายชีวิตของทุกคน ไม่ได้จบที่อายุ 100 ปี คือเวลาเกิดเรารู้นะแต่เวลาตายเราไม่รู้ ฉะนั้นเราต้องไม่โกรธกันนะ เราต้องรักกัน และรักกันด้วยความศรัทธา ไม่เกลียดกัน มีอะไรให้อภัยกัน ทุกคนมีเหตุจำเป็น และเหตุสุดวิสัยของชีวิตหมดทุกคนมีความทุกข์ แต่เราก็ไม่อยากคุ้ยความทุกข์ของใคร เราปล่อยผ่านไป อะไรที่ผ่านได้ ให้แต่ความสุข มีคนบอกว่าผมพลังเยอะจัง ก็ไม่มีอะไรครับก็ผมสนุก เล่นไปก็สนุกกับบทนั้นๆ แต่พอจบเราก็ถอดออกจากบทนั้น ไม่มีอะไรมาก

 

l วันว่าง

ส่วนใหญ่ผมจะดูมวย ออกกำลังกาย ตอนนี้ผมทำค่ายมวยด้วย ชื่อ “ยอดมวยพลรัตน์” ที่สระบุรี ผมก็จะซ้อมอยู่ที่ค่าย และคัดเลือกเด็ก โดยดูที่อย่างแรกคือ มีหัวใจสู้ สองต้องแข็งแรง สามต้องไม่ทรยศต่อวิชาชีพ คือไม่ล้มมวย เท่านั้นเองผมคัดเพื่อไปต่อยตามเวทีต่างๆ เวทีมวยราชดำเนิน เวทีมวยลุมพินี ผมทำตรงนี้มาเกือบ 20 กว่าปีแล้วครับแต่ก็มีช่วงหยุดไปพักหนึ่งเพิ่งเริ่มกลับมาทำหนักๆอีกครั้ง ผมเคยต่อยมวยตอนเด็กๆ ไม่กี่ครั้งเอง คุณพ่อให้ต่อยเพื่อที่จะดูแลสุขภาพ แล้วก็ให้รู้จักความมีน้ำใจนักกีฬา ทำให้ชอบมวยมาตั้งแต่นั้น

l กรณีเสิร์ซชื่อ ป๊อบ-พลรัตน์ แล้วเจอแต่ข่าวด้านลบ

เป็นผลมาจากตอนนั้นผมไปออกรายการหนึ่ง เขาโปรยหัวโฆษณาว่าผมทิ้งลูกทิ้งเมีย ทำบ่อนการพนัน ทั้งที่เนื้อหาใน
รายการไม่มีอะไรเลย แต่เขาพาดหัวซะจนคนเข้าใจผิด ผมอยากจะบอกเขาว่าอย่าทำธุรกิจอย่างงี้อีกเด็ดขาด เพราะสิ่งที่คุณทำ ทำให้คนคนหนึ่งเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต ผมไม่ได้แค้นอะไรคุณหรอก แค่อยากจะบอกว่าคุณได้ทำร้ายชีวิตของผมไปค่อนชีวิต และอย่าคิดจะทำวิธีนี้กับใครอีก ให้ผมเป็นเคสสุดท้าย ผมมีชีวิตยืนอยู่รอดในทุกวันนี้ได้ผมก็ต้องขอบคุณหัวใจของผมเอง ที่แกร่งมาได้ขนาดนี้ บางคนบอก อยากให้คนที่คิดฆ่าตัวตาย ได้มาคุยกับผม เขาจะได้ไม่ต้องฆ่าตัวตาย

l ครอบครัวในวันนี้

ผมมีลูกสาวฝาแฝด 2 คน อายุ 25 ปี เรียนจบทำงานแล้วครับ ผมเลิกกับแม่ของลูกมานานแล้ว มีคนบอกว่าผมทิ้งลูกทิ้งเมียผมอยากจะบอกว่า ลูกอยู่กับผมมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ส่วนแม่ของลูกก็ไม่ได้ทิ้ง แต่เราเลิกกันไปได้ 20 กว่าปีแล้ว ภรรยาเก่าผมเขามีครอบครัวใหม่ไปแล้วด้วยซ้ำ ส่วนตอนนี้จริงๆ ผมมีคนคุยด้วยอยู่ เขาเป็นคนน่ารักครับ ด้วยวัยผมเองก็ 50 แล้วการอยู่ด้วยกันไม่ใช่ความพิศวาส เราอยู่กันด้วยความรัก และแน่นอนต้องศรัทธากัน เชื่อใจ เชื่อมั่นกัน ลูกสาวสองคนก็ได้ดั่งใจครับเขาไม่เคยกระทบหรือหวั่นไหวกับข่าวต่างๆ นานาที่ออกมา เขารู้ดี (ฉายแววมาทางพ่อไหม)มีหลายคนเอาไปเทสต์นะ เขาร้องไห้น้ำตาเป็นเม็ด แต่เขาไม่ชอบ สิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือเราจะให้เขามาเหมือนเราไม่ได้ หรือบังคับให้อยู่วงการนะลูก แล้วจะได้อย่างงั้นอย่างงี้ไม่ได้ มันเป็นทางเดินของเขา ให้เขาเลือกเองผมจะไม่บังคับ แต่จะคอยเตือนเขาในบางเรื่องเท่านั้น เขามีดื้อบ้าง เพราะเราก็ดื้อ(หัวเราะ) ด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิง บางครั้งความดื้อที่มีอยู่ในตัวก็สามารถที่จะเป็นเกราะคุ้มกันเขาได้ อย่าลืมว่าความเป็นผู้หญิง ถ้าคุณไม่มีเกราะคุ้มกันเลย คุณอันตรายนะ

l พ่อป๊อบของลูกๆ

ไม่ดุนะ ผมเป็นคนที่เข้าใจลูก เพราะลูกเข้าใจเรา ผมสอนธรรมดาทั่วไป รู้จักรักธรรมชาติ เอื้ออาทร อย่าไปพูดให้ร้ายคนอื่น สิ่งสำคัญเลยอย่าพูดให้ร้ายคนเด็ดขาดใครพูดไม่ดีใครจะนินทาอะไร หนีไว้ลูก หรือว่าไม่ต้องไปเออออกับเขา ยิ้มแล้วถ้ามีโอกาสก็ถอยให้ห่าง

l ท่องเที่ยวสไตล์พลรัตน์

ผมชอบไปนั่งทานข้าวร้านที่ไม่มีเสียงดังต่างกันเลยไหม สมัยเด็กๆ วัยรุ่น โอ้โหไม่ดังไม่ได้ต้องตื๊ดๆ ต้องไปให้ได้ แต่สมัยนี้นะพอดังแล้วหงุดหงิด เคยได้ยินคำนี้ไหมครับว่าคนที่เล่าความหลังนั่นคือคนแก่ แต่นี่คือเรื่องจริงนะ เชื่อผมเถอะ รู้ไหมว่าถ้าวันหนึ่งคุณอายุเกือบ 50 หรือ 40 ขึ้นไป เราจะเริ่มนึกถึงความหลัง นึกถึงเรื่องราวที่เป็นความสุขส่วนความหลังที่ไม่เป็นความสุขมันก็… แต่ผมเป็นคนที่ไม่แคร์อยู่แล้ว เชื่อเถอะโบร่ำโบราณที่เขาบอกไว้ไม่มีผิดหรอก คนแก่ชอบพูดถึงเรื่องความหลัง ทุกคนพูดหมด เพราะบางเวลาที่ดีๆ ผ่านเรามาเมื่อตอนที่เราหนุ่มๆ แต่เวลาที่ดีๆ อีกเหมือนกันบางครั้งก็อยู่ในช่วงเวลาที่เราแก่ๆ อย่าไปคิดว่าแก่แล้วรอวันตาย..ไม่ใช่

       

l สิ่งที่อยากทำ

อยากมีชีวิตที่ได้เจอเพื่อนที่ดี อยากเจอคนอยู่ข้างกายที่ดี เท่านั้นเองครับ และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน คือบางทีเราอาจจะทำให้ใครก็แล้วแต่ไม่มีความสุขหรือไม่สบายใจด้วยคำพูดของเรา เราไม่ใช่พระ ซึ่งพระเองก็ยังทำให้คนไม่มีความสุขได้ก็มี บางทีท่านไม่รู้ อาจจะสอนไปๆ เสร็จปุ๊บอาจจะทำให้คนไม่ชอบใจนี่แหละคือสิ่งหนึ่งที่ไม่อยากให้ใครเขาทุกข์ แต่ผมไม่เคยเสแสร้ง ก็จะอยู่ในวงการไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเลิกจ้างแหละครับ (หัวเราะ) แต่ใครที่จะจ้างผมก็โปรดเข้าใจว่าผมจะยินดีทำงานให้คุณอย่างเต็มที่ โดยไม่อิดออด เพียงแต่คุณดูบทให้เรานิดหนึ่ง ให้มีอะไรให้เราได้เล่นบ้างก็พอแล้ว ละครจะดังไม่ดังทั้งหมดขึ้นอยู่กับองค์ประกอบโดยรวม

l นิยามความสุขในวันนี้

อยู่กับวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันนี้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ผมจะทำให้ทุกคนที่ผมอยู่ด้วย เหมือนเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา

l ประสบการณ์ที่อยากถ่ายทอด

ทุกอย่างต้องช่วยเหลือกัน รุ่นน้องไหว้เรา เราก็ต้องทำให้เหมาะสมกับที่เขาได้ไหว้ ไม่ใช่สักแต่ไหว้เพราะคุณอายุมากกว่า โปรดไหว้เราด้วยความที่ศรัทธาเรา แต่เราก็ต้องทำตัวให้เขาเคารพด้วยนะ

การแสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน ถือเป็นกิริยาที่น่าชื่นชม ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากไป ก็ทำให้เป็นเสน่ห์ สร้างให้เป็นนิสัย แต่อย่าลืมว่าต้องทำด้วยใจด้วยเช่นกัน

กระแตน้อย

ใส่ความเห็น