ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20141207/197280.html

กิน-ดื่ม-เที่ยว : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2557
ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน
ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน
ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน
ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน

ชวนเที่ยว : ฟ้าแดดสงยาง : กาฬสินธุ์ ถิ่นไดโน : เรื่อง/ภาพ นพพร วิจิตร์วงษ์

               ไปกาฬสินธุ์กันอีกรอบ แต่คราวนี้ลองมองในมุมใหม่ๆ ของเมืองกันบ้างเพราะนอกจากไดโนเสาร์แล้วดินแดนนี้ยังมีสิ่งสวยงามและความเฉพาะถิ่นซุกซ่อนอยู่โดยเฉพาะความเป็นชุมชนโบราณ ที่สืบทอดต่อๆ กันมานานแสนนาน การเดินทางไปกาฬสินธุ์ง่ายมาก แม้จะไม่มีสนามบินให้ไปได้รวดเร็วปรู๊ดปร๊าด แต่ก็ย่นเวลาได้โดยนั่งเครื่องบินไปลงขอนแก่น หรือร้อยเอ็ด แล้วต่อรถเข้าเมืองกาฬสินธุ์อีกไม่เกินชั่วโมงครั้งนีฉั้นเลือกผ่านสนามบินร้อยเอ็ด เพราะเมืองเป้าหมายที่จะไป
เยือนในคราวนี้ อยู่ใกล้ร้อยเอ็ดมากกว่า กมลาไสย ชื่อที่ใครๆ ก็คงคุ้นหูแต่ถ้าพูดถึงชื่อ “ฟ้าแดดสงยาง” ถ้าใครไม่ใช่คนกาฬสินธุ์หรือท่องคำขวัญกาฬสินธุ์ไม่ได้คงไม่คุ้นหูแน่ๆ ฟ้าแดดสงยาง ก็คือเมืองแดดดีต้นยางสูงใหญ่ โดยคำว่า “สงยาง” แปลว่า ต้นยางสูงใหญ่หลังอิ่มมื้อเช้าไปแล้วที่ครัวสะแบง ในตัวเมืองกมลาไสย ก็มุ่งหน้าเข้า เมืองฟ้าแดดสงยาง บ้านเสมา อ.กมลาไสย เป็นเมืองโบราณ ตั้งอยู่ใน อ.กมลาไสย ปัจจุบันเหลือแต่ซากอิฐปนดิน มีคูเมืองสองชั้น แต่ปัจจุบันบารายหรือท้องน้ำแปลงสภาพเป็นถนนเข้าออกหมู่บ้าน จุดเด่นของเมืองนี้ คือพระธาตุยาคู และใบเสมาอายุเก่าแก่ ตั้งแต่ยุคทวาราวดีที่มีอยู่มากมาย ขุดค้นพบขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากรไว้เป็นร้อยแผ่นแล้วยังเชื่อว่ามีที่ไม่ได้ขุดค้นอีกมาก กระจายอยู่ตามทุ่งนา
               พระธาตุยาคู เป็น 1 ใน 18 แห่งที่ขุดค้นพบอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ศิลปะสมัยทวาราวดี ตำว่า “ญาคู” เป็นคำที่ชาวบ้านเรียกพระชั้นผู้ใหญ่ที่นับถือ พระธาตุที่เห็นในปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงศิลปะ 3 สมัย ฐานล่างรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมเป็นของเก่าดั้งเดิมสมัยทวาราวดี ถัดมาเป็นส่วนฐานทรงแปดเหลี่ยมสร้างในสมัยอยุธยา และส่วนองค์ระฆังและยอดสร้างต่อเติมในสมัยรัตนโกสินทร์และนี่คงแสดงให้เห็นว่า พระธาตุยาคูไม่มีวันตายบริเวณรอบพระธาตุมีใบเสมาที่ขุดค้นพบ บางแผ่นสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และเหตุที่เมืองฟ้าแดดสงยาง มีการขุดค้บพบใบเสมาเยอะมากจึงสันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะเต็มไปด้วยวัดวาอาราม หลักฐานส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ วัดโพธิ์ชัยเสมาราม ซึ่งจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาใบเสมาที่ขุดพบเอาไว้ โดยมีใบเสมาสภาพค่อนข้างสมบูรณ์เก็บไว้ถึง 11 แผ่น
               พระอธิการสานิตย์ วราโภ พาพวกเราไปดู เห็นใบเสมาขนาดสูงใหญ่ มีการแกะเนื้อหา ข้อความจากภาพจำหลักออกมาอธิบายให้เข้าใจ พระอธิการเล่าว่า ใบเสมาที่พบบางแผ่นเกิดจากนิมิต ก็ให้ชาวบ้านไปขุดก็เจอ ตอนนี้ทางวัดและชาวบ้านขอดูแลเองเป็นสมบัติของบ้านเสมากันเอง ก่อนหน้านี้เจอเยอะก็มาไว้ที่วัด ซึ่งก็มีหายไปบ้างไม่ไกลจากวัด เดินทางขึ้นไปอ.สหัสขันธ์ ดินแดนถิ่นไดโนเสาร์ เพื่อมองหามุมใหม่ๆ ดูบ้าง พบว่า รายรอบเขื่อนลำปาว มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งให้ค้นหา ไล่ตั้งแต่เจดีย์ วัดพุทธนิมิต หรือ วัดภูค่าว ที่มีเรื่องราวของปริศนาลายแทง พระไสยาสน์ตะแคงซ้ายที่เกิดจากช่างฝีมือขอมโดยหันด้านเศียรไปทางพระธาตุพนม รวมถึงมีวิหารสังฆนิมิตที่เต็มไปด้วยพระเครื่องทั้งผนังและหลังคา นายอำเภอสหัสขันธ์ใจดี แบ่งพระเครื่องที่ได้จากเจ้าอาวาสมาให้ 1 องค์ สาธุๆออกจากวัดภูค่าว ขึ้นมาอีกไม่ไกล ก็ถึงภูสิงห์ ถนนเล็กๆ ลาดยางมุ่งขึ้นเขา เห็นแล้วนึกถึงเพื่อนๆ ที่ชอบปั่นจักรยาน เส้นทางนี้เหมาะจะท้าทายกำลังอีกเส้นหนึ่งเลยทีเดียว ด้านบนเป็น พุทธสถานภูสิงห์ประดิษฐานพระพรหมภูมิเปาโลสีขาวองค์ใหญ่ สวยสะดุดตา และด้านริมผายังเป็นจุดชมวิวเมืองสหัสขันธุ์ชั้นดี เห็นไกลถึงภูปอ พระมหาเจดีย์ภูค่าว ภูเป้งและภูกุ้มข้าว แหล่งค้นพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ที่สำคัญบ่ายคล้อย ได้เวลากินลม ชมตะวันตกน้ำ … ลงจากภูสิงห์ นั่งรถไปอีกไม่ไกลก็ถึงเขื่อนลำปาว ถูกใจ
               ที่สุดในยามนี้เห็นจะเป็นเขื่อนลำปาว ที่เก็บน้ำไว้ได้เยอะ ผิดกับที่เคยไปเห็นยามหน้าแล้ง ที่นี่เป็นทั้งที่ตั้งสถานีประมงน้ำจืด และเป็นทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะด้านริม สะพานเทพสุดา ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมสองฝั่งของอ่างเก็บน้ำลำปาว และ 2 อำเภอของกาฬสินธุ์ คือ สหัสขันธ์และหนองกุงศรี เข้าด้วยกันทำให้ย่นระยะการเดินทางได้มาก ตัวสะพานทอดยาวสีม่วงเล่นระดับ มีรูปไดโนเสาร์ แต่งข้างสะพานยามที่นั่งแพ ล่องตามน้ำเหนือเขื่อน รับรู้สึกได้ถึงความสุข สงบ สวยงามไม่อยากจะนึกเลยว่า ถ้าเป็นฤดูที่อากาศหนาวๆมีไอหมอกขึ้นจากน้ำในยามเช้าจะสวยงามขนาดไหน สงสัยต้องไปสัมผัสอีกสักรอบ ในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ล่ะหลังตะวันลับฟ้า ฉันก็จากลาสหัสขันธ์ ที่ ไดโนโรด หรือถนนไดโนเสาร์ เป็นย่านบ้านไม้เก่าแก่ไม่ไกลจากภูสิงห์ ชาวบ้านช่วยกันจัดเป็นถนนคนเดินระยะทางยาว 800 เมตร ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวปีใหม่นี้แล้ว

 

ใส่ความเห็น