กีฬาเปลี่ยนชีวิต

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

17 มกราคม 2558 เวลา 11:59 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1v76MqA

กีฬาเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก กีฬาทุกชนิด ทุกประเภท ล้วนมีเสน่ห์ ทั้งเกมการแข่งขัน รวมถึงตัวผู้เล่น ที่กลายเป็นแบบอย่างให้กับผู้คน

แต่สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของการเล่นกีฬา คือ การทำให้ร่างกายแข็งแรง ถือเป็นยาอายุวัฒนะ ที่ชะลอวัยสำหรับคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับ ผศ.ดร.นพ.ประวีร์ สิริเธียรทรรศน์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์ Royal Life โรงพยาบาลกรุงเทพ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา แพทย์ประจำสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ชีวิตพลิกฟื้นได้ด้วยกีฬา

“สมัยเรียน ผมเป็นเด็กเนิร์ด เรียน อ่านหนังสืออย่างเดียว ยิ่งมาเรียนหมอ ยิ่งเนิร์ดมากขึ้นเรื่อยๆ และก็เครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตอนเรียนปี 4 อายุประมาณ 24 เกิดอาการปวดหลังมาก หลังแข็งเป็นกระดาน เป็นโรคเดียวกับคนวัย 40 จึงหันมาเล่นกีฬาทุกประเภทตั้งแต่นั้นมา” นพ.ประวีร์ เล่าที่มาก่อนเข้าวงการกีฬา

นับตั้งแต่นั้นมา นพ.ประวีร์ ก็เล่นกีฬาทุกประเภทที่สมัยเรียนไม่เคยได้เล่น เริ่มจากว่ายน้ำที่ทำให้อาการปวดหลังดีขึ้น เล่นคาราเต้ เทควันโด จนตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน Sport Medicine (Exercise Physiology) Florida State University สหรัฐ โดยตรง

นพ.ประวีร์ เล่าว่า ตอนที่เรียน เรียนเพื่อตัวเองเป็นหลัก ต้องการหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อดูแลตัวเองโดยใช้กีฬาเป็นเครื่องมือ หากจะเทียบให้เห็นความสำคัญของกีฬาและการออกกำลังกายง่ายๆ สมัยเป็นเด็ก มีพลังชีวิตสูง เวลาเจ็บป่วยร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้เร็ว ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ และเมื่ออายุมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายมีมากขึ้น ซึ่งศาสตร์ของการออกกำลังกาย มีความใกล้เคียงกับคำว่า “ยาอายุวัฒนะ” อยู่มาก

นั่นคือสิ่งที่ไปเรียนรู้เพิ่มเติม ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน กับประเทศที่เรียกได้ว่าให้ความสำคัญกับกีฬามากที่สุดอย่างสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาคนด้วยกีฬาอย่างแท้จริง

หลังจากจบมา สมัยนั้นวงการกีฬาไทยยังไม่บูมมากเหมือนปัจจุบัน เปรียบเสมือนกับเรียนเป็นช่างรถยนต์ฟอร์มูลาวัน แต่มาใช้ดูแลรักษารถบ้าน ประกอบกับไม่คิดว่าจะกลับมาทำงานในเมืองไทย เพราะกีฬาอาชีพยุคนั้นมีแค่มวย จึงนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาใช้ในการดูแลตัวเองเป็นหลัก

แต่วันนี้กระแสความสนใจในกีฬามีสูงมากในประเทศไทย หลังจากเริ่มมีการแข่งขันฟุตบอลลีก และสะท้อนความสำเร็จผ่านฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาวงการฟุตบอลในระดับสโมสร ซึ่งหลังจากนี้จะเกิดการพัฒนาในระดับเยาวชนในที่สุด และนพ.ประวีร์ ก็มีโอกาสได้ใช้ความรู้ดูแลนักฟุตบอลให้กับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ของวงการฟุตบอลเมืองไทยจากการชักชวนของ กรุณา ชิดชอบ ภรรยา เนวิน ชิดชอบประธานสโมสร

นพ.ประวีร์ กล่าวว่า ทำหน้าที่เป็นแพทย์ประจำทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดูแลนักกีฬาตลอด 9 เดือนของการแข่งขันแต่ละฤดูกาล สิ่งสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้สภาพนักฟุตบอลยังคงแข็งแรงเหมือนกับต้นฤดูกาล เพราะสิ่งที่จะทำให้ฟุตบอลแพ้หรือชนะ อยู่ที่ความแข็งแกร่งของนักกีฬา โดยเฉพาะการชิงกันใน 3 นัดสุดท้าย

“เคล็ดลับในการดูแลนักกีฬาก็คือ ทำอย่างไรให้นักกีฬา ‘เด็กที่สุด’ เพราะความเยาว์วัยจะทำให้มีความสามารถในการซ่อมแซมร่างกายได้ดี สิ่งที่นักกีฬากลัวที่สุด คือ อาการบาดเจ็บ ทำอย่างไรจะทำให้เขากลับมาหายโดยเร็ว และสามารถลงสนามได้ ซึ่งวันนี้มีทั้งเทคโนโลยีที่จะทำให้ร่างกายนักกีฬาเด็กลงได้ สามารถสร้างซูเปอร์นักกีฬาได้” นพ.ประวีร์ กล่าว

นพ.ประวีร์ ได้มีโอกาสได้เข้าไปช่วยงานทีมชาติเป็นบางครั้ง ซึ่งเขาเห็นว่าวงการกีฬาไทยยังพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะอยากให้ประชาชนสนับสนุนและเข้าใจกีฬาว่ามีแพ้ มีชนะ เมื่อชนะก็ดีใจ และถ้าแพ้ ประชาชนต้องสนับสนุน หากเข้าใจจุดนี้จะทำให้วงการกีฬาไทยพัฒนาไปได้ไกล เช่นเดียวกับสหรัฐ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนด้วยกีฬา เป็นกุศโลบายที่ทำให้ประชาชนแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ

นอกจากนี้ อยากให้คนไทยเข้าใจกีฬาอย่างถูกต้อง อย่างในสหรัฐจะมีขั้นตอนในการพัฒนานักกีฬาอย่างค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ระดับมัธยมต้น มัธยมปลายมหาวิทยาลัย จนนักกีฬามีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ซึ่งจุดนี้จะแตกต่างจากวงการกีฬาไทย ที่จะเร่งเครื่องตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ร่างกายไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น และทำให้นักกีฬาไม่สามารถก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพได้เมื่อร่างกายพร้อมเต็มที่

จุดนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่อยากจะให้พ่อแม่เข้าใจและเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ หากต้องการปั้นลูกให้เป็นนักกีฬาอาชีพ ต้องเริ่มจากการให้เล่นด้วยความชอบ สนุก อยากไปบังคับ กดดัน เร่งฝึกซ้อมมากเกินไป สุดท้ายจะทำให้ร่างกายไม่สามารถเติบโตต่อไปได้ สิ้นสุดเส้นทางการเป็นนักกีฬาอาชีพโดยปริยาย

สำหรับ นพ.ประวีร์ ทุกวันนี้นอกจากมีความสุขกับการใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาพัฒนาวงการกีฬากับสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปี้ยนลีกส์แล้ว ในวัยกว่า 40 ปี ยังมีความสุขกับการเล่นกีฬาทุกประเภท ไม่เว้นแม้แต่กีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งของร่ายกายอย่างมากอย่าง สโนว์ บอร์ด ซึ่งฤดูกาลนี้เดินทางไปเล่นมาแล้วตลอด 1 สัปดาห์ ที่ประเทศญี่ปุ่น และกำลังจะเดินทางไปอีกครั้งในเร็วๆ นี้

 

ใส่ความเห็น