ลิ้นจี่ นพ.1 ผลไม้เลื่องชื่อ สวนลุงสวัสดิ์ เรียนรู้ก่อนทดลอง สวนแรกในนครพนม

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05070151256&srcday=2013-12-15&search=no

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ปีที่ 26 ฉบับที่ 565

รายงานพิเศษนครพนม แดนดินถิ่นพระธาตุ เกษตรเปรื่องปราด ลำน้ำโขง

สุจิต เมืองสุข

ลิ้นจี่ นพ.1 ผลไม้เลื่องชื่อ สวนลุงสวัสดิ์ เรียนรู้ก่อนทดลอง สวนแรกในนครพนม

ภาพบางมุมของภาคอีสาน อย่าง จังหวัดนครพนม อาจทำให้ผู้มาเยือนไม่รู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้จะมีไม้ผลหรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งที่มีรสชาติและคุณภาพเทียบเท่าผลไม้ที่เติบโตได้ดีในเมืองหนาว แม้ผู้เขียนเองก็มองไม่เห็นสภาพพื้นที่ว่ามีความเหมาะสมกับ “ลิ้นจี่” เลยแม้แต่น้อย กระทั่งทราบว่า มีลิ้นจี่ สายพันธุ์ นครพนม 1 (นพ.1) เป็นที่เลื่องชื่อลือนามถึงรสชาติ และบุกเข้าไปถึงสวน เมื่อเห็นกับตา จึงเชื่อแน่ชัดว่า ลิ้นจี่ นพ.1 ของจังหวัดนี้ ไม้แพ้ลิ้นจี่ที่ใด

ต้นลิ้นจี่ มองด้วยตามีขนาดไม่ใหญ่นัก ดูทรงพุ่มก็ทราบได้ว่า ได้รับการตัดแต่งกิ่งอย่างดี มีกิ่งและใบแตกใหม่ออกจำนวนมาก มองดูเหมือนลิ้นจี่สาวที่สามารถให้ผลผลิตเต็มจำนวนทั้งที่ปลูกมาเกินกว่า 15 ปี เป็นอย่างน้อย

คุณสวัสดิ์ ภาษา เจ้าของสวนลิ้นจี่ นพ.1 ให้การต้อนรับอย่างดี แม้ว่าร่างกายจะร่วงโรยไปตามวัย เพราะปัจจุบันคุณสวัสดิ์ มีอายุเกินกว่าวัยเกษียณไปมาก แต่ยังแข็งแรงมากพอที่จะเดินทั่วสวนและดูแลการเจริญเติบโตของลิ้นจี่ นพ.1 ให้ได้ผลผลิตอย่างดี

ก่อนหน้าเริ่มทำสวนลิ้นจี่ นพ.1 คุณสวัสดิ์ มีอาชีพทำไร่และทำนา ตามประสาเกษตรกรทั่วไปในภาคอีสาน คุณสวัสดิ์ทำไร่ยาสูบ และไร่ข้าวโพด ไร่หอมแดง สลับสับเปลี่ยน บนที่ดินราว 20 ไร่ กระทั่ง พ.ศ. 2535 มีแนวคิดนำลิ้นจี่ นพ.1 มาปลูก เพราะการสังเกตตามธรรมชาติของเกษตรกรคนหนึ่ง ที่มีความอยากรู้อยากเห็น เมื่อนำแกลบเข้าไปขายในศูนย์วิจัยพืชสวนนครพนม เห็นต้นลิ้นจี่ที่มีผลติด ผลมีสี รูปทรงสวยงาม น่ารับประทานมาก จึงติดต่อนักวิชาการภายในศูนย์วิจัยฯ ขอนำกล้าที่เพาะไว้ไปปลูก ทางศูนย์วิจัยฯ จำหน่ายให้ในราคาต้นละ 50 บาท คุณสวัสดิ์จึงซื้อมาจำนวน 50 ต้น หลังจากลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 10 ไร่ บริเวณตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

บริเวณที่ดิน 10 ไร่ เดิมที่ซื้อเพิ่ม คุณสวัสดิ์ นำต้นกล้าลิ้นจี่ นพ.1 มาลงปลูก ระยะห่างระหว่างต้นและแถว คือ 8×8 เมตร ช่วงท้ายของสวนเป็น 10×10 เมตร เพราะเป็นที่ลาด

ด้วยความไม่รู้และไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับการปลูกไม้ผลเลย ทำให้คุณสวัสดิ์ ดูแลลิ้นจี่ไปตามความสามารถและความรู้ในการดูแลพืชเท่าที่มี เช่น การรดน้ำในช่วงแรก คุณสวัสดิ์ ใช้วิธีลากสายยางจากทางน้ำผ่านใช้รดน้ำต้นไม้ ตอนเช้าคุณสวัสดิ์จะลากสายยางไปที่โคนต้นลิ้นจี่แต่ละต้น วางสายยางไว้ให้น้ำปริ่มโคนต้น กว่าจะครบ 10 ไร่ ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน จากนั้นเว้นระยะการรดไป 1 สัปดาห์ แล้วเริ่มรดใหม่อีกครั้ง ที่โคนต้นลิ้นจี่จะใช้จอบขุดเป็นวงรอบลำต้นไว้ เพื่อให้น้ำที่รดไปถูกกักไว้กับต้นลิ้นจี่ อาจมีบางส่วนของน้ำที่ซึมลงพื้นและไหลออกจากขอบที่ขุดเป็นวงไว้ ก็ช่วยให้ดินบริเวณรอบได้รับความชื้นไปด้วย

ในช่วง 2 ปีแรกของการปลูกลิ้นจี่ นพ.1 คุณสวัสดิ์ บอกว่า การดูแลทำไปตามเอกสารที่ได้จากศูนย์วิจัยฯ เมื่อเข้าสู่ช่วงออกผลผลิตในปีที่ 3 ต้องประสบปัญหาอีกครั้ง เมื่อลิ้นจี่ออกดอกและเริ่มติดผล ผลโตเริ่มเก็บได้ ปัญหาที่เกิดคือ ผลลิ้นจี่แตก ทำให้เก็บผลผลิตขายไม่ได้

“ผมปรึกษาเกษตรจังหวัด และนักวิชาการของศูนย์วิจัยฯ ก็ทราบว่า พื้นที่ที่ปลูกลิ้นจี่ นพ.1 ผืนนี้ ประสบปัญหาดินขาดแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยยึดให้เปลือกเหนียว ผลไม่แตกง่าย เพราะเมื่อลิ้นจี่ผลแตก แมลงก็มาตอม เหลือผลดี 5-10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น”

วิธีแก้ปัญหาเมื่อดินขาดแคลเซียมคือ การนำปูนขาวหรือโดโลไมท์ สารปรับสภาพดินและปรับโครงสร้างดิน ลดความเป็นกรด แก้ดินเปรี้ยว ใส่ในดินเพื่อเพิ่มแคลเซียม นักวิชาการแนะนำว่า เมื่อลิ้นจี่เริ่มติดดอกออกผล ผลมีขนาดเท่าหัวไม้ขีด ให้นำปูนขาวหรือโดโลไมท์โรยใส่ที่โคนต้น เหมือนการให้ปุ๋ย หลังจากหว่านครั้งแรก 15 วัน ให้หว่านซ้ำ สารนี้จะช่วยให้ขั้วเหนียว เปลือกเหนียว

หลังจากคุณสวัสดิ์ทำตามคำแนะนำ ลิ้นจี่ นพ.1 ทั้งสวนก็ได้ผลผลิตต่อเนื่องอย่างดี ไม่ประสบปัญหาผลแตกอีก แม้ว่าในช่วงฤดูฝนที่ลิ้นจี่จะได้รับน้ำปริมาณมาก ก็ไม่ส่งผลให้ผลแตกแต่อย่างใด และเป็นโอกาสดีของคุณสวัสดิ์ที่ศาลากลางจังหวัดมีการจัดงานแสดงสินค้า คุณสวัสดิ์จึงนำลิ้นจี่ นพ.1 ที่ให้ผลผลิตในช่วงดังกล่าวกว่า 100 กิโลกรัม ไปวางจำหน่าย ในราคากิโลกรัมละ 80 บาท เพียงไม่ถึงครึ่งวัน ลิ้นจี่ก็แปรสภาพเป็นเม็ดเงินให้กับคุณสวัสดิ์ได้มากทีเดียว

เมื่อลิ้นจี่สร้างเงินให้คุณสวัสดิ์ตามที่คาดหวัง บริเวณพื้นที่อีกราว 20 ไร่ ถัดไปของคุณสวัสดิ์ จึงถูกแปรสภาพจากไร่ยาสูบ ไร่ข้าวโพด เป็นสวนลิ้นจี่ นพ.1 รวมพื้นที่ปลูกทั้งหมดปัจจุบัน ประมาณ 30 ไร่ ซึ่งคุณสวัสดิ์ บอกว่า ปัญหาการรดน้ำที่ต้องใช้แรงงานหมดไป เพราะเปลี่ยนจากการรดน้ำด้วยวิธีเดิม เป็นการเดินสปริงเกลอร์ทั่วสวน ลดค่าจ้างแรงงานลากสายยางรดน้ำลง ซึ่งช่วยให้การรดน้ำเป็นระบบมากขึ้น ยกเว้นช่วงฤดูฝนที่มีน้ำในคลองปริมาณมาก อีกทั้งพื้นที่อยู่ใกล้คลอง คุณสวัสดิ์จะเลือกใช้การสูบน้ำเข้าสวนแทนการรดน้ำด้วยสปริงเกลอร์ เพราะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยใช้เวลารดน้ำเพียง 3 ชั่วโมง ก็ทั่วสวน เสียค่าใช้จ่ายเพียง ชั่วโมงละ 60-70 บาท เท่านั้น

ปริมาณน้ำที่ให้ยังคงเป็นสัปดาห์ละครั้ง ยกเว้นช่วงที่ลิ้นจี่ติดดอก 40-50 เปอร์เซ็นต์ของต้น ควรให้น้ำในปริมาณมาก การสังเกตว่าให้น้ำมากเพียงพอหรือไม่ ให้สังเกตที่โคนต้นลิ้นจี่ หากน้ำท่วมคลุมพื้นที่ใต้โคนต้น แสดงว่าปริมาณน้ำมากเพียงพอแล้ว

หลังการให้น้ำในครั้งแรก คุณสวัสดิ์ แนะนำว่า ควรพักการให้น้ำระยะหนึ่งก่อน รอให้กิ่งที่ติดผลคล้อยลงต่ำ จึงเริ่มให้น้ำอีกครั้ง จากนั้นให้ปุ๋ยตาม ซึ่งสวนลิ้นจี่คุณสวัสดิ์ให้ปุ๋ย สูตร 8-24-24 หรือ 13-21-21

ปุ๋ยชีวภาพอีกชนิดหนึ่งที่คุณสวัสดิ์แนะนำให้ใช้คือ น้ำหมักชีวภาพจากรกหมู เนื่องจากภายในสวนลิ้นจี่ของคุณสวัสดิ์เลี้ยงหมูไว้จำนวนหนึ่ง เมื่อได้รกหมูมาก็จะนำมาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ ใช้รดลิ้นจี่ภายในสวน คุณสวัสดิ์ บอกว่า น้ำหมักชีวภาพจากรกหมูจะมีกลิ่นเหม็นมาก แต่ช่วยป้องกันโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาคุณสวัสดิ์ไม่ประสบปัญหาโรคและแมลงในสวนลิ้นจี่ เพราะใช้น้ำหมักชีวภาพจากรกหมู อย่างไรก็ตาม อาจพ่นยาฆ่าแมลงบ้างในช่วงที่โรคและแมลงระบาดหนักจริงๆ

“หลังเก็บผลผลิตแล้วทุกครั้ง จำเป็นต้องตัดแต่งกิ่ง เพราะจะช่วยให้ลิ้นจี่เป็นสาว ให้ผลผลิตได้มาก เป็นพวงสวยงาม อีกทั้งทรงพุ่มไม่ใหญ่เกินไป เก็บผลผลิตได้ง่าย บางกิ่งที่สังเกตว่ามีความสมบูรณ์ดี ผมจะตอนกิ่งไว้ในช่วงที่ตัดแต่งกิ่ง เหมือนต้นตอนได้ผล จึงตัดกิ่งนั้นทิ้งให้แตกกิ่งใหม่ การตัดแต่งกิ่งจะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรก ตัดกิ่งที่ใหญ่และเกะกะมองไม่เห็นต้นด้านในก่อน จากนั้น ตัดกิ่งซ้ำอีกครั้งให้ลำต้นโปร่งขึ้น”

ลิ้นจี่สวนคุณสวัสดิ์ มีผลผลิตเกือบตลอดปี เพราะปลูกไล่ลำดับกัน 3 รุ่น ทำให้ได้ผลผลิต 3 ครั้ง ต่อปี โดยรุ่นแรกจะให้ผลผลิตประมาณปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม รุ่นที่ 2 ให้ผลผลิตประมาณกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และรุ่นที่ 3 ให้ผลผลิตประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงตลอดเดือนมีนาคม ซึ่งรุ่นที่ 3 จะเป็นรุ่นที่ลิ้นจี่ให้ผลผลิตมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ คุณสวัสดิ์ ต้องนำลิ้นจี่ออกไปขายตามงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นของหน่วยงานราชการ แต่ด้วยรสชาติ คุณภาพ ลิ้นจี่ นพ.1 ทำให้มีผู้ค้าสนใจติดต่อขอเข้ามารับถึงสวน เพื่อนำไปจำหน่ายต่ออีกทอด ซึ่งคุณสวัสดิ์ ยังคงจำหน่ายในราคา 80 บาท ต่อกิโลกรัม ในระยะแรก ต่อมาลดราคาลงเหลือ กิโลกรัมละ 50-60 บาท ต่อกิโลกรัมในบางฤดู เนื่องจากมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงมองเห็นช่องทางการปลูกลิ้นจี่ขาย ซื้อกิ่งตอนจากคุณสวัสดิ์ไปปลูกเพื่อการค้าจำนวนมาก ทำให้ในบางช่วง ลิ้นจี่ นพ.1 มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ราคาต่อกิโลกรัมจึงลดลง อย่างไรก็ตาม ลิ้นจี่ นพ.1 จากสวนคุณสวัสดิ์ ยังคงเป็นลิ้นจี่ที่ตลาดต้องการสูง แม้ปัจจุบัน คุณสวัสดิ์จะปลูกเต็มพื้นที่ 30 ไร่ ก็ยังได้ผลผลิตในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

“ตลาดจันทบุรี ตลาดกลางดง นครราชสีมา ตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพมหานคร และพ่อค้าจากจีน ก็เดินทางมารับซื้อจากสวนของผม ผลผลิตแต่ละปียังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนที่มารับซื้อที่สวน ยังคงมีความต้องการเพิ่มอีกจำนวนมาก”

ปัจจุบัน คุณสวัสดิ์ อายุมาก จึงไม่คิดขยายพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ นพ.1 อีก แต่ยังคงตอนกิ่งเพื่อจำหน่ายให้กับผู้สนใจนำไปขยายพันธุ์ ในราคาต้นละ 100-200 บาท ตามขนาดของลำต้น

สวนลิ้นจี่ นพ.1 ของคุณสวัสดิ์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจศึกษาระบบการปลูกลิ้นจี่ นพ.1 รวมทั้งระบบการบริหารจัดการภายในสวนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพราะนอกจากคุณสวัสดิ์จะปลูกลิ้นจี่แล้ว ยังเลี้ยงหมู ทำแก๊สชีวภาพใช้ในครัวเรือน การเลี้ยงวัว ทำน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ใช้ภายในสวน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสวัสดิ์ ภาษา หมู่ที่ 2 ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม หรือโทรศัพท์ (081) 320-6447

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s