อานิสงส์รถคันแรก SMEยานยนต์ ปีหน้าฉลุย

http://www.thairath.co.th/content/eco/316076

26 ธันวาคม 2555, 11:55 น.
EyWwB5WU57MYnKOvkDaN9VHt5anyDR1WKeFEuyKxGE9HwwJVTxHRzy

สสว. คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจเอสเอ็มอีปีหน้า กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและพลังงานทดแทนและกลุ่มผลิตภัณฑ์ และบริการไลฟ์สไตล์มาแรงติด 1 ใน 3 อันดับสาขาธุรกิจแนวโน้มดี

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้สรุปแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้าว่า จะขยายตัวประมาณ 4 – 5 %ภายใต้เงื่อนไข เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.9% ราคาน้ำมันเฉลี่ยไม่สูงเกินเฉลี่ย 113 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล การเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย 80% และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้กรอบแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท และ 10,000 ล้านบาท ตามลำดับ และไม่มีปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในภาคการเกษตร

สำหรับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย ยังมีความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอก จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนปัจจัยลบภายในประเทศ อยู่ที่เสถียรภาพทางการเมืองและค่าเงินบาท ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ภัยธรรมชาติ การขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม ปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับค่าแรงวันละ 300 บาททั่วประเทศ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ค่าขนส่ง ทำให้ สสว.คาดว่าการขยายตัวของเอสเอ็มอี จะขยายตัวได้ 5% เมื่อเทียบกับปีนี้

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในปีหน้า ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ เนื่องจากการขยายตัวของการผลิตรถยนต์ ป้อนผู้สั่งจองในประเทศจากนโยบายรถคันแรก และตลาดในต่างประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยคาดว่า การส่งออกรถยนต์จะขยายตัว 20% ซึ่งเอสเอ็มอี กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และผู้ให้บริการประดับยนต์ ก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย, กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและพลังงานทดแทน เช่น ยางและผลิตภัณฑ์จากยางพารา มีแนวโน้มดีขึ้นจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวและการร่วมมือเพื่อลดกำลังการผลิต จะทำให้ราคายางพาราดี

กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมการบริโภคของคนเมือง คนชั้นกลาง และคนรุ่นใหม่ เช่น ของขวัญของชำร่วย สินค้าแฟชั่น สินค้าเชิงศิลปวัฒนธรรม, ธุรกิจ ในกลุ่มก่อสร้าง จะมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นโดย เป็นผลมาจากมาตรการลงทุนของภาครัฐตามกรอบแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งมูลค่าการลงทุนจะขยายตัวได้มากกว่า 10 % โดยเอสเอ็มอี เป็นผู้รับช่วงการผลิตจากผู้รับเหมารายใหญ่

ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม เป็นผลมาจากความคืบหน้าของการประมูล 3จี ทำให้มูลค่าตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เติบโตมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มเคเบิลและทีวีดาวเทียมที่คาดว่าจะมีปริมาณผู้รับชมในกลุ่มนี้ เพิ่มขึ้น เพราะมีผู้ดำเนินการรายใหม่เข้ามาแข่งขัน ซึ่งมี เอสเอ็มอี หลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น กลุ่มผู้ผลิต digital content ผู้ผลิต computer graphic กลุ่มผู้ผลิตรายการบันเทิง เป็นต้น

กลุ่มการผลิตและบริการเพื่อสุขภาพ และความงาม เช่น อาหารเสริม สมุนไพร เครื่องสำอาง อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ บริการด้านสุขภาพ บริการด้านความงาม เป็นต้น, กลุ่มธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก บริการรถรับจ้าง-รถเช่า เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวภายประเทศ และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจเอเชีย-อาเซียน และบางประเทศในยุโรป

กลุ่มธุรกิจด้านสันทนาการ เนื่องจากความต้องการบริการด้านนี้ขยายตัวมากขึ้น ประกอบการการมีลู่ทางขยายตลาดไปในเอเชียและอาเซียนมากขึ้น ธุรกิจกลุ่มนี้ เช่น ภาพยนตร์ ละคร ดนตรี กีฬา ข่าวสาร สารคดี รายการทีวีและเคเบิลทีวี มีทั้ง เอสเอ็มอี ที่ดำเนินธุรกิจดังกล่าวเองและเอสเอ็มอี ที่รับช่วงงานจากธุรกิจรายใหญ่

ทั้งนี้ สสว.ยังระบุอีกว่า การลดภาษีนิติบุคคลลงมาอยู่ที่ 20% ในปีหน้า จะช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ และเป็นการเพิ่มความน่าสนใจของประเทศไทยให้กับ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอนาคต เนื่องจากได้รับผลกำไรมากขึ้น การขยายการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศนี้ คาดว่าจะทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีโดยรวมของรัฐบาลมากขึ้น และเกิดการจ้างงานใหม่ภายในประเทศ เมื่อประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รายได้จากภาษีก็จะเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย.

ใส่ความเห็น