รายงานพิเศษ : กรมการข้าวจัดงาน“วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ”เพื่อเชิดชูกระดูกสันหลังของชาติ

http://www.naewna.com/local/8524

วันพฤหัสบดี ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555, 06.00 น.

 
ทุกวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี รัฐบาลมีมติกำหนดให้เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เนื่องด้วยข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศไทย เป็นทั้งอาหารหลักของคนในชาติ และยังเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศปีละนับแสนล้านบาท

นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ มีขึ้นเพื่อเชิดชูชาวนาไทยที่มีอยู่ประมาณ 3.7 ล้านครอบครัว ผู้ซึ่งทำการผลิตข้าวได้ปีละไม่ต่ำกว่า 30 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ และเหลือจนสามารถส่งออกข้าวได้มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่สำคัญข้าวไทยเป็นข้าวที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของทั่วโลก ดังนั้น กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้กำหนดจัดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี

โดยในปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการข้าว ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมการค้าภายใน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงพาณิชย์ กำหนดจัดงานในระหว่างวันที่ 4-7 มิถุนายน 2555 ณ บริเวณกรมการข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2555 ในวันที่ 6 มิถุนายน เวลา 15.30 น.

สำหรับวัตถุประสงค์หลักในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของอาชีพการทำนา และยังเป็นการยกย่องเกียรติชาวนาผู้เป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นการสร้างจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของข้าว และเป็นการเชิดชูให้ลูกหลานชาวนารุ่นใหม่ภาคภูมิใจและสืบทอดอาชีพการทำนาของบรรรพบุรุษ เพราะอาชีพทำนานั้นมีความสำคัญต่อวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยอย่างมาก

ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานดังกล่าว จะมุ่งเน้นกิจกรรมเชิดชูชาวนา มีการเสวนาผู้นำชาวนาจากทั่วประเทศ ผลงานชาวนาดีเด่น มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ชาวนาได้เรียนรู้ นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับข้าวจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ซึ่งในส่วนของกรมการข้าว จะจัดนิทรรศแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ มีการแสดงวิถีการผลิตข้าวของชาวนาในประเทศไทย ซึ่งมีวัฒนธรรมข้าวของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ รวม 11 กลุ่มชาติพันธ์ พร้อมกันนี้ จะจำลองหมู่บ้านต้นแบบผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว จากตำบลนางลือ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท มาจัดแสดงให้ชมวิธีการผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อแก้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ขาดแคลน ควบคู่กับจัดแสดงพันธุ์ข้าวต่างๆ ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสุดยอดข้าวของโลก คือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105

อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่สำคัญในงานดังกล่าวจะนำเสนอเรื่องการจัดระบบปลูกข้าว เพื่อแสดงให้เห็นว่าระบบปลูกข้าวสามารถแก้ปัญหาให้กับชาวนาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติและแมลงศัตรูข้าว ซึ่งจะได้นำผลสำเร็จของจังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดต้นแบบในการจัดระบบปลูกข้าว ที่มีชาวนาเข้าร่วมโครงการปลูกถั่วเขียวหลังนา เพื่อพักดินและแก้ปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่เข้าระบบปลูกข้าวแล้วกว่า 5 แสนไร่ มาจัดแสดงให้ชาวนาตระหนักว่าการทำนาปีละ 2 ครั้งและพักดิน จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร

อาชีพการทำนามีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก เพราะการทำนาปลูกข้าวของชาวนาไทยเป็นทั้งวิถีชีวิต ทั้งวัฒนธรรม จิตวิญญาณและยังเป็นความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ณ โครงการพัฒนาพื้นที่โคกกูแว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2536 ความตอนหนึ่งว่า “ข้าวต้องปลูกเพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไรประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก”

ดังนั้น การยกย่องและเชิดชูชาวนา ตลอดจนการผลักดันให้ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะเป็นสิ่งที่ช่วยค้ำจุนให้อาชีพการทำนาอยู่คู่กับประเทศไทยสืบไปตราบนานเท่านาน ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนให้ชาวนา เกษตรกรตลอดจนประชาชนมาร่วมในงานวันข้าวและชาวนาแห่งชาติตามวันเวลาที่กำหนด และร่วมกันรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อร่วมกันเชิดชูชาวนาและข้าวไทยที่หล่อเลี้ยงคนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 5,000 ปี

ใส่ความเห็น