ผ่าน 1 เดือน ส.อ.ท.ให้รัฐสอบผ่านคาบเส้น

27 กันยายน 2554, 06:00 น.
http://www.thairath.co.th/content/eco/204758

ส.อ.ท.เห็นใจ 1 เดือน “ยิ่งลักษณ์” มัวเดินสาย “แก้บน” รัฐสอบผ่านคาบเส้นยาแดง!

ส.อ.ท.ให้คะแนนขวบเดือนรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ผ่านคาบเส้นยาแดง เห็นใจต้องเร่งทำคลอดนโยบายแก้บนพร้อมลุยแก้ปัญหาน้ำท่วมเฉพาะหน้า แต่ไม่เห็นด้วยกับการเร่งออกมาตรการช่วยแต่เฉพาะคนชั้นกลาง ควรหันมามองคนชั้นล่างเป็นหลัก

นายสมมาต ขุนเศรษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ครบ 1 เดือนวานนี้ (26 ก.ย.) ว่า ในมุมมองของภาคเอกชนตนขอให้คะแนนในการทำงานของรัฐบาล 5 เต็ม 10 คะแนน โดยมีเหตุผลคือ พอใจในภาพรวมของการทำงาน แต่ยังไม่เห็นผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งก็ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วยเช่นกัน เพราะเข้ามาทำงานเพียงแค่ 1 เดือน ทำให้วัดผลงานที่เป็นรูปธรรมได้ยาก และเวลาอีกส่วนหนึ่งก็ต้องทุ่มเทไปกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ในปีนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาในการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนเพื่อเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ แทนที่จะเร่งออกมาตรการซื้อบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรกแล้วได้คืนภาษี เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวของคนเกือบทั้งประเทศ แต่เป็นผลดีเฉพาะคนชั้นกลางเท่านั้น ดังนั้น นโยบายดังกล่าวอาจเลื่อนเวลาไปผลักดันในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าก็ได้ ไม่ถือว่าผิดสัญญาที่หาเสียงไว้กับประชาชน

“มองว่ารัฐบาลควรมีมาตรการที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนมีเงินอยู่ในกระเป๋าเพื่อดำรงชีวิตประจำวันด้วยการหาทางให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่กู้เงินกันเกือบทุกคน ทั้งการซื้อที่อยู่อาศัย กู้เพื่อไปลงทุน ฯลฯ ซึ่งตรงจุดนี้ หากดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงได้เดือนละ 300-500 บาทต่อเดือน เงินดังกล่าวก็จะเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพราะคนก็จะมีเงินเหลือจับจ่ายเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่าการจะไปพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นเบี้ยยังชีพคนชรา เพราะหากปรับขึ้นเบี้ยคนชราให้มากกว่า 500 บาทต่อเดือน แต่ค่าครองชีพไม่ลด ก็ไม่มีผลดีแต่อย่างใด”

นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า คงยังไม่ให้คะแนนการทำงานของรัฐบาล เพราะเห็นว่าเพิ่งทำงานครบ 1 เดือน ยังประเมินผลไม่ได้เพราะขณะนี้เป็นช่วงที่รัฐบาลเร่งออกมาตรการตามที่หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง ซึ่งก็เห็นว่าเป็นการออกมาตรการด้วยความเร่งรีบ มีข้อผิดพลาด ทำให้ต้องนำกลับมาแก้ไขตลอดเวลา จึงอยากให้รัฐบาลตั้งหลักการทำงาน ก่อนจะออกมาตรการใดๆออกมานับจากนี้ไปควรพิจารณาให้รอบคอบ อย่าทำไปแก้ไขไป เพราะจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ว่ารัฐบาลจะทำงานได้ดีหรือไม่ และไม่ต้องวิตกว่ารัฐบาลจะมีอายุสั้น เพราะจำนวนเสียงสนับสนุน 300 เสียง น่าจะบริหารประเทศได้นานอย่างแน่นอน

นายธนิตกล่าวว่า รู้สึกเห็นใจรัฐบาลที่ต้องแบ่งเวลาในการทำงานเข้าไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกว่า 50 จังหวัด ในขณะนี้ และเห็นว่ารัฐบาลได้ทำงานในเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนหลังน้ำลดลง ทั้งการสร้างบ้าน ฟื้นฟูสภาพชีวิต และใช้งบประมาณให้ถึงมือผู้เดือดร้อนจริงๆ อย่าให้เกิดการทุจริต และเห็นว่ารัฐบาลต้องบูรณาการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกันมากกว่านี้ โดยอาจตั้งเป็นกระทรวงขึ้นมารับผิดชอบปัญหาน้ำทั้งระบบ ไม่ใช่เมื่อถึงเวลาน้ำท่วมก็เอาของไปแจกชาวบ้าน พอน้ำลดก็ไปช่วยสร้างบ้าน เพราะควรมีมาตรการที่จะทำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วม

“ผมอยากให้รัฐบาลเร่งสร้างความปรองดองกับคนทุกกลุ่มในประเทศไทย เพราะหากมีความปรองดองก็จะทำให้เกิดความมั่นใจจากต่างชาติ โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยว เพราะหาก 2 เรื่องนี้มีการเติบโตต่อเนื่อง ก็จะเกิดการจ้างงานจำนวนมากสำหรับคนไทย”.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
  • 27 กันยายน 2554, 06:00 น.

ใส่ความเห็น