สศช.ทำนายล่วงหน้าปัจจัยบวกเอื้อไปหมด

16 กรกฎาคม 2554, 06:00 น.

สศช.ทำนายล่วงหน้าปัจจัยบวกเอื้อไปหมด.

Pic_186703

แค่ “ปู” ไต่เศรษฐกิจไทยโตพรวด สศช.ทำนายล่วงหน้าปัจจัยบวกเอื้อไปหมด

สศช.คาดเศรษฐกิจปี 54 โตกว่าเป้าที่ตั้งไว้เหตุส่งออกขยายตัวเกินคาด รับหากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและรายได้เพิ่มกระฉูดอีกแน่  แต่ยังผวาอัตราเงินเฟ้อทะยานตาม ไม่กล้าขวางนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ว่าที่รัฐบาลใหม่ แต่หากจะให้รัฐควักเนื้อสมทบคงทำไม่ได้ ด้าน “อลงกรณ์” ขอฝากผลงานทิ้งทวนจี้พาณิชย์ผนวกแผนพัฒนาธุรกิจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนฯ 11

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 54 คาดว่าจะเติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 3.5-4.5% หลังจากตัวเลขการส่งออกล่าสุดยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และหากรัฐบาลใหม่มีมาตรการต่างๆเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของความชัดเจนในการใช้เม็ดเงินเข้ามากระตุ้นโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีความแข็งแกร่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ก็จะทำให้เศรษฐกิจโตได้เกินเป้าอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ยังเชื่อว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ยังคงไม่ทิ้งเรื่องเศรษฐกิจมหภาคที่ต้องสร้างฐานความมั่นคงทางการคลังโดยไม่จัดทำงบประมาณขาดดุลนานเกินไป รวมทั้งต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มมูลค่าการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น เพิ่มการบริการจัดการน้ำ การกระจายแหล่งน้ำให้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิตในภาคการเกษตรรวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนมาใช้ระบบรางเพิ่มขึ้น โดยเร่งการก่อสร้างรถไฟฟ้า และโครงข่ายรถไฟทั่วประเทศเพื่อลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์

“เชื่อว่านักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยซึ่งเอื้ออำนวยต่อแรงจูงใจในการลงทุน ถ้าเรามีมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ชัดเจน มีแรงงานมีฝีมือ และปัจจัยสภาพแวดล้อมในโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างความสะดวกสบาย ขณะที่ความเชื่อมั่นในประเทศ โดยในภาคการเกษตรที่เป็นภาคใหญ่ของไทย ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรยังมีแนวโน้มสูงทั้งภูมิภาคและทั้งโลก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดแคลน และมีการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ภาคการเกษตรก็ยังคงโตต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของปัจจัยเสี่ยงนั้นคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์หนี้สินของยุโรป และราคาน้ำมันด้วย โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มว่าราคาจะสูงขึ้นไปถึงปี 55 และจะเป็นปัจจัยที่กระทบต่อต้นทุนการผลิตเช่น อาหาร ที่มีต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น และล่าสุด สศช.ได้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 54 น่าจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 3.8% ด้วย

ทั้งนี้ ในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อนั้นยังต้องดูควบคู่กันไประหว่างราคาน้ำมันและอาหาร แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลจะช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลอยู่ แต่ในส่วนของอาหารนั้นคงต้องขอความร่วมมือไม่ให้ราคาปรับสูงขึ้นไปกว่านี้

นายอาคมยังกล่าวถึงกรณีที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ และหากรัฐบาลยังยืนยันจะปรับให้ได้ก็ควรนำงบประมาณมาชดเชยส่วนต่างแก่ผู้ประกอบการว่า ปกติรัฐบาลไม่เคยจ่ายงบประมาณให้เอกชนโดยตรง ต้องดูวิธีการก่อนว่าจะทำได้หรือไม่และการดำเนินการดังกล่าวก็มีกลไกของคณะกรรมการไตรภาคีที่กำกับอยู่แล้ว

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งแผนพัฒนาธุรกิจแห่งชาติที่กระทรวงพาณิชย์จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกและได้เปิดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นกับผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงประชาชนทั่วไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ค.54 ไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้ สศช.นำแผนพัฒนาธุรกิจดังกล่าวบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11

ทั้งนี้ แผนพัฒนาธุรกิจดังกล่าวประกอบด้วย 10 ยุทธศาสตร์ กำหนดดำเนินการ 5 ปีตั้งแต่ปี 2555-59 ซึ่งการดำเนินการตามเป้าหมายจะช่วยเพิ่มมูลค่าต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเป็นเท่าตัว อาทิ 1.การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อธุรกิจเสนอให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อธุรกิจแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อรองรับการแข่งขันระหว่างประเทศ 2.การพัฒนาระบบราชการเพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจ โดยเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคี 3.การพัฒนาธุรกิจตัวแทนการค้าและจัดจำหน่าย 4. การพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยว ผ่านโครงการพัฒนาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ผ่านระบบสารสนเทศ และปรับโครงสร้างหน่วยงานกำกับดูแล 5.การพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ เสนอให้ตั้งสถาบัน กองทุน ตั้งศูนย์กระจายสินค้า จัดเที่ยวบินบริการขนส่งสินค้าเป็นการเฉพาะและเชื่อมโยงการค้าตามชายแดน และ 6.การพัฒนาธุรกิจอาหารและแปรรูปการเกษตร มุ่งในเรื่องความมั่นคงทางอาหารในประเทศและของโลก เป็นต้น.

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
  • 16 กรกฎาคม 2554, 06:00 น.

ใส่ความเห็น