‘กรณ์’โต้ฝ่ายค้านรัฐบาลไม่เหลวแก้บาทแข็ง

14 ตุลาคม 2553, 14:13 น.

ผ่านทาง‘กรณ์’โต้ฝ่ายค้านรัฐบาลไม่เหลวแก้บาทแข็ง – ข่าวไทยรัฐออนไลน์.

Pic_118812

รมว.คลัง ลุกโต้ฝ่ายค้าน ลั่น มาตรการแก้บาทแข็ง 5 ข้อไม่ได้ล้มเหลว ย้ำเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี…

เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 14 ต.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดของ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคาร สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง เงินบาทแข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อประชาชน รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร

นาย สุรพงษ์ กล่าวว่า มาตรการ 5 ข้อที่รัฐบาลประกาศไปเพื่อช่วยเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่านั้น ยืนยันได้ว่ามาตรการดังกล่าวล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็น 29 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตรงนี้เป็นเพราะมีการเกร็งกำไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะถ้าขึ้นอีก 2 บาทกำไรก็จะเพิ่มขึ้นอีก มีคนตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีทำอะไรอยู่ ตอนนี้หลายอุตสาหกรรมกำลังประสบปัญหา อาจต้องลดขนาดธุรกิจลงเร็วๆ นี้ สินค้าเกษตรที่ส่งออกได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่ลดลง เกษตรกรเกิดวิบากกรรม ทั้งน้ำท่วม ข้าวของราคาแพง และแม้ราคาเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น แต่ปรากฏว่าราคาน้ำมันไม่มีการลดลง แล้วแบบนี้ประชาชนจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร หากนายกฯและรมว.คลังไม่ทำอะไรอีก ควรพิจารณาตัวเองและรีไทร์ออกไปเสีย และหากอีก 3 มาตรการที่จะตามออกมาแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้ จะรับผิดชอบอย่างไร จึงอยากถามว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจากค่าเงินบาทแข็ง ตัวอย่างไร

นายกรณ์ กล่าวชี้แจงว่า โดยทั่วไปอัตราค่าเงินของประเทศใดที่แข็งค่าขึ้นเท่ากับเงินในกระเป๋าพี่ น้องมีค่าขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งหากดูอัตราเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราว่างงาน มีเพียง 1% ซึ่งถือว่าต่ำมากที่สุด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับอัตราสกุลเงินอื่นอย่างเงินเยนค่าเงินบาทยังอ่อนอยู่ ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเปรียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯค่าเงินบาทจึงแข็งขึ้น เพราะเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงอย่างมาก อัตราว่างงานของสหรัฐฯ สูงถึง 10% การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 0% จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเมื่อนำเงินสกุลต่างๆ ไปเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วจะเงินจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตของสหรัฐฯนั้น เท่าที่ได้ฟังนโยบายเศรษฐกิจของเขาที่กรุงวอชิงตัน จะใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงิน โดยจะมีการพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมามากขึ้นและกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพื่อต่อสู้กับประเทศอื่นในโลก ปัญหาคือเราจะทำอะไรได้บ้าง เพราะนโยบายของสหรัฐฯที่ออกมาจะมีผลในเชิงบวกและเชิงลบ คนที่ลงทุนในต่างประเทศและใช้เงินซื้อสินค้าต่างประเทศจะได้เปรียบ แต่เศรษฐกิจไทยเน้นการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อน คณะรัฐมนตรี(ครม.)จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกไม่ให้ ได้รับผลกระทบมากเกินไปจากอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

รม ว.คลัง กล่าวต่อว่า บทบาทหน้าที่ในเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนนั้น ภาระหน้าที่ตามกฎหมายอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งง่ายมากที่ตนจะโบ้ยความผิดไปที่ผู้ว่าธปท. แล้วเห็นด้วยว่า มาตรการของ ธปท.ทำอะไรไม่ได้ แต่ในการประชุม ครม.พูดกันชัดเจนว่า สิ่งที่ต้องรับผิดชอบคือผลอัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อผู้ส่งออก ครม.จึงมีมาตรการเยียวยาผู้ส่งออกขนาดเล็กโดยตรง ส่วนที่อ้างว่ามาตรการนี้ล้มเหลว ชัดเจนว่าท่านไม่เข้าใจ คิดว่ามาตรการที่ครม.ออกมาเพื่อลดค่าเงินบาท ซึ่งไม่ใช่ แต่มาตรการที่ออกมาเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกรายเล็ก ซึ่งทั้งหมดเวลาจะเป็นผู้ตัดสิน

นายสุรพงษ์ ได้ถามย้ำว่า นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒนพิบูลย์ ได้ตำหนิมาตรการของ ธปท. ว่า ไม่สมเหตุสมผล และหากเงินบาทยังเป็นอย่างนี้อาจทำให้เกิดต้มยำกุ้งรอบ 2 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ​(ไอเอ็มเอฟ) ก็ออกมาบอกว่าโลกกำลังเข้าสู่สงครามเงินตรา จึงอยากถามว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร บอกว่า ค่าเงินบาทแข็ง มีคนได้ประโยชน์ 40% และไม่กระทบ 30% ซึ่งส่วนที่เสียประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นผู้ส่งออกเอสเอ็มอี ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศ เพราะถ้าเป็นรายใหญ่จะมีความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลก เปลี่ยนอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้รัฐบาลเตรียมการอย่างไรที่เงินทุนต่างประเทศเข้ามาแสวงหาประโยชน์ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างไร

ขณะที่ นายกรณ์ ชี้แจงว่า ท่านไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไป ในมาตรการของรัฐบาล สิ่งที่เราเสนอให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
บสย.เข้ามา มีส่วนค้ำประกันคือต้องมีหลักประกันที่วางกับธนาคาร นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้เสนอให้ที่ประชุมครม.ยกเลิกการยกเว้นการจัด เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้ จากดอกเบี้ย และกำไรจากการขายตราสารหนี้อัตรา 15% ที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้มีมาตรการให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน จึงได้ยกเว้นให้ฝรั่ง ซึ่งเราเห็นว่าควรยกเลิกมาตรการนี้

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย ทีมข่าวการเมือง
  • 14 ตุลาคม 2553, 14:13 น.

tags:
สภาผู้แทนราษฎร ชัย ชิดชอบ บาทแข็ง กรณ์ จาติกวณิช คลัง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล

ใส่ความเห็น