‘เนื้องอก’ ในสมองเด็ก

วันอาทิตย์ ที่ 01 สิงหาคม 2553 เวลา 0:00 น

ผ่านทางDaily News Online > โลกสีสวย > แรงงาน-สาธารณสุข > X-RAY สุขภาพ > ‘เนื้องอก’ ในสมองเด็ก.

ได้ ข่าวเศร้าจากเพื่อนนักข่าวด้วยกันถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟังว่า “มีหลานอายุแค่ 5 เดือนป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง ตอนแรกก็ไม่รู้เป็นอะไร รู้แต่ว่าเลี้ยงแล้วตัวไม่โตขึ้น ก็เลยพาไปโรงพยาบาล หมอหาสาเหตุอยู่ร่วมเดือน กว่าจะเจอว่ามีก้อนเนื้อขนาดประมาณ 5 ซม.อยู่ในสมอง ตอนแรกหมอไม่บอกชัด ๆ ว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นมะเร็งหรือเปล่า ตอนหลังจึงยอมบอกว่าเป็นมะเร็ง โดยบอกว่าหากผ่าตัดก็คงไม่สามารถเอาก้อนเนื้อออกมาได้หมด เพราะอยู่ลึก และเซลล์มะเร็งก็เริ่มกระจายแล้ว หลังปรึกษากัน ญาติตัดสินใจไม่ผ่า แต่เอาหลานกลับไปรักษากับหมอที่เป็นแพทย์ ทางเลือก (สมุนไพร) แทน โดยหลานสาวกินยาสมุนไพรประมาณ 5-6 เดือนแล้ว บางช่วงก็เหมือนดีขึ้น บางช่วงก็ทรง ๆ แต่มาช่วงหลังอาการแย่ลง เกร็งหนักมากขึ้น หลังจากปรึกษากันหลายรอบ ล่าสุดก็เลยตัดสินใจพาไป รพ.อีกครั้ง”

จากเรื่องราวข้างต้นท่านผู้อ่านคงรู้สึกสะเทือนใจและอยากรู้คำตอบว่าเด็กตัว เล็ก ๆ เป็นเนื้องอกในสมองได้อย่างไรและมีโอกาสที่จะรักษาหายหรือไม่?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ช่อเพียว เตโชฬาร หัวหน้าหน่วยประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า เนื้องอกในสมองส่วนใหญ่ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่โดยหลักคือจะเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือยีน ซึ่งสาเหตุที่ยีนผิดปกติอาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น พ่อแม่ได้รับเชื้อไวรัส ซึ่งปกติไวรัสจะเข้าไปอยู่ในดีเอ็นเออยู่แล้ว แต่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจึงจะกลายเป็นเนื้องอกได้ ปกติในคนธรรมดาจะมีเซลล์ผิดปกติออกมา เพียงแต่ร่างกายสามารถทำลายกำจัดได้ มีบางครั้งที่ร่างกายกำจัดไม่ได้ เซลล์ผิดปกติก็เกาะตัวกันอยู่ภายในและโตขึ้นมาเรื่อย ๆ

เนื้องอกมี 2 แบบคือ เนื้องอกธรรมดา อยู่เฉพาะ ที่ไม่กระจายไปไหนถ้าตำแหน่งที่เป็นอยู่ตรงจุดไม่สำคัญ    ก็ตัดออกได้ แต่ถ้าเนื้องอกธรรมดาอยู่ในสมองหรืออยู่    ในบริเวณที่ตัดออกไม่ได้ ก็อันตรายพอ ๆ กับมะเร็งเหมือนกัน ส่วนเนื้องอกอีกชนิดคือเนื้อร้าย หรือ มะเร็งที่สามารถลุกลามและกระจายไปที่อื่นได้ทำให้เกิดอันตรายต่อเด็ก

ส่วนใหญ่เนื้องอกที่พบในเด็กมักจะอยู่ตรงแกน    กลางของสมอง ถ้าจะผ่าตัดก็ลำบาก หรือมักจะอยู่บริเวณ ด้านหลังของสมอง กรณีที่พบในเด็ก 5 เดือนแสดงว่าเป็นเนื้องอกตั้งแต่อยู่ในท้อง ซึ่งอุบัติการณ์ในช่วงขวบปีแรกจะพบเนื้องอกในสมองไม่เยอะ แต่เนื้องอกที่พบส่วนใหญ่จะมีความรุนแรงหรือเป็นมะเร็ง ทั้งนี้แม้จะเป็นแบบร้ายแรงก็จริง แต่อัตราการรักษาแล้วหายก็มีอยู่ไม่น้อย คือ ถ้าผ่าตัดเอาออกได้หมด ก็พอมีโอกาสหายได้ แต่ข้อเสียคือในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบฉายแสงไม่ได้ โอกาสที่จะหายจึงน้อยลง

นพ.ช่อเพียว กล่าวว่า เนื้องอกสมองในเด็กมีหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่พบบ่อยประมาณ 70-80% ของเนื้องอกทั้งหมดมี 3 ชนิด คือ 1.พิโลซิติก แอสโตรซัยโตมา กรณีนี้เป็นแล้วส่วนใหญ่รักษาได้ มักพบในเด็กโตเกิน 8 ขวบขึ้นไป 2.เมดดัลโลบลาสโตมา มักพบในเด็กเล็ก ๆ เป็นหลัก หน้าตาเนื้องอกนี้อาจจะดูร้าย แต่โอกาสรักษาหายได้ 50-60% และ 3.อีเพนไดโมมา พบได้ประมาณ 10%

ในกรณีเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ จะมีเนื้องอกอีกชนิด เรียกว่า “เทอราทอยด์ เรบดอยด์โตมา” เป็นเนื้องอกที่อันตราย   มาก ผ่าตัดออกหมดก็มักจะไม่หาย เพราะมันจะแพร่กระจายไปทั่ว และอย่างที่บอกเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบจะไม่แนะนำให้ผ่าตัด เพราะเนื้อสมองทนรังสีไม่ได้

สำหรับข้อสังเกตอาการเด็กที่เป็นเนื้องอกในสมองคือ เด็กจะไม่โต งอแง ซึม ไม่ยอมกินอะไร หัวโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความดันในกะโหลกศีรษะ เนื่องจากก้อนเนื้องอกโตอยู่ในสมอง หรือจากปกติดีก็อาจใช้แขนบางข้างไม่ถนัด ทั้งนี้ถ้าเป็นเด็กโตเวลามีอาการ เด็กอาจจะบอกอาการได้ แต่เป็นเด็กเล็กก็ต้องใช้วิธีสังเกตอาการ

การวินิจฉัยจะอาศัยการซักประวัติและการเอกซเรย์ คอมพิวเตอร์สมอง หรือซีทีสแกน ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มขึ้นก็ตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เอ็มอาร์ไอ จะรู้ตำแหน่งและขนาดเนื้องอกที่ชัดเจน

สำหรับการใช้สมุนไพรรักษานั้น ขอเรียนว่า ไม่เคยมีใครรู้ว่าสมุนไพรมีตัวยาอะไรบ้าง อีกทั้งเนื้องอกแต่ละชนิดใช้ยาไม่เหมือนกัน ไม่มียาตัวไหนที่วิเศษรักษาเนื้องอกทุกชนิดได้ การใช้วิธีการรักษาด้วยสมุนไพรอาจทำให้เด็กบางคนพลาดโอกาส คือแทนที่เขาเป็นเนื้องอกที่สามารถรักษาให้หายได้ก็ไม่ได้รับการรักษา ดังนั้นอย่าไปเสียเวลา เสียโอกาสในการรักษาก็หมดไปทุกวัน ดังนั้นอยากให้มารักษากับแพทย์แผนปัจจุบันดีกว่า เพราะการรักษาเนื้องอกมีมาตรฐานการรักษาที่มีการศึกษาเยอะมากว่า ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดนี้ใช้ยาตัวไหนดี หรือเนื้องอกอย่างนี้ผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัดจะดีกว่ากัน ไม่ต้องไป ลองสมุนไพรเพราะมันเหมือนกับการลองผิดลองถูก ทำให้ตัดโอกาสการรักษาเพราะถ้ารักษาผิดวิธีและไม่ได้ผลก็เสียเวลาเปล่า ถ้ารักษาถูกวิธีโอกาสจะหายมากกว่า

ท้ายนี้ขอเรียนว่า หากเด็กมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าลืมว่า เวลาผ่านไปทุกนาทีเนื้องอกโตอยู่ตลอดเวลา บางคนมาในระยะไม่กระจายรักษาเร็วหายได้เลย ถ้ากระจายไปแล้วก็รักษาลำบาก.

นวพรรษ บุญชาญ

14 thoughts on “‘เนื้องอก’ ในสมองเด็ก

    • ควรพาไปพบหมอนะครับ เช่น นพ.ช่อเพียว เตโชฬาร หัวหน้าหน่วยประสาทศัลยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องนี้ไว้ก็ได้ครับ

      ถูกใจ

  1. ขณะนี้หลานได้รับการผ่าตัดครั้งที่ 2 เมื่อศุกร์ ที่10/8/12 หลังจากที่หมอได้เอกซ์เรย์ MRI ที่นครปฐม เมื่อจันทร์ที่ 6/8/12 อาการของหลานน่าสงสารมาก แพ้ยามากเป็นผื่นขึ้นตามตัว กินอะไรก็อาเจียร และยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ราชบุรีเหมือนเดิม ขอบคุณนะคะ ที่เอาใจช่วย

    ถูกใจ

  2. หมอบอกว่า เนื้องอกที่หลานสายป่านเป็นไม่ใช่ มะเร็ง แต่เป็นเนื้อไม่ดี ถ้าหลานสายป่านไม่มีไข้จะให้กลับบ้านจันทร์ 20 นี้ แล้วทำเรื่องไปรักษาตัวต่อที่ กทม. ดิฉัน
    อยากทราบว่า มะเร็ง กับ เนื้อไม่ดี มันแตกต่างกันอย่างไรคะ ขอให้ท่านได้ให้ความรู้กับคนที่ไม่มีความรู้ด้วยค่ะ

    ถูกใจ

  3. พอดีเรยค่ะ ลูกหนูนิ้วล็อคตั้งแต่เกิด พาไปหาหมอตั้งแต่ยังไม่1ขวบ หมอให้เราดัดไปเรื่อยๆเวลาเราดัดเด็กจะเจ็บค่ะ พอมันตรงซักพักก็ง้อกลับมาเหมือนเดิมค่ะ ตอนนี่ลูกหนู3ขวบแล้วค่ะ ทำไงดีค่ะ

    ถูกใจ

ใส่ความเห็น